ฟลอเรนซ์ พิวจ์ (Florence Pugh) นักแสดงจากเกาะอังกฤษ คลื่นลูกใหม่แห่งวงการฮอลลีวูดที่ตอนนี้เต็มไปด้วยผลงานขึ้นชื่อหลากหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Little Women ที่ทำให้เธอเข้าชิงรางวัลออสการ์ในสาขานักแสดงสมทบหญิงจากบท Amy March เมื่อปี 2020 หนังเรื่อง Midsommar ที่เธอกลายเป็นที่รู้จักกันอย่างมาก หรือแม้กระทั่งหนังอินดี้อย่าง Lady Macbeth ที่ทำให้เธอเป็นที่รู้จักทางด้านฝีมือที่ไม่ธรรมดา
วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ 25 สิ่งที่คุณอาจจะไม่รู้เกี่ยวกับเธอคนนี้ ถ้าพร้อมแล้วตามมาดูกันเลย
1. นามสกุล Florence Pugh อ่านว่า ‘พิวจ์’ ไม่ใช่ ‘พัค’
Florence Pugh ชื่อเต็มๆ ก็คือ Florence Rose C. M. Pugh อ่านว่า ฟลอเรนซ์ พิวจ์ ฟลอเรนซ์บอกว่า นามสกุลเธออ่านคล้ายกับ ฮิวจ์ เลย แต่เป็นตัว พ แทน มันไม่ใช่ พัคเกอร์ หรือว่า พู ด้วยนะ ถ้ายังนึกไม่ออก ฟลอเรนซ์ยังแนะนำว่าให้คิดถึงตอนที่เราเล่นยิงปืนละชักปืนออกมายิงก็จะทำเสียงปืนว่า พิ้วๆๆๆๆๆ ก็นั่นแหละ Pew = Pugh
2. เกิดที่อังกฤษ โตที่สเปน ก่อนจะย้ายกลับมาที่ออกซ์ฟอร์ด
Florence Pugh เกิดวันที่ 3 มกราคม 1996 ที่ออกซ์ฟอร์ด สหราชอาณาจักร โตที่ Sotogrande ในประเทศสเปน เพราะว่าฟลอเรนซ์มีปัญหาเกี่ยวกับทางเดินหายใจและโรคหอบหืด คุณพ่อคุณแม่ก็เลยคิดว่าอากาศดีๆ ที่สเปนจะช่วยให้ฟลอเรนซ์มีอาการดีขึ้น ก็เลยพากันย้ายไปที่นั่นตอนฟลอเรนซ์อายุ 3 ขวบ ก่อนจะย้ายกลับมาที่ออกซ์ฟอร์ดตอนฟลอเรนซ์อายุ 6 ขวบ
3. ฟลอเรนซ์มีพี่น้อง 4 คน เธอเป็นคนที่ 3
ครอบครัวของ Florence Pugh ฟลอเรนซ์เป็นลูกคนที่สาม เธอเคยเล่าว่าเธอเป็นน้องคนเล็ก ได้รับการดูแลอย่างดี จนกระทั่งมีน้องสาวตอนที่เธออายุได้ 7 ขวบ เธอบอกว่าเธอร้องไห้ตอนรู้ว่าจะมีน้อง แล้วก็โวยวายใส่แม่ด้วยว่าถามเธอรึยังว่าอยากมีน้องมั้ย แต่สุดท้ายก็รักน้องสุดอะไรสุดเลยคนนี้ ตอนเด็กๆ เธอเข้าเรียนที่โรงเรียนเอกชน Wychwood School และ St Edward’s School (ที่นี่ Emilia Clarke, Georgia Tennant เคยเรียน)
- Clinton Pugh คุณพ่อ เจ้าของร้านอาหาร
- Deborah Pugh คุณแม่ ครูสอนเต้น
- Arabella Gibbins พี่สาวคนโต นักแสดงละครเวที
- Sebastian Toby Pugh หรือที่รู้จักกันในชื่อ Toby Sebastian พี่ชาย นักแสดง นักร้อง อาจจะเคยคุ้นหน้าในบทของ Trystane Martell ใน Game of Thrones
- Rafaela “Raffie” Pugh น้องสาว
4. มัลติทาเลนท์
ฟลอเรนซ์บอกว่าเธออยากที่จะเป็นนักแสดงตอนอายุ 6 ขวบ ระหว่างทางที่เธอไปโรงเรียน เธอมักคิดว่าที่บ้านนั้นไฟไหม้ แล้วน้ำตาของเธอก็ไหลลงออกมาตอนอยู่ที่โรงเรียน เธอบอกว่าตอนนั้นเธอเป็นเด็กที่ดราม่าสุดๆ นอกจากการเป็นนักแสดง ฟลอเรนซ์เองก็ยังร้องเพลง เขียนเพลง เล่นกีตาร์ และตีกลองเป็นด้วยนะ นอกจากนี้ยังชอบทำอาหารมากๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นของคาวหรือของหวานก็ตาม
5. เลือกแต่งตัวสีสดใสในการออดิชั่นให้คนจำได้
เวลาที่ไปออดิชั่น ฟลอเรนซ์แต่งตัวยังไงไป ฟลอเรนซ์ก็บอกว่าเธอมักที่จะแต่งตัวให้สดใสแล้วก็มีสีสันเยอะๆ เธอเคยใส่ชุดที่มีดอกไม้ใหญ่ๆ ไม่ก็ทำผมแปลกๆ แล้วพวกเขาก็จะบอกว่า ‘โอ้ จำสาวคนที่ทำผมแปลกๆ นั่นได้มั้ย’
6. เมนูโปรดของฟลอเรนซ์
Florence Pugh กับเมนูของหวานสุดโปรด เธอเล่าว่าตั้งแต่เด็กๆ นั้น คุณพ่อกับคุณแม่ของเธอทำอาหารกันเก่งสุดๆ แล้วทีนี้ฟลอเรนซ์ก็กินเก่งมากๆ ด้วย มีหลายครั้งเลยที่ฟลอเรนซ์เล่าว่าของหวานเมนูโปรดของเธอนั้นคือทีรามิสุ แถมยังเป็นของโปรดตั้งแต่เด็กด้วยล่ะ
