เบื้องลึกเบื้องหลังของ ‘if i could make it quite’ อัลบั้มเดบิวต์จาก girl in red

| |

หลังจากที่ girl in red ปล่อยซิงเกิลและอัลบั้ม ep มาหลายต่อหลายเพลงให้เราฟังกัน ในที่สุด วันนี้ girl in red ก็ได้ปล่อยอัลบั้มเดบิวต์อันเป็นอัลบั้มเต็มออกมาให้เราฟังกัน นั่นก็คือ ‘if i could make it quite’ ซึ่งเพลงทั้งหมดในอัลบั้มนี้เขียนขึ้นโดยตัวของเธอเอง โปรดิวซ์โดยเธอและ Matias Tellez โปรดิวเซอร์ชาวนอร์วิเจี้ยน

if i could make it go quiet
Photo: AWAL

girl in red บอกกับ The Noize Magazine ว่าในอัลบั้มนี้จะเป็นเหมือนกับการสำรวจเรื่องราวและแตกต่างกับเพลงก่อนๆ ที่เธอเคยทำ “ฉันคิดว่ามันน่าจะมีความสนุกสนานอยู่ในนั้น และคุณจะได้ยินมัน มันเต็มไปด้วยพลังความคิดสร้างสรรค์ เพราะว่ามันจะไม่น้อยเลย หรือมันเหมือนการรวมเอาทุกๆ อย่างเอาไว้ และฉันรู้สึกว่ามันสนุกและเต็มไปด้วยพลัง”

‘if i could make it quite’ จาก girl in red

girl in red หรือมารี เริ่มเขียนเพลงในอัลบั้ม ‘if i could make it quite’ เมื่อช่วงปลายปี 2019 และทำมันต่อมาเรื่อยๆ ในปี 2020 ช่วงปีที่ผ่านมามันเต็มไปด้วยเรื่องราวที่โคตรจะแย่มากๆ สำหรับฉัน ฉันผ่านเรื่องยากๆ มาก็เยอะ ทั้งการที่ฉันต้องต่อสู้เรื่องสุขภาพจิตของตัวเอง และบางครั้งฉันก็รู้สึกว่าทุกๆ อย่างแม่งโคตรจะเสียงดังเลย ทุกความรู้สึกและความคิดมันต้องใช้กำลังและความสามารถทั้งหมดทั้งร่างกายแล้วก็จิตใจอีกด้วย เพราะงั้น ชื่อของอัลบั้มนี้ (if i could make it quite) ก็เกี่ยวข้องกับการจัดการกับเสียงรบกวนนั่นเพื่อไม่ให้มันดังจนเกินไป หรือไม่หนักหนาสาหัสเท่าไหร่ด้วย”

มารีบอกว่า “ตอนนั้นฉันดีเพรสมากๆ แล้วถึงรู้สึกโอเคขึ้นมา เพราะว่ามีเพลงมากมายที่ฉันเริ่มเขียนในตอนที่ฉันรู้สึกดีเพรส หลังจากนั้น ฉันก็มีความหวังขึ้นมาตอนที่ฉันได้สุนัขมานี่แแหละ มันเหมือนกับว่า ‘พระเจ้า ฉันน่าจะโอเคขึ้นในเร็ววันนี่แหละ’ ฉันเขียนเพลงท่อนต่างๆ แล้วก็คอรัส ที่ส่วนใหญ่ก็เขียนเสร็จแล้ว ฉันเขียนเพลงตอนที่ฉันรู้สึกเศร้ามากๆ แล้วฉันก็ทำเพลงเหล่านั้นจนจบ โดยที่พูดถึงเรื่องสุขภาพจิตของฉัน เพลงทั้งหมดก็เสร็จหลังจากที่ได้หมาของฉันมา แถมยังได้เนื้อเพลงในเชิงบวกอีกเยอะด้วย”

สามารถฟังอัลบั้ม if i could make it quite ของ girl in red ได้ที่ https://girlinred.ffm.to/iicmigq

เพลงในอัลบั้ม if i could make it quite

1. Serotonin

girl in red - Serotonin (official video)

