Goddess เพลงใหม่ที่มาพร้อมกับมิวสิกวิดีโอของ Laufey กับเนื้อหาที่มีความตลกร้ายในความสัมพันธ์ อย่างที่เธอได้บอกเอาไว้เมื่อครั้งที่ปล่อยเพลงออกมาว่า “‘เพลง Goddess’ เป็นเพลงที่ตรงไปตรงมาที่สุดของฉัน ฉันเขียนมันคนเดียวที่เปียโน หลังจากรู้สึกเหมือนมีใครบางคนตกหลุมรักฉันในเวอร์ชั่นที่พวกเขาเคยเห็นบนเวที เพียงเพื่อพบว่าฉันไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาคาดการณ์ไว้เมื่อฉันลงจากเวที พวกเขาถือว่าฉันไม่เป็นสิ่งแวววาวอีกต่อไป เมื่อความเย้ายวนใจหมดสิ้นลงเหลือเพียงผิวหนังและกระดูก”
สำหรับมิวสิกวิดีโอเพลง Goddess นั้น ได้ผู้กำกับอย่าง Celine Song ที่ผลงานของเธออย่าง Past Lives ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ มาเป็นผู้กำกับให้กับเรื่องนี้อีกด้วย แม้ว่าในหลายๆ ครั้ง การถ่ายมิวสิกวิดีโออาจจะถูกเรียกว่าเป็นหนังสั้นด้วยซ้ำ และที่สำคัญของการถ่ายทำในครั้งนี้ เซลีน ซง เลือกใช้ฟิล์ม 35 มม. ในการถ่ายทำอีกด้วย นอกจากนี้แล้ว ยังได้ Will Gao จาก Heartstopper มาร่วมแสดงกับเลเฟวย์ ซึ่งตัวของเธอเองก็ได้บอกว่าเธอรู้จักกับวิลล์ในฐานะของนักดนตรีจากวง Wasia Project มากกว่า
“สำหรับ Goddess ฉันคิดว่าเพลงนี้มันเล่าเรื่องราวได้หนักแน่น แล้วสำหรับมิวสิกวิดีโอ เราอยากที่จะทำอะไรที่มันแตกต่างไปจากเดิม และมันไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นผู้กำกับที่กำกับแต่มิวสิกวิดีโอเท่านั้น” เลเฟวย์บอกกับ Variety เกี่ยวกับการทำงานร่วมกับผู้กำกับ Past Lives
การร่วมงานของ Laufey กับ Celine Song และ Will Gao
ไม่นานมานี้ เลเฟวย์ก็ได้โพสต์รูปพร้อมข้อความที่มาจากภาพยนตร์ Past Lives ของเซลีน ซง บนอินสตาแกรมของเธอ “เมื่อปีที่แล้วฉันได้ดู Past Lives แล้วมันก็โดนใจฉันมาก ฉันรู้ว่าค่ายเพลงของฉันไปได้ผู้กำกับมาสองสามคน แล้วชื่อของเธอก็ปรากฎขึ้นมา แล้วฉันก็แบบว่า ‘พระเจ้า ถ้าเกิดเราทำให้มันเกิดขึ้นได้ มันคงจะเหลือเชื่อมากๆ’ แล้วด้วยอะไรหลายๆ อย่าง เธอก็พร้อมที่จะถ่ายทำเอ็มวี ซึ่งมันเป็นมิวสิกวิดีโอเรื่องแรกของเธอด้วย และเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ร่วมงานกับผู้กำกับแบบนี้ มันเป็นประสบการณ์ที่น่าเหลือเชื่อที่สุด มันเกิดขึ้นผ่านช่องทางเหล่านั้น แล้วมันก็รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญมากๆ อีกด้วย”
“เพลงส่วนใหญ่ที่ฉันเขียนขึ้น มันเกี่ยวกับประสบการณ์ความรักที่ไม่ค่อยสมบูรณ์แบบ สิ่งเหล่านั้นอาจจะเกิดขึ้นได้ แล้วฉันเองก็คิดมากกับหนทางอื่นๆ ที่จะทำให้ชีวิตของฉันเปลี่ยนไป ถ้าเกิดฉันไม่ได้ตัดสินใจในอีกทางหนึ่ง เซลีนเล่าเรื่องราวผ่าน ‘Past Lives’ ได้อย่างดีมากๆ แล้ววิธีที่เธอกำกับภาพยนตร์ ในอีกทางหนึ่ง เรื่องราวความรักนั้นมันช่างฉลาดและสดใหม่ และนั่นก็คือสิ่งที่ฉันพยายามจะทำให้เกิดขึ้นกับเพลงของฉัน”
นอกจากนี้แล้ว เลเฟวย์ยังได้บอกเอาไว้เกี่ยวกับการร่วมงานระหว่างเธอกับเซลีนด้วยว่า “ฉันรู้สึกพิเศษมากที่ได้ร่วมงานกับเซลีนในหนังสั้นเรื่อง ‘Goddess’ เธอมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนกับงานของเธอ ซึ่งปรากฏชัดแจ้งกับฉันทันทีในขณะที่ดู Past Lives และไอเดียของเธอเกี่ยวกับ ‘Goddess’ ก็เข้ากันได้อย่างลงตัวกับการเล่าเรื่องของเพลง มีความเข้าใจร่วมกันในทันทีที่ทำให้ความร่วมมือเป็นไปอย่างราบรื่น และฉันรู้สึกโชคดีมากที่ได้ร่วมงานกับคนที่มีผลงานที่ฉันชื่นชมมาก”