7. หลงรัก Léa Seydoux
Florence Pugh บอกกับ SensCtitique ว่าเธอหลงรัก Léa Seydoux จาก Blue is the warmest color มากจนถึงขนาดที่ว่าอยากจะขอเธอแต่งงานด้วย ถ้าอีกฝ่ายตกลง แล้วก็ได้พบกับ Léa Seydoux ในงาน Paris Fashion Week: Louis Vuitton เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2020 ด้วย
8. Romeo + Juliet คือหนังโปรดของฟลอเรนซ์
หนังโปรดของ Florence Pugh เธอบอกว่าเธอรัก Romeo + Juliet มาก เธอเคยฝันว่าได้แต่งงานกับ Leonardo DiCaprio หลายร้อยครั้งเลย แต่ที่แน่ๆ เธอก็อยากที่จะเป็นผู้ชาย หลายต่อหลายครั้งในชีวิตที่รู้สึกว่าอยากเป็นผู้ชาย แล้วก็อยากที่จะยืนฉี่บ้าง
9. ฟลอเรนซ์และงานออสการ์ 2020
Florence Pugh ณ งานออสการ์ 2020 เธอบอกว่าเธอมี M&Ms เต็มกระเป๋า แล้วตอนนั้นทุกคนยืนปรบมือให้กับ Martin Scorsese แต่เธอกำลังหยิบ M&Ms มาจะกิน กล้องก็จับหน้าเธอ เธอก็ต้องปล่อย M&Ms ไป เธอบอกว่า “ฉันไม่สามารถเป็นผู้หญิงที่กิน M&Ms ในขณะที่ปรบมือให้กับ Martin Scorsese ได้หรอกนะ”
นอกจากนั้นแล้ว ในงานอาฟเตอร์ปาร์ตี้ เธอสวมชุดสีทองสวย แต่พอถึงเวลาเต้นกลับเต้นไม่ถนัด ก็เลยฉีกกระโปรงให้ขาด เพื่อให้เต้นได้อย่างเต็มที่ สรุปว่าวันนั้นเธอแฮงค์ไป 1 วันเต็มๆ ก่อนจะออกมาโพสต์อินสตาแกรมในวันอังคารถึงงานออสการ์ในวันอาทิตย์ ส่วนวันจันทร์ก็คือแฮงค์และประมวลผลอยู่
10. ฟลอเรนซ์กับประเด็นทางสังคม
ฟลอเรนซ์กับประเด็น Body shaming ในโลกโซเชียล
ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งเธอให้ความสำคัญมากๆ เธอบอกว่าเธอมักจะเห็นเรื่องตลกเกี่ยวกับ body shaming ในโลกโซเชียลอยู่บ่อยครั้ง แล้วยิ่งเธอมีน้องสาวที่เด็กกว่าเธอถึง 7 ปี ก็ยิ่งทำให้เธอให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างมาก มันส่งผลกระทบต่อเธอในทุกๆ วันอีกด้วย
ฟลอเรนซ์ยังบอกอีกว่าชีวิตของคนเราไม่ได้จบลงเมื่อไม่ต้องเข้าโรงเรียนแล้ว มันยังคงดำเนินต่อไปในทุกๆ ค่ำคืน และปัญหาของตัวเองก็ยังดำเนินต่อไปด้วยเช่นกัน มันแย่มากๆ เธอไม่ชอบการเติบโตแบบนี้เลย การได้เห็นสิ่งนั้นทำให้เธอตระหนักถึงแรงกระตุ้นอย่างต่อเนื่องของทุกคนว่ามีอะไรก็ตามที่อยู่ในโทรศัพท์ของพวกเขา เธอก็เลยพยายามที่จะไม่เพิ่มสิ่งเหล่านั้นเข้ามาในชีวิตมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ บางครั้งมันก็ออกมาดี เธอยังบอกอีกว่าทุกๆ คนยังได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ โดยเฉพาะใน Instagram ที่มันค่อนข้างน่าเป็นห่วงและทำให้หลายๆ คนรู้สึกไม่มั่นคงอีกด้วย
Florence Pugh และประเด็น Cultural appropriation
เธอโพสต์ข้อความถึงเรื่องราวที่ผ่านมาที่เธอเคยไปฉกฉวยวัฒนธรรมมาใช้โดยไม่ได้คำนึงถึงความเป็นจริงและปัญหาที่ส่งผลกระทบที่เกิดขึ้นจาก white privilege และเรียนรู้ ทำความเข้าใจถึงปัญหาที่ส่งผลกระทบตามมา เธอบอกว่า “เพื่อให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลง ฉันต้องเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งแห่งการเปลี่ยนแปลงนั้น” อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
Florence Pugh กับปัญหา Anxiety
