Baby Queen ศิลปิน Anti-Pop จากเกาะอังกฤษ ที่เกิดและเติบโตที่แอฟริกาใต้
ถ้าหากคุณไม่เคยฟังเพลงใหม่จาก Baby Queen ศิลปินหน้าใหม่จากเกาะบริเตนอย่างเพลง Internet Religion หรือเพลงใหม่ที่เพิ่งปล่อยออกมาอย่าง Buzzkill ก็คงจะไม่แปลกเท่าไหร่ เพราะว่าเธอเองก็เพิ่งเดบิวต์เอาเมื่อช่วงกลางปี 2020 ที่ผ่านมาเอง แต่ก็ถือว่าได้รับความสนใจอยู่ไม่น้อย วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกัน
Baby Queen หรือ Bella Latham เกิดที่เมืองเดอร์บัน แอฟริกาใต้ และตอนนี้ก็ย้ายมาทำเพลงที่ลอนดอน เธอเป็นศิลปินหน้าใหม่ของวงการป๊อป เดบิวต์ด้วยเพลงแรกอย่าง Internet Religion ที่ปล่อยออกมาเมื่อเดือนพฤษภาคม 2020 และในเดือนกรกฎาคม 2020 ก็ได้ปล่อยเพลงที่สองออกมาอย่าง Buzzkill ต่อด้วยเพลง Medicine ที่เพิ่งปล่อยเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
แนวเพลงและจุดเริ่มต้นของ Baby Queen
Baby Queen ถือเป็นหนึ่งใน grunge-pop ของยุค Gen-Z ก็ว่าได้ (แต่เธอเรียกแนวเพลงตัวเองว่าเป็น Anti-Pop) เพราะว่าเพลงของเธอเล่าถึงเรื่องราวปัญหาต่างๆ ของคนในยุคเจน Z ทั้งเรื่องปัญหาการติดอินเทอร์เน็ต สุขภาพจิต ไปจนถึงการเล่าประสบการณ์ที่เธอผ่านมาเองก็ด้วยเช่นกัน สำหรับเพลงแรกที่เธอเดบิวต์อย่างเพลง Internet Religion ที่ได้หลอมรวมความเป็นป๊อปที่เธอเติบโตมาทั้ง Taylor Swift แล้วก็ The 1975 ด้วย ทั้ง psychedelic synths เสียงกีตาร์ แล้วก็หยิบวิธีที่โซเชียลมีเดียมีผลต่อความคิดเห็นของตัวเราเองมาใส่เอาไว้ในนี้
แต่ถึงกระนั้นก็ดี Baby Queen บอกว่าแนวเพลงของเธอคือ Anti-Pop เธอบอกกับ RIOT ว่า “Anti-Pop เป็นคำฉันชอบใช้ มันแบบเป็นดนตรีป๊อปที่แท้จริงนะ แต่มันก็ท้าทายกับทุกสิ่งที่ bubblegum pop ยืนหยัดด้วยเช่นกัน ค่ายของฉัน The A&R บอกกับฉันผ่านการประชุม Zoom เมื่อวันก่อนว่า ‘เพลงป๊อปไม่จำเป็นต้องห่วยนะ’ แต่ว่ามันก็ไม่ได้ป๊อปไงล่ะ คำว่า ‘Pop’ เป็นคำเรียกสั้นๆ จาก popular ตามคำจำกัดความนั้น Fleetwood Mac ก็สามารถเรียกได้ว่าเป็นวงดนตรีป๊อปที่ประสบความสำเร็จได้เช่นกัน ฉันคิดว่าสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ฉันจำเป็นจะต้องพูดถึงเมื่ออธิบายแนวเพลงของฉันก็คือมันเป็นเพลงที่มีเนื้อเพลงค่อนข้างเสียดสี เนื้อเพลงคือทุกสิ่ง และอย่างอื่นนั้นเป็นรองแค่คำพูด”
NME บอกว่าเพลง Buzzkill เรียกให้หลายๆ คนหันไปให้ความสนใจในตัวของ Baby Queen ซึ่งเจ้าเบลล่าก็บอกว่า งานและตารางงานของเธอมันต่างกับชีวิตของเธอก่อนที่จะเซ็นสัญญากับค่ายมากๆ มันค่อนข้างยุ่งวุ่นวายไปหมด ทำให้วิตกกังวลด้วย แต่ว่าเธอก็กำลังจัดการมันอยู่ “มันค่อนข้างที่จะแปลก แล้วฉันก็ได้ยินนักดนตรีหลายๆ คนที่ไม่อยากทำควบคู่กันไป พวกเขาอยากที่จะทำเพลงอย่างเดียว ฉันโชคดีนะที่ฉันอยากทำอย่างนั้น เหมือนตอนยังเด็กฉันก็แบบ ‘ฉันกำลังจะไปฮอลลีวูด!'”