เพลง serotonin เป็นเพลงที่มารีพูดถึงเรื่องของสุขภาพจิตอย่างเปิดเผย และเขียนเพลงนี้ขึ้นมาหลังจากที่เริ่มเข้าพบกับนักบำบัดในช่วงปี 2020 เธอบอกว่า “สิ่งที่ฉันพยายามบอกในเพลง serotonin ก็คือการรวบรวมสิ่งแปลกๆ ในหัวที่ฉันรู้สึก ตอนนี้ฉันรู้ว่าหลายๆ คนก็มีปัญหาแบบนี้เหมือนกัน ฉันก็พยายามที่จะทำตัวให้ผ่อนคลายนะ เวลาพูดถึงมัน … ฉันเรียนรู้ว่านั่นมันไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการ ไม่ใช่สิ่งที่ต้องเป็น ฉันไม่อยากได้ความรู้สึกนั้น มันเหมือนกับการออกไปยื่นท่ามกลางฝูงคนจำนวนมากพร้อมขวาน ความคิดมันก็แค่นั้น แต่พอฉันได้คิดแล้ว ฉันก็แบบ โอเคนะที่เราจะพูดถึงเรื่องนี้ ฉันเรียนรู้ได้แล้วว่าฉันโอเคกับมันจริงๆ”

โปรดิวเซอร์อย่าง Finneas O’Connell ก็บอกว่า “serotonin เป็นหนึ่งในเพลงที่ผมคิดว่ามันคูลมากที่สุดเพลงหนึ่งที่ผมเคยฟัง แล้วผมก็ตื่นเต้นมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในนั้น”

2. Did You Come?

girl in red - Did You Come? (official audio)

‘did you come?’ มารีบอกว่าเธอไม่เคยได้ยินใครพูดแบบนี้ในเพลงมาก่อน “เพลงนั้นทำให้ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากในการทำเพลงนี้ และฉันรู้สึกว่าเพลงมันทำให้ฉันตื่นเต้นจริงๆ ฉันไม่เคยอยากที่จะทำเพลงที่แบบ ‘นี่มันหมายถึงอะไรกันนะ’ และฉันก็แค่ร้องเพลงที่มันดูไร้สาระบ้าง”

3. Body and Mind

girl in red - Body And Mind (official audio)

“เพลง Body and Mind มันพูดถึงฉันแบบที่ว่า ‘ฉันไม่สามารถอยู่แบบนี้ได้อีกต่อไปแล้ว’ ฉันต้องการปลอบตัวเอง และสภาพจิตใจของฉันตอนเขียนเพลงนี้ มันเป็นการเดินทางที่แปลกสุดๆ”

4. hornylovesickmess

girl in red - hornylovesickmess (official audio)

5. midnight love

girl in red - midnight love

“ฉันรู้สึกว่าเพลง ‘midnight love’ เป็นผลงานที่ดีที่สุดของฉัน มันเป็นเพลงแรกของฉันที่เล่นกับเปียโน แต่ว่าวิธีการเขียนเพลงนี้มันแตกต่างจากปกติไปสักหน่อย แม้ว่าฉันจะมองในมุมมองของฉันในฐานะคนที่เป็นเหยื่อ แต่ว่าในชีวิตจริงแล้วฉันเป็นคนที่แบบ bad guy อะนะ เพื่อนสนิทของฉันคนหนึ่งก็ถูกทรีตแบบเดียวกับที่ฉันทรีตคนอื่น คนๆ นั้นก็จะส่งข้อความมาหาเพื่อนของฉัน เผื่อว่าพวกเขาจะได้พบกัน มันก็จะทำให้เธอมีความหวังแบบผิดๆ อะนะ ว่าพวกเขาจะได้เป็นอะไรมากกว่านั้น เพราะงั้น เธอก็มักจะ say yes แล้วก็ไปหาเขานั่นแหละ การได้เห็นมันอย่างใกล้ชิดแบบนี้ ทำให้ฉันได้เห็นถึงมุมมองบางอย่าง และตระหนักได้ว่าสถานการณ์มันค่อนข้างคล้ายกันอย่างมาก เพลงนี้ก็เลยค่อนข้างสะท้อนให้เห็นว่า ฉันทำให้คนอื่นรู้สึกอย่างไรบ้าง แม้ว่าฉันจะไม่เคยทำตัวแย่ๆ ก็เถอะ แต่ฉันก็เคยทำมันนะ เราพบกันไม่นานหลังจากที่เธอได้ยินเพลงนี้ แล้วฉันก็ขอโทษเธอ ฉันคิดว่าเธอยกโทษให้ฉันนะ”