ปัญหาสุขภาพจิตโดยเฉพาะปัญหา Anxiety รวมไปถึงการที่แฟนของเธอช่วยให้คำแนะนำและให้กำลังใจเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพจิตของฟลอเรนซ์ด้วย ฟลอเรนซ์บอกว่าเธอเลิกดื่มกาแฟแล้ว แต่เปลี่ยนไปดื่มชาสมุนไพรแทน หันมาใช้แอปสุขภาพเพื่อช่วยจัดการปัญหา Anxiety ทั้งปรับวิธีการหายใจ ทำสิ่งที่ชอบที่ช่วยเยียวยาตัวเอง ทั้งการออกกำลังกาย ทำอาหาร หรือออกไปรับแสงแดดด้านนอกแทน
11. ตกหลุมรัก tide pen อย่างจริงจัง
ฟลอเรนซ์เคยให้สัมภาษณ์ว่าตอนที่เธอมาอเมริกา เธอตกหลุมรัก tide pen (ปากกาลบคราบสกปรก) อย่างจริงจัง แถม tide pen ยังช่วยชีวิตเธอไว้หลายครั้งเลยด้วย ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ไปกินข้าวแล้วหกเลอะ หรือตอนออกงานก็ตาม พอบินกลับอังกฤษทีก็หอบซื้อไปเป็นกองเพื่อเอาไปแจกเพื่อนที่นั่นด้วย ดูคลิปได้ที่นี่
12. ผลงานเรื่องแรกของ Florence Pugh คือ The Falling
Florence Pugh เข้าวงการครั้งแรกตอนอายุ 18 ปี ในเรื่อง The Falling ที่แสดงคู่กับ Maisie William ตอนนั้นมีพี่ชายและพี่สาวเข้าวงการไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนฟลอเรนซ์ก็สนใจอยู่บ้าง ตอนนั้นที่กำลังแคสติ้งนักแสดง The Falling อยู่แถวโรงเรียน คุณแม่ก็บอกฟลอเรนซ์ว่าอย่าคิดจะส่งไปเชียวนะ แต่ก็บอกด้วยว่าถ้าอยากลองก็ส่งไปได้ เพราะตอนนั้นคิดว่ายังไงก็ไม่ได้แน่นอน สรุปว่าได้จริงด้วย ก็เลยถือเป็นผลงานเรื่องแรกของฟลอเรนซ์ แถมยังเป็นที่รู้จัก แม้ว่าจะเป็นบทบาทเล็กๆ ก็ตาม แต่เธอก็ทำได้อย่างดี
13. Lady Macbeth คือผลงานที่ทำให้เธอเป็นที่รู้จัก
Florence Pugh บอกว่าเธอตื่นเต้นกับหนังเรื่องนี้มาก เพราะไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น คาแรกเตอร์นี้เป็นคาแรกเตอร์ที่เธอไม่เคยเจอมาก่อนเลย นี่เป็นสิ่งที่เธอสามารถยืนยันได้ แล้วตอนนั้นเธอก็เพิ่งมีผลงานเรื่องเดียวคือ The Falling แล้วก็หนังสั้นบ้าง เธอตัดสินใจเล่นหนังเรื่องนี้เพราะตัวบทที่น่าสนใจ รวมไปถึงทีมคอสตูม และบัดเจ็ตที่ได้มานั้นไม่เยอะเลย แล้วก็ยังไม่รู้ด้วยว่าใครจะซื้อไปฉาย ใครจะเป็นผู้จัดจำหน่าย ทำทุกอย่างโดยที่ไม่รู้ ไปเยือนงานเทศกาลหนังหลายๆ แห่ง แล้วก็ได้มีชื่อเข้าชิงใน BAFTA นั้นมันสุดยอดมากๆ
ฟลอเรนซ์พูดถึง Cosmo คนที่รับบทเป็นเซบาสเตียน ตอนนั้นใช้เวลาทั้งวันในการทำความรู้จักและดูเคมีระหว่างกัน คอสโมบอกกับฟลอเรนซ์ว่าเราจะมาเล่นเกมกัน เป็นเกมที่ต้องดันกันและกันจนกว่าอีกฝ่ายจะล้ม ฟลอเรนซ์ก็ดีใจเลย เพราะว่าเธอชอบสู้กับคนอื่น ทั้งคู่ก็ดันกันไปเรื่อยๆ จนคอสโมล้มลง มันเป็นเคมีระหว่างกันที่ดีมากๆ
ฟลอเรนซ์บอกว่า Katherine (ตัวละครใน Lady Macbeth) นั้นเป็นตัวละครที่เป็น modern woman แล้วก็สบถบ่อย ตัวแคทรีนไม่ได้เป็นผู้หญิงเรียบร้อย แล้วมันก็เป็นเรื่องราวและตัวละครที่มีความน่าสนใจและน่าตื่นเต้น ตอนนั้นมันก็มีทวีตจำพวก ผู้ชายจะคิดยังไงเวลาผู้หญิงสบถ ฟลอเรนซ์ก็ถามว่า “ทำไมถึงไม่ถามกลับกันล่ะ ว่าทำไมถึงไม่ถามว่าผู้หญิงจะคิดยังไงเวลาที่ผู้ชายสบถ ทำไมต้องเกี่ยวกับพวกเจนเดอร์ด้วย อยากที่จะรู้เหมือนกัน” และเธอยังบอกอีกว่า “ผู้หญิงควรที่จะเป็นตัวของตัวเอง โดยที่ไม่มีคำพูดของพวกผู้ชายมาคอยแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสิ่งนั้นๆ”