กว่าจะมาเป็น Baby Queen
Baby Queen บอกกับ NME ว่าเธอทำเพลงเองมาตั้งแต่อายุ 10 ขวบ พออายุ 16 เธอก็ให้ความสนใจกับมันมากยิ่งขึ้น ทำให้มันเป็นการเป็นงานไปเลย เธอก็เลยย้ายมาที่ลอนดอน เธอคิดว่าตอนนั้นมันช้าไป แล้วพออายุ 18 เธอก็บอกว่า ‘ช่างมันละ’ แต่มันกลับไปเป็นช่วงเวลาที่ดีมากๆ “เพราะว่าฉันรู้สึกว่าฉันโตมากพอที่จะรับมือกับมันได้ แล้วมันก็เป็นการใช้เวลาที่ยาวนานมากๆ ที่มันจะเหมาะกับจุดนั้นๆ ก่อนหน้านี้มันเหมือนกับการที่ยังปรุงไม่เสร็จ ตอนนี้ฉันรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่เหมาะเอามากๆ”
นอกจากนี้แล้ว เธอยังบอกกับ RIOT ด้วยว่าที่แอฟริกาใต้นั้นเป็นแรงบันดาลใจในด้านดนตรีให้กับเธอทางอ้อมด้วย “ฉันคิดว่าเพราะว่าฉันเติบโตมาในจุดที่อยู่ห่างไกลจากอุตสาหกรรมดนตรี แล้วฉันก็มองไปที่อเมริกาแล้วก็ปักพินเอาไว้ ฉันเองก็ร้องเพลงซึ่งเป็นเวอร์ชันที่แย่มากๆ สำหรับสำเนียงอเมริกัน ฉันฟังเพลงของนักดนตรีอเมริกันเยอะแยะไปหมด ฉันเป็นแฟนเพลงของ Taylor Swift ตั้งแต่ยังเด็ก นั่นส่งผลกับงานเขียนเพลงของฉันด้วย พอฉันย้ายมาที่ลอนดอน ก็มีศิลปินหญิงให้ฉันติดตามมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Kate Tempest แล้วก็ Little Simz ที่ออกจะคล้ายๆ กับบทกวีด้วย”
Baby Queen เป็นแฟน Taylor Swift ตัวยง เธอบอกกับ Chicago Haze ว่าเทย์เลอร์เป็นศิลปินคนแรกที่เธอค้นพบด้วยตัวเอง แล้วก็เริ่มฟังมาเรื่อยๆ เธอจำได้เลยว่าครั้งแรกที่ได้ดูเอ็มวี Love Story เธอก็ตัดสินใจเลยว่านี่คือเพลงโปรดของเธอ และนี่คือเพลงของ Taylor Swift ที่เธอชอบรายอัลบั้ม
○ Taylor Swift – Our Song
○ Fearless – Breathe
○ Speak Now – Innocent
○ Red – All Too Well
○ 1989 – Wonderland
○ Reputation – Gataway Car
○ Lover – Cornelia Street
นอกจาก Taylor Swift แล้ว ศิลปินคนโปรดที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับผลงานเพลงของ Baby Queen ก็คงจะหนีไม่พ้น Fleetwood Mac และ The Beatles นอกจากนี้แล้วก็ยังพูดคุยกับโปรดิวเซอร์ของเธอ King Ed เกี่ยวกับศิลปินหลายๆ คนทั้ง St. Vincent, Charon Van Etten, Anna Calvi, Clairo, The Aces รวมไปถึง MGMT ด้วย แต่สำหรับด้านงานเขียนหรือเนื้อเพลงนั้น เธอยกให้กับ The 1975, Kate Tempest, Taylor Swift และ Lorde เป็นแรงบันดาลใจให้กับเธอได้อย่างดีเลย