6. You Stupid Bitch

girl in red - You Stupid Bitch (official audio)

สำหรับเพลง “You Stupid Bitch.” ได้แรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์ที่มารีรักเรื่อง ‘The Perks of Being a Wallflower’ ที่สร้างขึ้นมาจากหนังสือของ Stephen Chbosky เธอบอกว่า “ประโยคในภาพยนตร์เรื่องนี้บอกไว้ว่า ‘เรายอมรับความรักที่เราคิดว่าเราสมควรได้รับมัน’ มันเป็นประโยคที่สะเทือนใจและทำให้แตกสบายได้อย่างมาก แต่มันเป็นสิ่งที่ฉันเผชิญในสถานการณ์นี้จริงๆ ซึ่งฉันจะอยู่ที่นั่นเสมอเพื่อเขา คนที่จะอกหักมา และฉันจะสิ่งเข้ามาหาทันที ฉันยอมทิ้งทุกสิ่งอย่างเพื่อพวกเขาที่อยู่ที่นั่น คนที่ไม่เคยมองเห็นฉันเป็นอย่างอื่นที่มากกว่าเพื่อน แม้ว่าฉันจะทำให้เธอมีความสุขได้ขนาดนั้นก็ตาม ซึ่งเพลงนี้ก็จะทำให้เห็นได้ว่า ฉันจะอยู่ที่นี่เพื่อคุณ และฉันต้องการที่จะอยู่กับคุณ แต่คุณก็ไปยุ่งกับคนอื่นๆ และคุณก็ทำมันพัง นี่เป็นเพลงที่บอกเล่าอย่างตรงไปตรงมาสุดๆ”

7. rue

girl in red - rue (official video)

‘rue’ เป็นเพลงที่มารีเขียนขึ้นมาเพื่อคนที่เธอรักโดยเฉพาะ “ฉันเขียนเพลงนี้ขึ้นมาเพื่อคนที่ฉันรัก ที่เขาได้รับผลกระทบจากเรื่องสุขภาพจิตของฉัน ฉันพยายามอยากเต็มที่ให้ดีขึ้นเพื่อพวกเขา ฉันอยากขอบคุณพวกเขามากๆ กับการที่พวกเขาเข้ามาอยู่ในชีวิตของฉัน”

ถึงแม้ว่าเธอจะได้แรงบันดาลใจในการเขียนเพลงนี้มาจากตัวละครของ Rue ใน Euphoria ของ HBO และหยิบเอาเรื่องราวของตัวเองมาเขียน แต่มารีก็บอกว่า “เธอ (Rue) เป็นคนติดยา แต่ฉันไม่ใช่” เธอยังกล่าวอีกด้วยว่า “แต่หลายสิ่งหลายอย่างที่เธอต้องรู้สึก และพยายามหลีกหนี ก็คือเรื่องไร้สาระที่ฉันต้องรับมืออยู่ตลอดเวลา”

เธอยังบอกอีกด้วยว่า “หลายคนไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องของสุขภาพจิต คนขาดความรู้และไม่เข้าใจว่าสุขภาพจิตของคุณนั้น อาจจะไม่เป็นอย่างที่คุณคิดก็ได้ คุณอาจจะหดหู่ แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่อยากจะออกไปข้างนอกหรือไม่มีความรู้สึกเลย แต่สำหรับฉันแล้ว มันไม่ใช่เรื่องเลยที่จะไม่พูดถึงสุขภาพจิต ทุกคนมีสุขภาพจิต เหมือนกับที่ฉันไม่เห็นว่าการพูดเรื่องเพศเป็นเรื่องต้องห้าม”