ผู้คนพยายาม make a thing ตอนที่ฟลอเรนซ์เปลือย ถ้าไปถามคนที่อยู่ในวงการหนัง มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย ถ้าถามว่าซีนไหนที่เป็น big thing สำหรับเธอ ก็คงเป็นฉากแรกของ Lady Macbeth นั่นแหละ มันไม่ใช่เรื่องที่น่าหยิบมาพูดเลยด้วยซ้ำ ทุกคนมักถามอยู่นั่นแหละว่าโอเคมั้ยกับฉากเปลือย จนสุดท้ายมันก็กลายเป็น a thing อีกรอบ จนต้องออกมาพูดอีก ซึ่งตัวคอสโมเองก็เปลือยเหมือนกับเธอเช่นกัน แต่ก็ไม่กลายเป็น a thing เหมือนเธอเลย ฟลอเรนซ์บอกว่า เธอโอเคกับการที่คนอื่นๆ เห็นร่างกายของเธอ (ผ่านทางหนังต่างๆ) ร่างกายไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นจะต้องรู้สึกกลัว แล้วเวลาไปสัมภาษณ์ คนก็มักจะชอบถามว่าคุณโอเคไหมที่จะต้องพูดถึงเรื่องนี้ฉากนี้ ฟลอเรนซ์บอกว่ามันทำให้รู้สึกตลก เพราะ a. มันไม่ใช่บทสนทนาที่น่ากลัวเลย b. เราพูดถึงมันได้
เวลาที่ต้องแต่งตัวในหนัง Lady Macbeth ฟลอเรนซ์บอกว่าเวลาสวมชุดนั้น การขยับตัว การหายใจมันเปลี่ยนไปซะหมดเลย อย่างฉากที่เธอต้องสู้กับคอสโม่ ที่รับบทเป็นเซบาสเตียน เธอขยับไม่ได้เลย มันเหมือนถูกขังอยู่ในคอเซ็ท นั่นคือความรู้สึกของผู้หญิงในยุคก่อนที่นอกจากจะถูกขังอยู่ในบ้านแล้ว ก็ยังถูกขังอยู่ในคอสตูมที่เธอต้องสวมใส่ในทุกๆ วัน ดูคลิปได้ที่นี่
14. การร่วมงานกับ Park Chan-Wook ผู้กำกับเกาหลีในมินิซีรีส์ The Little Drummer Girl
The Little Drummer Girl คือผลงานมินิซีรีส์ที่หยิบเอางานเขียนของ John le Carré มาดัดแปลง โดยได้ผู้กำกับ Park Chan-wook (박찬욱) จากผลงาน The Handmaiden มาเป็นผู้กำกับ และได้ Alexander Skarsgård, Michael Shannon รวมไปถึง Simona Brown มาร่วมแสดง ซึ่งทาง ปาร์ค ชาน-วุก เป็นคนบอกเองว่าคนที่จะต้องมาเล่นบท Charlie ก็คือ Florence Pugh แล้วทาง Simon Cornwell กับ Stephen Cornwell ก็บอกว่าโชคดีสุดๆ เพราะเพิ่งถ่ายงานกับฟลอเรนซ์จบไป ก็เลยตกลงที่จะให้ฟลอเรนซ์มาเล่นบทนี้ ฟลอเรนซ์บอกว่าเธอดีใจที่ได้มาเล่นใน The Little Drummer Girl เพราะตอนนี้เปิดพื้นที่มากขึ้นแล้วที่ผู้หญิงเข้ามามีบทนำไม่ว่าจะเป็นหนัง Superheroes แล้วก็ Doctor Who ที่ตอนนี้เป็นผู้หญิง แล้วที่เธอได้เล่นในเรื่องนี้ ตัวละครหญิงที่ดูธรรมดา นั่นทำให้เธอดึงดูดกับบทนี้ด้วย
15. ฟลอเรนซ์ขึ้นสังเวียน WWE ใน Fighting with my Family
สำหรับการเล่น Fighting with my Family ฟลอเรนซ์จำ WWE ครั้งล่าสุดได้ตอนอายุ 7 ขวบ เธอไม่รู้อะไรเลย แล้วพอรู้ว่าได้บท ก็กังวลมากๆ แม้ว่าตัวเองจะชอบการต่อสู้ก็ตาม มันเป็นอะไรที่โคตรกังวลและน่าตื่นเต้นมากๆ
ทั้งฟลอเรนซ์และผู้กำกับ Stephen Merchant อยากที่จะใช้สลิงน้อยๆ เธอก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เล่นสตั๊นท์ด้วยตัวเอง ไม่เหมือนทอม ครูซ ที่เล่นสตั๊นท์เอง เพราะว่าค่ายหนังก็ต้องจ่ายบานเลยถ้าเกิดนักแสดงบาดเจ็บ ซึ่งตัวของ Jack Lowden กับ Florence Pugh ก็ฝึกกันหนักมาก เข้าคลาสด้วยกัน และต้องฝึกเพื่อให้ยกกันและกันได้ เเพื่อให้เจอสไตล์ที่เข้ามากที่สุด มันสนุกแล้วก็ตื่นเต้นมาก มันก็คือการเต้นดีๆ นี่เอง
16. ฟลอเรนซ์และ Midsommar