สิ่งที่ทำให้ Baby Queen อยากที่จะเป็นนักดนตรีก็คือ The Grammys เธอบอกว่าตอนนั้นนั่งดู Speak Now tour DVD ของ Taylor Swift ตลอดทั้งคืน แล้วก็อยากที่จะทำ “ฉันบอกกับตัวเองตลอดเลยว่า ‘ฉันสามารถทำอันนั้นได้ ฉันสามารถทำอันนี้ได้’ มันคล้ายกับการที่ฉันหาหนทางให้ตัวเองได้ตั้งแต่อายุ 11 มันแบบ ‘ฉันกำลังจะทำสิ่งนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ฉันก็จะทำ'”
Medicine EP อัลบั้มเดบิวต์ของ Baby Queen
ฟังได้ที่ https://babyqueen.lnk.to/EPMedicinePR
Internet Religion
เพลง Internet Religion เป็นเพลงแรกที่ปล่อยออกมา ทาง RIOT ก็ถาม Baby Queen ว่าทำไมถึงเลือกเพลงนี้ปล่อยออกมาเป็นเพลงแรก เบลล่าก็บอกว่า “เพลงนี้เป็นเพลงที่ฉันอยากเขียนมานานมากก่อนที่ฉันจะทำมันสำเร็จ ฉันคิดว่ามันเป็นมุมมองที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ต่างๆ บนโซเชียลมีเดียและโลกออนไลน์ที่สร้างขึ้นมานานแล้ว และเมื่อฉันเอามันออกมาจากหัว มันเหมือนเห็นภาพสะท้อนของแอคเคาน์ต่างๆ ที่ฉันเคยเห็นรอบตัวฉัน พวกข้อความที่เคยรู้สึก ตอนนี้ก็ยังรู้สึกอยู่ มันเป็นอะไรที่สำคัญมากๆ ฉันก็ยังคิดว่าเมื่อเราทำเพลงเสร็จแล้วก็เป็น demo เพื่อที่จะไปอัด พวกเราก็แบบ ‘ให้ตายเถอะ นี่พวกเราสร้างอะไรขึ้นมาเนี่ย’ มันก็เลยเป็นเพลงแรกที่จะปล่อยออกมา”
นอกจากนี้แล้วตัว MV ของเพลงนี้เป็นการถ่ายทำในช่วง quarantine มันก็เลยมีข้อจำกัดเอามากๆ “สำหรับฉัน มันออกจะเพอร์เฟคมากๆ เลยนะ เพราะว่าหลายๆ สิ่งที่เกิดขึ้นออนไลน์ก็มักจะเกิดจากการแยกตัวเองออกมาแล้วก็อยู่คนเดียวงี้ด้วย เพราะงั้นวิดีโอตัวนี้มันก็เหมือนกับการถ่าย self-tape นั่นแหละ แล้วฉันก็อยากที่จะให้มันรู้สึกตาล้าๆ ด้วย อารมณ์แบบมันโอเวอร์โหลดแล้ว ฉันคิดว่าเมื่อคุณเลื่อนผ่านใน Instagram หรือว่า Tik Tok หรืออะไรก็แล้วแต่ สายตาคุณมันก็ต้องล้าบ้างงี้ ฉันอยากที่จะให้วิดีโอตัวนี้ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความรู้สึกเดียวกันกับที่ฉันรู้สึกเหมือนใช้เวลากว่า 5 นาทีในการเลื่อนผ่าน Instagram Stories”
แล้วก็ต้องบอกว่าวิดีโอ Internet Religion นั้นก็มีมีมและ Internet Culture เยอะแยะเต็มไปหมด ซึ่ง Baby Queen ก็บอกว่าในวิดีโอนั้นเต็มไปด้วยสิ่งที่เธอชอบ ไม่ว่าจะเป็นรูปของ Taylor Swift ที่ถือรางวัล Grammys อยู่บนเดสท็อปของเธอ มีมแมวเยอะแยะ มีม Kim Kadashian แล้วก็มีม Donald Trumps “สิ่งที่ฉันภูมิใจนำเสนอมากที่สุดก็คือเสื้อทีเชิ้ตสีเทาที่ฉันสวมแล้วบนเสื้อมีเขียนว่า ‘mentally dating Jodie Comer’ เธอแสดงเป็น psychopath ในซีรีส์ที่ชื่อว่า Killing Eve ฉันรักเธอ”
