The Seed of the Sacred Fig เป็นภาพยนตร์สุดโด่งดังในรอบปี 2024 ผลงานกำกับของ โมฮัมหมัด ราซูลอฟ เปิดตัวครั้งแรกในเทศกาลหนังเมืองคานส์ และได้รางวัลพิเศษขวัญใจกรรมการ หนังอิงบริบทที่เกิดขึ้นจริงในอิหร่าน เมื่อปี 2022 เหตุการณ์ประท้วงที่ถือได้ว่ารุนแรงที่สุดนับตั้งแต่การปฏิวัติอิหร่านในปี 1979
The Seed of the Sacred Fig เล่าเรื่องราวของ อิมอน เป็นทนายความที่ตั้งใจทำงานหนัก เขาอาศัยอยู่ในเตหะรานกับ นาจเมห์ ผู้เป็นเมีย พร้อมด้วย เรซวาน กับ ซานา ลูกสาว 2 คน วันหนึ่งเขาได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งตุลาการสืบสวนของศาลปฏิวัติอิหร่าน – ศาลที่ได้ชื่อว่าเป็นเผด็จการและตัดสินโทษโดยไม่มีหลักฐาน ซึ่งตำแหน่งใหม่มาพร้อมเงินเดือนที่สูงขึ้น อพาร์ตเมนต์ที่ใหญ่โตขึ้น แต่ในเวลานั้น อิหร่านกำลังเผชิญหน้ากับการชุมนุมครั้งใหญ่ของคนรุ่นใหม่ เพื่อเรียกร้องเสรีภาพในการแสดงออกและกระบวนการยุติธรรมที่โปร่งใส และเรื่องเริ่มตึงเครียดขึ้นเมื่อลูกสาวทั้งสองคนของเขามีท่าทีเห็นด้วยกับผู้ชุมนุม ชีวิตสมรสของอิมอนกับนาจเมห์กำลังจะสั่นคลอน เพราะในฐานะพ่อแม่ พวกเขาต้องเลือกระหว่างมนุษยธรรมหรือกฎเกณฑ์อันละเมิดมิได้
เมื่อพูดถึง โมฮัมหมัด ราซูลอฟ เขาคือหนึ่งในผู้กำกับร่วมสมัยชาวอิหร่านที่โด่งดังมากในระดับนานาชาติ งานของเขาทุกเรื่องวิพากษ์วิจารณ์ปัญหาของสังคมอย่างดุดันตรงไปตรงมา และหลายครั้งทำให้เขามีปัญหากับรัฐบาล เขาทำหนังเรื่องแรกในปี 2002 ชื่อ The Twilight และต่อมาในปี 2009 ทำหนังเรื่อง The White Meadows ซึ่งวิจารณ์รัฐรุนแรงจนทำให้เขาถูกรัฐบาลสั่งจำคุก (พร้อมกับจาฟาร์ ปานาฮี ผู้กำกับอิหร่านชื่อดังอีกท่านหนึ่ง) เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้ผู้กำกับชื่อดังทั่วโลก อาทิ สตีเวน สปีลเบิร์ก, มาร์ติน สกอร์เซซี ออกมาเรียกร้องให้ปล่อยตัวเขา
ปี 2011 เขาทำหนังเรื่อง Goodbye ชนะรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมเมืองคานส์ในสาย Un Certain Regard หลังจากนั้นเขาก็ทำหนังที่โด่งดังออกมาเรื่อยๆ ทั้ง Manuscripts Don’t Burn (2013) และ A Man of Integrity (2017) ต่อมาในปี 2020 หนังเรื่อง There Is No Evil ของเขาชนะเลิศหมีทองคำ-ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จากเทศกาลหนังเบอร์ลิน และทำให้เขาโดนรัฐบาลสั่งจำคุกอีกรอบ
และผลงานเรื่องล่าสุดของเขา ทำให้เขาโดนรัฐบาลสั่งให้ถอนหนังออกจากการฉายในเทศกาลหนังเมืองคานส์ แต่ราซูลอฟปฏิเสธ ทำให้เขาโดนโทษจำคุก 8 ปี โชคดีที่เขาและทีมงานบางส่วนหลบหนีออกจากประเทศได้ทัน ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉายพร้อมได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ทั่วโลก และกลายเป็นตัวแทนเข้าชิงออสการ์จากประเทศเยอรมนีในปีนี้
สร้างจากเหตุการณ์จริง ฟุตเทจจริง สู่ภาพยนตร์ที่ถูกแบนในอิหร่าน
The Seed of the Sacred Fig อ้างอิงถึงต้นโพ หรืออีกชื่อหนึ่งคือ มะเดื่อศักดิ์สิทธิ์ ที่แพร่พันธุ์โดยเมล็ดไปขออาศัยน้ำเลี้ยงจากต้นไม้อื่น ก่อนจะรัดต้นไม้ต้นนั้นจนตายและตัวมันเองก็เจริญเติบโต เปรียบเปรยเหมือนระบอบการปกครองแบบเทวาธิปไตยของอิหร่าน
โมฮัมหมัด ราซูลอฟ ใช้เวลาถ่ายทำทั้งสิ้น 70 วัน แต่เป็นการถ่ายไม่ต้องเนื่อง และต้องหยุดพักกองบ่อยครั้งเพราะเป็นการถ่ายทำโดยไม่ขออนุญาต ระหว่างนั้นราซูลอฟก็โดนหมายศาล ทุกอย่างดำเนินไปอย่างทะลักทุเล หนังถ่ายเสร็จในเดือนมีนาคมปี 2024 ฟุตเตจทั้งหมดต้องแอบขนไปให้ แอนดรูว เบิร์ด มือตัดต่อที่เมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี และแอนดรูว เบิร์ด เป็นคนนำฟุตเตจจริงจากการประท้วงตัดแทรกใส่เข้าไปในหนัง เพื่อแสดงให้เห็นความรุนแรงของเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งกระทำทารุณต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์
หลังจากถ่ายทำหนังเสร็จนั้น โมฮัมหมัด ราซูลอฟเล่าว่า ศาลจะตัดสินให้เขาติดคุกอีกครั้ง เขาจึงมีเวลา 2 ชั่วโมงเท่านั้นในการตัดสินใจว่า ครั้งนี้เขาต้องหนีออกจากประเทศอิหร่าน ราซูลอฟออกจากอิหร่านด้วยการเดินเท้าพร้อมกับทีมงานส่วนหนึ่ง ทิ้งข้าวของไว้ที่บ้านโดยแทบไม่ได้ขนอะไรมาเลย เขาใช้เวลา 28 วันกว่าจะถึงยุโรป
ตอนหนังฉายรอบปฐมทัศน์ที่เมืองคานส์ ทีมงานหลายคนไม่ได้มาร่วมเดินพรมแดงด้วย โมฮัมหมัด ราซูลอฟชูรูปถ่ายของโซไฮลา โกเลสตานีและมิสสาจ ซาเรห์ สองนักแสดงนำของเรื่อง ที่โดนรัฐบาลสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
The Seed of the Sacred Fig เมล็ดพันธุ์คนดีย์ ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ ยกย่องให้เป็นหนังดราม่า-การเมืองที่ทรงพลังที่สุดในรอบปี
เปิดรอบ SNEAK PREVIEW 20-26 กุมภาพันธ์ ฉายจริง 27 กุมภาพันธ์