ฟลอเรนซ์อ่านบทของ Midsommar ครั้งแรกตอนที่กำลังถ่าย the Little Drummer Girl ในกรีซ เธอได้รับสคริปต์จากเอเจนต์ของเธอก็บอกว่า “นี่มันบ้ามาก เธอควรอ่านสคริปต์เรื่องนี้นะ” เธอก็เลย อ่า โอเคๆ แล้วก็รับมันมา คืนนั้นเธอกลับบ้านหลังจากที่ถ่ายฉากตอนกลางคืนเสร็จตอน 6 โมงเช้า แล้วเธอก็ FaceTime กับ Ari Aster (ผู้กำกับ Midsommar) สองสามชั่วโมง แล้วเธอก็บอกว่าเธออยากอ่านมัน และสุดท้ายเธอก็อ่านมันก่อนหน้านั้นครั้งหนึ่งก่อนที่จะไปถ่ายฉากกลางคืนต่อ และอ่านอีกครึ่งหนึ่งหลังจากที่เธอกลับมา หลังจากนั้นเธอก็กลับมาอ่านใหม่อีกรอบ ในหน้าสุดท้ายมีประมาณ 200 คำได้ มันมีแต่ความขัดแย้งระหว่างตัวบุคคล แล้วก็ vibing กับอีกคนหนึ่ง ฟลอเรนซ์ต้องอ่านมันซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองว่าตัวเองไม่ได้เหนื่อยจนอ่านสคริปต์ไม่รู้เรื่องแล้ว แต่สุดท้ายมันก็คือ ‘แดนี่มีความสุข เป็นอิสระ ไม่มีความสุข ดีเพรส กรีดร้อง ร้องไห้ สำรอก มีความสุข ตื่นเต้น’ แล้วเธอก็ถามอาริว่า เราจะทำมันยังไงน่ะ
Florence Pugh เธอบอกว่าตอนถ่าย Midsommar เธอทั้งกลัวและกังวลมากๆ โดยเฉพาะฉากที่ต้องร้องไห้ในห้องน้ำ เธอจะฟังเพลงให้เยอะ หาที่เงียบๆ เปิดเพลงอัดหู แล้วก็เริ่มร้องไห้ เธอฟังอัลบั้ม re:member ของ Ólafur Arnalds
ต้องบอกก่อนว่าชุดของ May Queen ที่ Florence Pugh สวมในตอนท้ายของ Midsommar นั้นหนักประมาณ 15 กิโลกรัม และเต็มไปด้วยดอกไม้ผ้ากว่าหมื่นดอก ซึ่งฟลอเรนซ์ทั้งสวมแล้วก็ต้องเดินให้ได้ด้วย สำหรับมงกุฏดอกไม้ ในตอนแรกฟลอเรนซ์ไม่ได้สวมเพราะมันหนัก ทางทีมงานก็เลือกทำขึ้นมาใหม่ให้เบาขึ้น
17. Florence Pugh เกือบต้องเลือกว่าจะถ่าย Midsommar หรือว่า Little Women กันแน่
Florence Pugh เกือบต้องเลือกว่าจะถ่าย Midsommar หรือ Little Women เนื่องจากตารางถ่ายของ Little Women ดันไปซ้อนกับตารางถ่าย Midsommar ที่ฟลอเรนซ์ถ่ายอยู่ เนื่องจากเธอไปตกลงกับ Midsommar ก่อนแล้ว หลังจากนั้น ฟลอเรนซ์ก็โทรไปหา Greta Gerwig ผู้กำกับ Little Women ก็พยายามช่วยเธออย่างเต็มที่ ส่วนตัว Francine Maisler หนึ่งในทีมแคสติ้งนักแสดงบอกว่าเกรต้าไม่ยอมแพ้เลย แล้วทางโปรดิวเซอร์ก็ทำให้มันเกิดขึ้นด้วยการเลื่อนการถ่ายออกไป นั่นถือเป็นความสำเร็จของผู้กำกับเลยนะที่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ซึ่งตัวฟลอเรนซ์เอง หลังจากที่เธอถ่าย Midsommar จบ เธอก็ต้องบินไปที่บอสตันทันทีและพวกเขาก็เริ่มถ่ายทำกันเลย ฟลอเรนซ์บอกเลยว่า Amy March เปรียบเสมือนที่พักใจที่เธอต้องการในตอนนั้น มันเพอร์เฟคมากๆ เธอต้องกลับไปเป็นเด็กถึง 3 เดือนด้วยกัน เธอไม่ต้องคิดถึงดอกไม้ หรือว่ามี Mental breakdown หรือออกไปในสวนเลย
18. Florence Pugh ตกหลุมรัก Amy March ตั้งแต่ครั้งแรกที่คุณย่าอ่าน Little Women
ฟลอเรนซ์บอกว่าเธอตกหลุมรัก Amy March ตั้งแต่ครั้งแรกที่คุณย่าของเธออ่าน Little Women ตอนที่เอมี่เผางานเขียนของโจ เธอยังบอกอีกว่าเธอรักตัวละครที่ดื้อๆ ซนๆ มาก และนั่นทำให้เธอรักเอมี่มาโดยตลอด ตอนที่เธอได้บทเอมี่มาแล้วไปบอกคนอื่นๆ เธอดีใจมากๆ แม้ว่าคนอื่นจะบอกว่าเกลียดเอมี่ก็ตาม
ในการถ่าย Little Women Movie ฉากที่ฟลอเรนซ์ชอบที่สุดคือฉากที่เอมี่เผาหนังสือของโจ และฉากนี้ก็เป็นฉากที่ถ่ายสำหรับออดิชั่นด้วย เธอถ่ายไว้ถึง 2 เวอร์ชั่น ทั้งตอนเด็กและตอนโต เธอยังบอกอีกว่าเธอชอบฉากที่ทั้งเอมี่และโจซัดกันลงบนพื้น มันสนุกมากๆ ที่มีใครสักคนมาเล่นสนุกด้วยกัน
19. Amy March ต้องเป็นมากกว่าเด็กเผาหนังสือและแต่งงาน
ฟลอเรนซ์บอกว่าตอนที่เธอเจอกับเกรต้า สิ่งแรกที่พูดคุยกันเกี่ยวกับตัวละครของ Amy March ใน Little Women ก็คือเอมี่ต้องเป็นมากกว่าเด็กผู้หญิงที่เผาหนังสือและจบท้ายด้วยการแต่งงานกับผู้ชาย เอมี่ต้องเป็นมากกว่านั้น ที่มีหนทางและความทะเยอทะยานของตัวเองและเป็นศิลปิน และมองหาว่าอะไรคือศัตรูที่แท้จริงของเอมี่