Buzzkill
Buzzkill เป็นเพลงที่เกี่ยวกับการดีเพรสตอนอยู่ที่ปาร์ตี้ ซึ่งตัว Baby Queen เองก็บอกกับ NME ว่า “มันมาจากช่วงเวลาในชีวิตของฉัน แต่ว่าฉันเขียนเพลงนี้หลังจากคืนที่ฉันออกไปเที่ยวที่อีสต์ลอนดอนแล้วก็หงุดหงิด มันเป็นช่วงเวลาที่ดีมากๆ แล้วฉันก็เริ่มร้องไห้ เพื่อนฉันบอกว่า ‘เธอเด็กมาก มาสนุกกัน ชีวิตมันดีมากๆ เลยนะ’ แล้วมันก็กลายเป็นช่วงเวลาที่คนอื่นถามฉันเกี่ยวกับอาการ anxiety ของตัวฉันเอง มันเป็นความรู้สึกผิดตอนที่กำลังปาร์ตี้มากๆ ฉันก็เหมือนกับกำลังบอกเลิกเลยด้วยเหมือนกัน ฉันกลับบ้านแล้วก็ฮัมทำนองแล้วก็ได้ท่อนคอรัสมา ‘I don’t wanna be a buzzkill’ แล้วคอรัสก็มาในคืนนั้น แต่ว่าเพลงทั้งหมดเขียนเสร็จภายในช่วงเวลาไม่กี่เดือน”
แล้วทาง NME ก็ถาม Baby Queen ว่าในทวิตเตอร์ที่เขียนว่าคิดว่าจะไม่เขียน Buzzkill ออกมานี่มันเป็นเพราะว่ากลัวอะไรรึเปล่า เบลล่าก็บอกว่า “มันแปลกนะ เพราะว่าฉันคิดว่าฉันมีอะไรน่ารักๆ ในเพลงนั้นเต็มไปหมด พอตอนนี้มีเพลงที่จะออกมาช่วงปลายปีที่ฉันคิดว่าจะไม่เขียนออกไปด้วยเหมือนกัน มันเกี่ยวกับ Jodie Comer จาก Killing Eve แล้วในวันที่ปล่อย Buzzkill เราก็มีไอเดียสำหรับเพลงที่จะปล่อยในปีหน้า แล้วฉันก็จำได้ว่ากำลังกลับจากสตูดิโอไปบ้านแล้วในวันนั้นมันเหมือนกับว่า ‘ให้ตาย มันเป็นเพลงเกี่ยวกับ Jodie Comer’ แล้วฉันก็ไม่สามารถตกหลุมรักใครได้อีก”
Medicine
สำหรับเพลงใหม่อย่าง Medicine นั้น NME บอกว่ามันฟังดูจะแฮปปี้กว่า Buzzkill เมื่อตอนฟังครั้งแรก แล้วพอฟังดีๆ ก็จะพบว่าค่อนข้างจะดูถากถางกว่าด้วย Baby Queen ก็บอกว่า “อันที่จริงฉันใช้ยาต้านอาการซึมเศร้าตั้งแต่อายุ 16 ปี แล้วก็เลิกใช้มันไปสักพัก หลังจากนั้นฉันก็เริ่มกลับมาใช้ยาอีกครั้ง และฉันก็เริ่มเขียนมันในช่วงเวลานั้น มันเป็นช่วงเวลาสองสัปดาห์ที่แยกมากๆ เวลาที่ต้องเจอกับผลข้างเคียงแย่ๆ แบบนั้น มันเป็นเพลงที่เล่าเรื่องเหล่านั้น มันแปลกเพราะว่ามันฟังดูออกจะเป็นทางลบสำหรับพวกเขา แต่ว่าฉันก็กินยามันทุกวันและฉันอยู่ไม่ได้โดยที่ไม่มียา มันจะให้อารมณ์แบบ ‘ขอบคุณพระเจ้าสำหรับยาของฉัน แต่ว่าฉันก็สูญเสียทุกอย่างเกี่ยวกับตัวของฉันไปแล้ว’ ฉันดีใจนะที่ได้เขียนเกี่ยวกับมัน แต่ว่าฉันไม่คิดว่ายาต้านอาการซึมเศร้าจะเป็นสิ่งที่ไม่ดี มันดีอย่างน่าเหลือเชื่อเลยล่ะ”
