Jodie Comer พลิกบทบาทจากนักฆ่าสู่การเป็นโปรแกรมเมอร์สาวใน Free Guy

| |

หลังจากที่สามารถทำให้ผู้ชมทั่วโลกทึ่งกับบทบาท วิลลาแนลล์ นักฆ่าสาวสุดฮอตจาก Killing Eve ในที่สุด Jodie Comer นักแสดงมากความสามารถจากลิเวอร์พูลก็ได้นำทักษะการแสดงของเธอมาสู่ฝั่งฮอลลีวูดกับภาพยนตร์คอเมดี้-ไซไฟเรื่องแรกที่ได้ประกบคู่กับ Ryan Reynolds

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเธอเป็นนักแสดงรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปี 2018 ที่เธอรับบท Villanelle ในซีรีส์ Killing Eve คู่กับ Sandra Oh ในบท Eve Polastri เจ้าหน้าที่ MI6 ที่ถูกมอบหมายให้ตามสืบและจับตัวของวิลลาแนลล์มาให้ได้ และบทนี้เองก็ทำให้เธอเข้าชิงรางวัลมาหลายเวที และคว้ารางวัลจาก EMMY และ BAFTA มาได้อีกด้วย

71st Emmy Awards: Jodie Comer Wins For Outstanding Lead Actress In A Drama Series

ย้อนไปในช่วงที่การเก็บกระเป๋าเพื่อเดินทางมายังฮอลลีวูดยังเป็นเพียงความฝันสำหรับนักแสดงสาวชาวอังกฤษคนนี้ โจดี้ เคยลงเรียนคลาสเกี่ยวกับการฝึกออกเสียงเพื่อให้คำพูดชัดเจน “เพราะทุกครั้งที่ฉันไปออดิชัน ทุกคนมักจะคิดว่าฉันไม่มีทางที่จะทิ้งสำเนียงสเกาซ (scouse) ได้เลย ฉันจึงมีความคิดว่า งั้นฉันคงต้องฝึกที่จะพูดสำเนียงอื่นแล้วหล่ะ” แต่แล้ว ฉันยังจำได้ดี เมื่อครั้งที่ได้ร่วมงานกับ Stephen Graham เขาบอกกับฉันว่า “อย่าได้พยายามจะเปลี่ยนสำเนียงการพูดของตัวเองเด็ดขาด”

โจดี้มีโอกาสร่วมงานกับ Stephen Graham จากซีรีส์ Good Cop (2012) ซึ่งฉายทาง BBC เขาประทับใจในความสามารถของเธอ จนได้แนะนำโจดี้ให้กับเอเจ้นท์ของเขาเอง นั่นคือ Jane Epstein หลังจากนั้นเส้นทางการแสดงของทั้งสองก็แยกย้ายกันไป โดยที่การแสดงของสตีเฟนเน้นไปทางดราม่าซีรีส์ของทางฝั่งอังกฤษ อาทิ Virtues และ Line of Duty ในขณะที่โจดี้ได้เริ่มผันเข้าสู่ฝั่งฮอลลีวูดและกำลังจะมีบทบาทในฐานะนักแสดงนำเป็นครั้งแรกจากเรื่อง Free Guy 

แต่นักแสดงสาวคนนี้ก็ได้แสดงให้ทุกคนเห็นแล้วว่า ‘คุณสามารถพาสาวลิเวอร์พูลออกมาจากลิเวอร์พูลได้ แต่ไม่สามารถเอาความเป็นลิเวอร์พูลออกไปจากเธอได้เลย’ ในขณะที่เธอได้นั่งให้สัมภาษณ์กับ Sunday Life พวกเราได้แชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับบ้านเกิดของเธอเอง ทั้งที่ท่าเรือ Royal Albert, การปรับปรุงฟื้นฟู Merseyside และช่วงเวลาวัยเด็กของเธอในละแวก Childwall ที่ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้จากตัวเมือง

“บ้านฉันเป็นครอบครัวใหญ่ เราสนิทกันมากและตอนนี้ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม” เธอกล่าว “พวกเขาทำให้ฉันเป็นฉันทุกวันนี้ ผู้คนจากลิเวอร์พูลหรือที่ทุกคนเรียกว่าสเกาเซอร์ (Scouser) พวกเรามีความพิเศษ อาจจะเป็นเพราะมีอะไรอยู่ในน้ำก็เป็นได้นะ ฉันก็ไม่แน่ใจว่ามันมาจากไหน แต่ทุกคนเป็นตัวของตัวเองแล้วก็มีความแปลกใน (ทางที่ดี) มีความตลกอยู่ในตัว ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ฉันคิดถึงมากเลยเวลาที่ฉันต้องจากมา”

นอกจาก Free Guy แล้ว โจดี้ยังมีผลงานโปรเจ็กต์ใหญ่ร่วมกับผู้กำกับมากฝีมืออย่าง Ridley Scott ถึงสองโปรเจ็กต์ใหญ่ๆ ด้วยกัน นั่นคือ ภาพยนตร์ The Last Duel ซึ่งได้นักแสดงร่วมคือ Matt Damon ซึ่งถ่ายทำเสร็จแล้ว มีแผนจะเข้าฉายช่วงปลายปี 2021 และในซีรีส์เรื่อง Kitbag ซึ่งเธอจะได้แสดงร่วมกับ Joaquin Phoenix ในบทบาทภรรยาของนโปเลียน โบนาปาร์ต ซึ่งนับว่านี่เป็นการเริ่มต้นที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก

Jodie Comer กับตัวละครแบบอย่างสำหรับผู้หญิงในรุ่นถัดไป

สำหรับ Free Guy ถือเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่โจดี้ โคเมอร์ มารับบทนำ หลังจากที่ร่วมงานไปกับจักรวาล Star Wars ในภาค The Rise of Skywalker ซึ่งในเรื่อง Free Guy ก็ได้ Shawn Levy จาก Night at the Museum และ Stranger Things มารับหน้าที่กำกับ แถมยังได้ Ryan Reynolds มารับบทเป็น Guy เจ้าหน้าที่แบงก์ใน Free City ซึ่งเป็นตัวละครในเกมที่ถูกสร้างขึ้นมานั่นเอง

ส่วนโจดี้ โคเมอร์ ก็รับบทเป็น Millie โปรแกรมเมอร์สาวในโลกความจริงที่รู้ทันแผนร้ายของ Antoine รับบทโดย Taika Waititi ผู้ต้องการจะลบระบบเกมเพื่อปกปิดร่องรอยบางอย่าง และ Molotov Girl ตัวละครอวตารของ Millie ใน Free City ที่ต้องหาทางออกแข่งกับเวลาเพื่อที่จะช่วย Guy ชายในเสื้อฟ้าผู้ที่เพิ่งรู้ว่าตัวเองและโลกที่เขาอยู่เป็นเพียงโลกของเกมเสมือนจริงที่ถูกสร้างขึ้นมา และต้องขอบคุณความผิดพลาดของระบบโปรแกรมเลยและ Free City ไว้จากแผนการครั้งนี้

Jodie Comer as Milly and Joe Keery as Keys in 20th Century Studios’ FREE GUY.  Photo by Alan Markfield. © 2020 Twentieth Century Fox Film Corporation.  All Rights Reserved.
Jodie Comer as Milly and Joe Keery as Keys in 20th Century Studios’ FREE GUY.
Photo by Alan Markfield. © 2020 Twentieth Century Fox Film Corporation. All Rights Reserved.

เธอบอกกับ The Sydney Morning Herald ว่าอุตสาหกรรมเกมมักจะมีผู้ชายเป็นตัวชี้นำ “ฉันคิดว่ามันน่าสนใจมากเลยนะ สำหรับทั้ง Millie และ Molotov Girl เอง เพราะในโลกของเกมมักจะเป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่ผู้ชายมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางของมัน และในเรื่องนี้เอง เราจะได้เห็น ได้สำรวจสิ่งต่างๆ ผ่านประสบการณ์ของมิลลี่ เพื่อเข้าใจถึงอุปสรรคต่างๆ ที่เธอต้องเผชิญ”

ซึ่งมันก็ไม่ได้แตกต่างจากอุตสาหกรรมในฝั่งฮอลลีวูดเท่าไรนัก เธอเสริม “วงการฮอลลีวูดก็เป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่นำด้วยผู้ชายเป็นส่วนใหญ่ ฉันเลยชอบความคิดที่ว่า Molotov Girl อาจกลายเป็นตัวละครแบบอย่างสำหรับผู้หญิงในรุ่นต่อๆ ไป  เธอทั้งมีชีวิตชีวา มีความไร้เดียงสา แล้วก็ยังมีอารมณ์ขันอีกด้วย ฉันหวังว่าสาวๆ ทุกคน จะสามารถเชื่อมโยงกับเธอได้ไม่ยาก”

กลับมาที่ภาพยนตร์ Free Guy เธอเพิ่มเติมว่า “สิ่งที่ช่างพิเศษและสวยงามสำหรับ Guy คือเขาไร้เดียงสา เขาสัมผัสประสบการณ์ต่างๆ เป็นครั้งแรก แล้วเขาก็สามารถมีความสุขได้กับสิ่งที่เรียบง่ายที่สุด หัวใจของภาพยนตร์เรื่องนี้ คือการตระหนักรู้ว่าเรามีคุณค่า ว่าเรามีพละกำลัง และเมื่อเราสามารถรวมกันเป็นหนึ่งเดียวได้ เราจะสามารถเปลี่ยนแปลงและสรรค์สร้าง ทำสิ่งที่มหัศจรรย์ให้เกิดขึ้นมาได้”

Free Guy ขอสักทีพี่จะเป็นฮีโร่ | ตัวอย่างสุดท้าย (Official ซับไทย)

Free Guy เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ต่างประเทศ 13 สิงหาคมนี้ สำหรับในประเทศไทย รอติดตามรอบฉายอีกครั้งหนึ่ง

Source:

  • https://www.smh.com.au/culture/movies/jodie-comer-from-tv-s-sexiest-villain-to-big-screen-geek-hero-20210728-p58dop.html
Previous

Time’s Up, Women in Film และ ReFrame ยืนหยัดต่อต้านคำแถลงของดิสนีย์ที่มีต่อสการ์เล็ต

Dead Ringers ซีรีส์ฉบับรีเมคของ Amazon ที่ได้ Rachel Weisz รับบทนำ

Next