ซึ่งตัว Greta Gerwig ผู้กำกับ ก็บอกฟลอเรนซ์ว่าเธออยากให้เอมี่อธิบายตัวเองว่าทำไมเธอถึงทำแบบนั้นและทำไมถึงตัดสินใจทำแบบนั้น ไม่ว่าจะเป็นเอมี่ตอนเด็กหรือตอนโตก็ตาม และเมื่อที่ฟลอเรนซ์ได้อ่านบท ก็ทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นไปกับมัน
ฟลอเรนซ์เล่าว่าตอนที่ถ่ายหนังนั้น เกรต้ามาบอกกับเธอว่าเขาเขียนบทมาตอนหนึ่งและเขารู้สึกว่าบทนี้มันควรที่จะได้พูดมันออกไป และตอนนั้นเธอก็เพิ่งเข้าฉากกับ Timothée Chalamet ได้เพียง 2-3 วันเท่านั้น ฟลอเรนซ์บอกว่า สิ่งที่เกรต้าบอกมานั้นเป็นตอนที่เอมี่พบกับหนุ่มที่รวย มันอาจจะทำให้หลายๆ คนผิดหวังที่มันเกิดขึ้นในปี 2019 ที่จะต้องไปเจอกับใครบางคน ลงหลักปักฐาน และแต่งงานเพื่อเงิน แต่ในตอนนั้น ในยุคนั้น เอมี่ถือว่าเป็นคนฉลาดพอตัว แต่มันก็คงเป็นเรื่องน่าเศร้าถ้าเธอจะต้องแต่งงานแล้วกลายเป็นคนบอบบาง เอมี่ไม่มีทางที่จะปล่อยให้ผู้ชายมาบงการชีวิตเธอ เธอเข้มแข็ง และนั่นทำให้เธอเจ๋ง
ซึ่งตัวเกรต้าก็บอกกับฟลอเรนซ์ว่าตัวของเอมี่นั้นมันมีมากกว่าในหนังสือที่อ่านนะ แต่ในหนังสือมันเป็นอย่างนั้นเพราะว่าเธอไม่เคยมีสิทธิที่จะได้พูดเลย ซึ่งฟลอเรนซ์เองก็เห็นด้วยนะ เธอบอกด้วยว่าคนจะเห็นว่าโจเป็นเหมือนฮีโร่และทุกๆ คนล้วนอยากที่จะเป็นโจ แต่กับตัวของเอมี่นั้น ทุกคนจะมองว่าเป็นเด็กเปรต แต่ก็ต้องบอกว่าในสมัยนั้น เอมี่รู้ว่าคนฉลาดจะต้องแต่งงานกับคนรวย เพราะว่ามันไม่มีตัวเลือกมากมายนัก แล้วเมื่อโจทำตัวไร้สาระขนาดนั้น ว่าเธอจะไม่แต่งงานและจะใช้เงินของตัวเอง มันเหมือนว่าเธอโง่นะ แต่ลองคิดดีๆ เพราะมันเหมือนสิ่งที่วนกลับหลังไปเรื่อยๆ ทั้งโจและเอมี่ต่างก็หัวแข็งกันทั้งคู่ พวกเธอเหมือนกันและต่างกัน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าฝั่งหนึ่งจะถูกหรือฝั่งหนึ่งจะผิด เอมี่ที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นรองโจตลอดนั้น ก็ต้องพยายามพิสูจน์ตัวเองซ้ำแล้วซ้ำอีก ฟลอเรนซ์บอกว่าเธอดีใจที่ได้เล่นเป็นเอมี่ มันสนุกมาก ตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่เธอได้ทำตัวเป็นเด็ก สง่างาม และคอสตูมสวยที่สุด
20. ตีกันในกองถ่าย
ในกองถ่าย Little Women ฟลอเรนซ์บอกว่าเธอ เซอร์ช่า และอิไลซ่า พักอยู่บ้านเดียวกัน ส่วนเอ็มม่าอยู่ที่สุดถนน พวกเธอทานมื้อเย็นด้วยกัน ค้างคืนด้วยกันบ่อย ฟลอเรนซ์บอกว่า ‘อะไรก็ตามที่คุณเห็นในหนัง มันเกิดขึ้นจริงๆ นะ แล้วกับเซอร์ช่ากับเธอก็เป็นความสัมพันธ์ที่ต้องตีกันบ่อย แต่ก็รักกันนะ และทุกๆ ฉากที่เห็นเอมี่กับโจตีกัน ก็เป็นเพราะไม่เธอก็อีกฝ่ายมาทำงาน แล้วก็คุยๆ กันว่า วันนี้มาตีกันดีมั้ย พวกเราก็จะแบบ เอาสิ ดีเลย เยี่ยมสุดๆ จากนั้นเราก็เริ่มตีหัวกันและกัน มันเป็นอะไรที่ทั้งเธอและเซอร์ช่าสนิทกันมาก’
ยิ่งช่วงถ่ายใกล้ๆ จบแล้ว มันจะต้องเป็นฉากสู้กันระหว่างเอมี่และโจ ซึ่งทั้งคู่รอมานานมาก แล้วก่อนที่จะซัดกัน ฟลอเรนซ์ก็บอกเซอร์ช่าว่าให้ตีเลย เซอร์ช่าก็งงว่าตียังไง ฟลอเรนซ์ย้ำว่าตีมาที่หน้าเลย พอถ่ายเสร็จแล้ว ฟลอเรนซ์ก็รีบเข้าไปเช็กเลยว่ากล้องที่ถ่ายนั้น ถ่ายติดช็อตนั้นมั้ย
21. Florence Pugh และความเป็นแฟนคลับ