ทีนี้ทาง NME ก็ถามไปด้วยว่าทำไมมันถึงสำคัญสำหรับ Baby Queen ที่เปิดเผยและซื่อสัตย์เกี่ยวกับเรื่องของสุขภาพจิตในเพลงนี้ เธอก็บอกว่า “ฉันคิดว่ามันสำคัญและซื่อสัตย์มากๆ เพราะว่ามันจะเป็นสิ่งเดียวที่ฉันสามารถหยิบมาเขียนด้วยวิธีที่แตกต่างจากสิ่งที่ฉันคิด วิธีที่สมองของฉันทำงานและเป็นประสบการณ์ส่วนตัวของฉัน ทุกคนสามารถเขียนทำนองเพลงได้ สาเหตุที่ฉันซื่อสัตย์เกี่ยวกับสุขภาพจิตมากๆ ก็เพราะว่าตลอดเวลาที่ผ่านมานี้มันเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดในชีวิตของฉัน ไม่มีใครเขียนถึงฉัน ฉันผ่านการเลิกราครั้งใหญ่มาก่อนถึงช่วงเวลาที่เธอจะเขียนเพลง ฉันรู้สึกว่าคุณน่ะให้ความสำคัญกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณจริงงๆ มันกลายเป็นเหมือนหน้าต่างที่แตกแล้วจู่ๆ คุณก็เห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น ดังนั้น ความซื่อสัตย์จึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ฉันจะทำ”
Baby Queen บอกปิดท้ายกับ NME ว่าเธอกำลังจะเขียนเพลงต่อแล้วก็รวมถึงการเขียนอัลบั้มที่จะปล่อยในปี 2022 ด้วย หลังจากนี้เพลง Medicine ที่เพิ่งปล่อยออกมา เธอก็จะปล่อยเพลงมาให้ฟังกันอีก แล้วจะปล่อย EP แรกที่มีทั้งหมด 6 เพลงด้วยกัน รอฟังกันได้เลย
sources:
- https://www.coupdemainmagazine.com/baby-queen/16803
- https://chicagohaze.com/2020/07/15/artist-of-the-month-baby-queen/
- https://primarytalent.com/baby-queen/
- https://thefortyfive.com/interviews/baby-queen-interview-internet-religion-2020/
- https://vanyaland.com/2020/07/15/baby-queen-doesnt-want-to-be-a-buzzkill-but-she-is-and-honestly-were-fine-with-it/
- https://www.readdork.com/news/baby-queen-video-want-me
- https://riotmag.co/riot-introducing-011-baby-queen
- https://riotmag.co/baby-queen-drops-brand-new-banger-buzzkill
- https://diymag.com/2020/09/23/baby-queen-debut-ep-medicine-watch-pretty-girl-lie-video
- https://diymag.com/2020/10/22/baby-queen-october-2020-neu-interview
- https://diymag.com/2020/11/05/watch-baby-queen-want-me-video-medicine-ep