8. Apartment 402

girl in red - Apartment 402 (official audio)

สำหรับ Apartment 402 เป็นเพลงที่มารีชอบมากๆ เธอชอบเนื้อเพลงของเพลงนี้ที่ว่า “But there’s a crack in every wall / Is there a way out after all?” เพราะสำหรับเธอนั้น มันสวยงามากๆ “ฉันอยู่ในอพาร์ทเมนต์ 402 ซึ่งตัวของฉันก็มีความสำพันสุดเวียร์ดกับสถานที่แห่งนี้ด้วย บางครั้งฉันรู้สึกเหมือนตัวเองตายที่นี่ และไม่มีคนอื่นได้รู้ เหมือนกับเนื้อเพลงในเพลงนั้น “The place I call my home / I could die here and nobody would know” หรือบางเรื่อง ฉันคิดว่าหลายคนคงรู้สึกเหมือนกับแบบ ‘ถ้าฉันตายตอนนี้มันจะเป็นยังไงนะ จะมีใครสังเกตเห็นบ้างไหม'”

9. .

girl in red - . (official audio)

สำหรับเพลงที่ 9 ที่มีชื่อเพลง “.” นั้น girl in red บอกว่า มันก็คือ Full stop นั่นแหละ ฉันตั้งชื่อเพลงนี้เพื่อให้รู้สึกว่า ฉันพูดมากเกินไป แล้วมันก็ไม่มีชื่อเพลงไหนที่เหมาะไปกว่านี้แล้ว และเพลงนี้ก็เหมือนกับว่าการที่บางสิ่งกำลังจะจบลง และการใช้จุด full stop ก็เหมือนกับการทำเครื่องหมายนั้นให้หยุด”

10. I’ll Call You Mine

girl in red - I'll Call You Mine (official audio)

I’ll Call You Mine เพลงนี้เป็นเพลงที่เกี่ยวกับการเปิดใจให้ใครสักคน มารีบอกว่า “ฉันจะบอกว่าฉันเป็นเจ้าของทุกอย่างที่ฉันรู้สึกอยู่ที่นี่ ฉันแค่รู้สึกว่าฉันกำลังเรียกร้องให้ตัวเองด้วยเพลงเพลงนี้”

11. It Would Feel Like This

girl in red - it would feel like this (official audio)

สาเหตุที่เพลงสุดท้ายของอัลบั้ม if i could make it go quite เป็นเพลงบรรเลง นั่นก็เพราะหลายสาเหตุด้วยกัน ซึ่งตัวของมารีก็บอกว่า “สาเหตุที่เพลง It Would Feel Like This เป็นเพลงบรรเลงเพราะมันฟังดูแล้วแบบ ทั้งหมดทั้งมวลนั้นมันจะโอเคนะ แล้วมันก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นตอนจบของภาพยนตร์ ละมันก็มีเรื่องราวมากมายที่เล่าในอัลบั้มนี้ด้วย เพราะงั้น มันก็ควรที่จะมีเพลงจบที่เป็นเพลงช้านะ”

สามารถฟังอัลบั้ม if i could make it quite ของ girl in red ได้ที่ https://girlinred.ffm.to/iicmigq

source:

  • https://i-d.vice.com/en_uk/article/y3dgv5/girl-in-red-if-i-could-make-it-all-go-quiet-album-interview
  • https://outnowmagazine.com/girl-in-red-rue/
  • https://www.onestowatch.com/blog/girl-in-red-midnight-love
  • https://www.stereogum.com/2144191/girl-in-red-you-stupid-bitch/music/
  • https://www.stereogum.com/2145652/girl-in-red-if-i-could-make-it-go-quiet/interviews/qa/
  • https://www.thenoizemag.com/2020/12/exclusive-girl-in-red-2020/
  • https://www.thenoizemag.com/2021/03/girl-in-red-new-single-serotonin/
Previous

วิเคราะห์ทีเซอร์ทั้งสองตัวของ Stranger Things season 4

IDAHoBiT 2021 มาในธีม “Together: Resisting, Supporting, Healing!”

Next