Florence Pugh กับ Meryl Streep ในกองถ่าย Little Women ตอนที่ฟลอเรนซ์เจอเมอริลครั้งแรกในกอง Little Women ฟลอเรนซ์บอกว่าตอนนั้นเธอวิ่งลงไปหา แล้วทำเหมือนรู้จักมาทั้งชีวิต เพราะว่าเธอดูหนังของเมอริลมาโดยตลอด ตะโกนเรียกเมอริลปุ๊บ เมอริลก็เหมือนอยู่ในบทป้ามาร์ช ตอบกลับว่า Hello ด้วยเสียงนุ่มๆ ฟลอเรนซ์บอกเธออายมากเลยตอนนั้น แล้วฟลอเรนซ์เองก็เคยตกจากรถตอนที่นั่งกับเมอริล ตอนที่ถ่ายทำ Little Women ด้วย แล้วเป็นการตกที่มั่นใจมากๆ ฟลอเรนซ์ก็แบบบ่นว่าเนี่ย แม่ของเธอต้องอายแน่นอนเลยเพราะว่าเธอตกจากรถตอนที่นั่งอยู่ข้างๆ เมอริล แถมเกรต้าก็ยังเคยเดินมาถามฟลอเรนซ์ตอนอยู่ในฉากกับเมอริลด้วยว่าไม่ได้สนใจว่าตัวเองนั่งอยู่ข้างๆ เมอริลเนี่ย ฟลอเรนซ์ก็แบบ ฉันรู้น่า แต่ตอนนี้พยายามทำตัวไม่ให้ติ่งอยู่
Florence Pugh กับ Saoirse Ronan ในกองถ่าย Little Women ฟลอเรนซ์บอกว่า เซอร์ช่าเป็นแรงบันดาลใจให้กับเธอมาตั้งแต่ยังเด็ก ตั้งแต่ตอนที่เธอได้ดู Atonement ตอนนั้นเธอดูแล้วก็นั่งนิ่งบอกว่า ‘ฉันคงทำแบบนั้นไม่ได้แน่ๆ’ ฟลอเรนซ์เป็นแฟนผลงานของเซอร์ช่ามานานมาก มีหลายอย่างที่เธอรักในตัวเซอร์ช่าตั้งแต่ก่อนเจอกัน
22. Florence Pugh และของกินในกองถ่าย
ในกอง Little Women ก็คือเลื่องลือมากในเรื่องของการซ่อนโดนัทไว้ในฉาก โดยฟลอเรนซ์บอกว่า ก็มันอร่อย ก็เลยต้องซ่อนไว้ แล้วชุดก็คือชุดแน่น เวลาหายใจก็ลำบาก แล้วนี่ซ่อนโดนัทไว้กินอีก สุดยอดมากจริงๆ คนนี้ แล้ว popsugar มีคำถามมาว่าใน Little Women ไอศกรีมรสอะไรที่กินกันตอนวันคริสต์มาส เซอร์ช่าบอกว่าสตรอว์เบอร์รี่ แต่ฟลอเรนซ์บอกเปปเปอร์มิ้น คำตอบคือเปปเปอร์มิ้น แถมเล่าด้วยนะว่ามันติดฟันเลยต้องแคะออกหลังกล้อง
ในกอง Black Widow นั้น ฟลอเรนซ์มักทำอาหารตอนเช้าแล้วก็เอาใส่ไว้ในกล่องทัปเปอร์แวร์ในแต่ละวัน เธอบอกว่า “สการ์เล็ตคือคนที่ทำอาหารออกมาได้น่าทึ่งมากๆ เธอทำมันเพื่อให้ตัวเธอเองและคนในทีมได้กิน ฉันคิดว่ามันเป็นที่ฉลาดมาก เพราะว่าคุณออกกำลังกายอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นคุณก็จะต้องการใครสักคนที่รู้ในเรื่องของอาหารการกินและสารอาหารที่คุณควรจะได้รับ ฉันจำได้ว่าเธอ (สการ์เล็ต) ถามว่า “ทำไมทำอาหารด้วยตัวเองล่ะ ให้เราทำให้คุณสิ” ฉันก็บอกเลยว่า โนป … ในหัวของฉันมันมีแต่ pew, pew, pew … สิ่งที่เป็นตัวช่วยของฉันก็คือการหั่น ทำอาหาร ผัด แล้วก็ชิมนี่แหละ”
23. Florence Pugh และงาน SDCC 2019 ครั้งแรก
ในงาน SDCC 2019 ที่มีการเปิดตัวนักแสดง Black Widow อย่างจริงจัง Florence Pugh และทีมนักแสดงคนอื่นๆ ทั้ง Scarlett Johansson, Rachel Weisz, David Harbour และ O-T Fagbenle ก็เดินทางจากอังกฤษมายังซานดิเอโก สหรัฐอเมริกา เพื่อเข้าร่วมงานนี้กันอย่างจริงจัง ฟลอเรนซ์บอกกับ O-T Fagbenle ระหว่างไลฟ์ด้วยกันถึงความสนิทระหว่างเธอกับเขา เธอบอกว่าคนอื่นบนเครื่องหลับกันหมด แต่คู่นี้ก็คือยังไม่หลับ นั่งดื่มนั่งกินขนมนั่งเม้าด้วยกันจนแลนดิ้งถึงซานดิเอโก้ ฟลอเรนซ์บอกว่าพวกเธอทั้งคู่ไม่เคยไปซานดิเอโก้มาก่อนเลย แล้วโอทีก็อัดวิดีโอตลอดเวลาเลย เหมือนเป็นไดอารี่ คนอื่นเขานอนกันพอ ส่วนโอทีกับฟลอเรนซ์ก็ jetlag กัน ทีนี้พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะไปเดินเล่นทั่วงานเพื่อดูว่ามันบ้าขนาดไหน เจ๋งขนาดไหน
เธอได้เจอกับแฟนๆ เต็มไปหมด เธอบอกว่ามันเหมือนกับโกดังที่เต็มไปด้วยผู้คนเลย “เราออกไปบนเวที แล้วฉันก็ไม่เคยได้ยินเสียงอะไรแบบนี้มาก่อน” ฟลอเรนซ์เล่าว่า “มันเต็มไปด้วยความน่ารักมากๆ ตอนที่พวกเราพูดทักทายไป แล้วก็ออกไปข้างหน้า เจอผู้ชม แล้วก็ดูคลิป แล้วสการ์เล็ตก็เดินออกมาเหมือนกับเป็นควีนของพวกเขา เธอเจ๋งมาก แล้วก็เป็นอะไรที่ไม่ต้องพยายามเลย พอดูคลิป ฉันก็เริ่มกังวลเกี่ยวกับสำเนียงรัสเซียของตัวเองที่มันจะดังออกมา แล้วฉันก็ไม่รู้ด้วยว่ามันจะเป็นแบบนั้น ฉันเล่นเป็นตัวละครที่ยังไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน แต่มีคนเคยอ่าน ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาจะเกลียดฉันรึเปล่านะ เราทั้งคู่ยืนอยู่ตรงนั้น แล้วฉันก็พยายามทำให้ตัวเองใจเย็น มือเปียกไปหมดเลย สการ์เล็ตก็ยืนมือของเธอมาแล้วเราก็บีบมือกันและกัน เธอก็ทำให้ฉันใจเย็นลง ฉันก็เหมือนกับว่า ‘นี่มันไม่เคยเก่าเลย มันทรงพลังมากสำหรับคุณ คุณคือตำนานเลยนะ'”
24. รับไม้ต่อใน Black Widow
Florence Pugh บอกว่า หนังเดี่ยวของ Black Widow เป็นหนังที่แฟนๆ อยากให้เกิดขึ้นมานานมากๆ และเธอคิดว่ามันควรจะมีด้วยซ้ำ มันทำให้ฟลอเรนซ์สัมผัสได้ถึงการซัพพอร์ตและความรัก นั่นมันน่าตื่นเต้นมาก นอกจากนี้ Black Widow ยังเป็นหนังเรื่องแรกในจักรวาลมาร์เวลที่มีผู้กำกับเป็นผู้หญิงอีกด้วย เธอยังบอกอีกว่า “มันน่ากลัวหน่อยๆ เพราะว่าสิ่งที่คุณนำเสนอและสิ่งที่คุณจะเล่นออกไป ฉันคิดว่าสำหรับนักแสดง มันเป็นเรื่องใหญ่ไปโดยอัตโนมัติเลย ไม่ว่าคุณจะดูพวกเขาหรือไม่ก็ตาม ทุกๆ คนเติบโตขึ้นมาโดยมีหนังของ Marvel รายล้อมหรือจะดูหนัง หรือมีพี่น้องที่เป็นแฟนตัวยงของหนัง”
สำหรับบทบาทของ Yelena Belova นั้น ฟลอเรนซ์ยังบอกอีกว่า “Yelena เป็นน้องสาวคนเล็กที่น่ารำคาญ นั่นพูดถึงทุกอย่างที่ออกมาจากความคิดของเธอที่ไม่มีผลกระทบอะไรเลย เมื่อเราพบกับเธอ เธอเพิ่งได้พบกับโลกในมุมใหม่ เธอมีบาดแผล เป็นคนที่ซับซ้อน และแสดงมันออกมา เมื่อเธอพบกับตัวละครของสการ์เล็ต นาตาชา เยเลน่าจะเป็นพวกที่พาย้อนเรื่องราวกลับไปว่าเธอเป็นใครหลังจากที่อยู่ใน Red Room มันผ่านมานานแล้ว ทั้งคู่ทำความเข้าใจว่าแต่ละคนนั้นเผชิญหน้ากับสิ่งต่างๆ อย่างใกล้เคียงกัน มันน่ารักและเป็นความสัมพันธ์ที่ยูนีคระหว่างทั้งคู่ เพราะว่าพวกเขาเป็นพี่น้องที่ห่างหายกันไปนาน พวกเขาดูแลกันและกัน และอยู่ในหลุมของกันและกันในชีวิตของแต่ละคน มันคือหัวใจของเรื่องนี้ ที่จะพาไปผจญภัยในเรื่องของความโหดร้าย ค้นหาว่าพวกเขาคือใคร และบางสิ่งที่ฉันไม่ได้คิดเลยว่ามันจะมุ่งไปในทางนี้ด้วย มีการระเบิดที่เจ๋งมากๆ และปืน แล้วก็นั่นก็นี่ แล้วในสุดท้ายมันก็กลายเป็นเรื่องน่าเศร้าในตอนท้าย”
25. ผลงานใหม่ของ Florence Pugh ในปี 2021 และปีต่อๆ ไป
สำหรับตอนนี้ ผลงานของ Florence Pugh ก็จะมีหนังเรื่อง Black Widow หนังใหม่ในจักรวาล Marvel Universe Phrase 4 เรื่องแรก จะเข้าฉายในวันที่ 27 เมษายน 2021 (ถ้าหากไม่มีการเลื่อนฉายอีก)
กำลังถ่ายทำหนังของ Olivia Wilde ในเรื่อง Don’t Worry Darling ที่แสดงคู่กับ Harry Styles และกลับมาพบกับ Chris Pine อีกครั้งหนึ่ง หลังจากเจอกันใน The Outlaw King
มีประกาศว่าฟลอเรนซ์จะมีบทในซีรีส์ Hawkeye ของ Marvel ที่จะฉายทาง Disney+ ในช่วงปลายปี 2021 กับหนังเรื่อง The Maid ที่สร้างจากหนังสือในชื่อเรื่องเดียวกัน เกี่ยวกับการฆาตกรรมที่ลึกลับ
ติดตาม Florence Pugh ได้ที่
Twitter: https://twitter.com/Florence_Pugh
Instagram: https://www.instagram.com/florencepugh/