Made up version of me that you thought you’d love
But I am not your Aphrodite
ชายหนุ่มที่ร่วมแสดงกับ Laufey ในมิวสิกวิดีโอตัวนี้คือ Will Gao นักแสดงหนุ่มจาก Heartstopper หรือที่หลายๆ คนอาจจะรู้จักจากวงดนตรี Wasia Project ของ Will Gao และ Olivia Hardy สองพี่น้องนักดนตรี
“ฉันรู้จักกับวิลล์ในฐานะนักดนตรี เขากับน้องสาวของเขา โอลิเวีย ก็อยู่ในวง Wasia Project นะ” เลเฟวย์บอกกับ Variety “ฉันคิดว่าเขาฟอลฉัน แล้วแฟนๆ หลายคนก็แบบว่า ‘พระเจ้า นั่นวิลล์จาก Heartstopper ฟอลคุณเหรอ’ แล้วฉันก็งง แบบ ‘ฉันไม่รู้เลยด้วยซ้ำ’ แล้ววันหนึ่งฉันก็ค้นพบวงดนตรีของพวกเขาบน Spotify แล้วก็พบว่าเราอยู่ค่ายเพลงเดียวกัน ฉันก็เลยแบบ ‘เราต้องไปเที่ยวด้วยกันแล้วนะ’ ฉันส่งข้อความไปหาเขาตอนที่ฉันอยู่ที่ลอนดอนเมื่อปีกว่า แล้วเราก็ออกไปเที่ยวด้วยกัน พวกเราก็เลยเป็นเพื่อนกันตั้งแต่ตอนนั้น ฉันหมายถึง เพลงที่พวกเราทำมันก็มีความหลายคลึงกัน แล้วเราก็ต่างมีภูมิหลังด้านดนตรีคลาสสิค แต่ตอนนี้กำลังเขียนเพลงในโลกของเพลงป๊อปมากขึ้นด้วย แต่นั่นก็เป็นการผสมผสานโลกเหล่านั้นเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว”
เลเฟวย์บอกว่าตอนที่เธอค้นพบเพลงของ Wasia Project นั้น เธอคิดว่ามันเพราะมากๆ และพวกเขาก็เป็นวงอันดับต้นๆ ที่เธอฟังเยอะมากและติดอันดับ Top Listen เมื่อปีที่แล้วบน Spotify อีกด้วย “วงดนตรีของพวกเขาชื่อ Wasia Project แล้วพวกเขาก็เป็นลูกครึ่งเหมือนกัน ครึ่งผิวขาว ครึ่งเอเชีย ฉันก็เลยคิดว่าพวกเราผูกพันกันมากผ่านประสบการณ์เหล่านั้น เป็นลูกครึ่งจีนเหมือนกัน”
เธอยังเสริมต่อด้วยว่า “เพราะงั้น เวลาที่ต้องหาคนมาทำมิวสิกวิดีโอและทำงานร่วมกับเซลีน มันค่อนข้างสำคัญสำหรับฉัน ที่จะหาคนที่มีพื้นฐานมาจากเชื้อสายเอเชียเหมือนกัน ฉันก็เลยคิดว่าวิลล์เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบที่สุด นอกจากนี้แล้ว วง Wasia Project ก็จะมาเล่นเปิดให้กับฉันเร็วๆ นี้อีกด้วย มันก็เลยเป็นวิธีที่สนุกที่จะเก็บมันไว้ในครอบครัวแบบนี้”
Goddess กับการแสดงครั้งแรกของเธอ
สำหรับเพลง Goddess เลเฟวย์บอกว่าเธอรู้สึกว่านี่มันเปรียบเสมือนการแสดงครั้งแรกของเธอ “จริงๆ เพลงนี้มันส่วนตัวสำหรับฉันมากๆ จนรู้สึกว่าฉันจะต้องเป็นใบหน้าของตัวละครนั้น เพียงเพื่อที่จะมองมันผ่านพ้นไป และแน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่ฉันสนใจด้วย แล้วฉันก็คิดว่า มันจะมีอะไรดีไปกว่าการได้ลองฟังเพลงของตัวเอง แล้วก็บอกเล่าเรื่องราวของตัวเองกับผู้กำกับที่น่าทึ่งแบบนี้”
เลเฟวย์ยังเสริมต่อด้วยว่า “มันน่ากลัวแหละ เอาจริงๆ เพราะมันเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยทำมาก่อน แต่ฉันก็สนใจจริงๆ นะ แม้แต่ในช่วงเวลาที่เรากำลังถ่ายทำก็ตาม ฉันคิดแบบนั้นนะ เพราะว่าเราถ่ายทำด้วยฟิล์ม 35 มม. แล้วก็โฟกัสในการถ่ายทำมันอย่างเต็มที่ ทุกครั้งที่ฉันได้โน้ตจากเซลีน ฉันก็จะแบบ ‘เอาล่ะ มาลองกันเถอะ’ มันเกือบจะเหมือนตอนที่ฉันยังเด็กแล้วก็ฝึกเชลโล่ แล้วแม่ของฉันที่สอนฉันเยอะมาก จะบอกให้ฉันแก้ไขสิ่งนั้นสิ่งนี้ แล้วมันก็กลายเป็นความท้าทายที่สนุกที่อยากจะทำมันจนสำเร็จ”
เมื่อพูดถึงการแสดงของเลเฟวย์ในหนังสั้นเรื่องนี้ เลเฟวย์บอกว่าเพลงนี้มันเต็มไปด้วยอารมณ์มากมาย และความเงียบงันในเพลงก็มีมากเช่นกัน “ฉันคิดว่าการแสดงอารมณ์เหล่านั้นมากเกินไป มันจะไม่เหมาะกับดนตรีประเภทนั้น ส่วนใหญ่ของเพลงมันเป็นแค่เพียงเมโลดี้ เปียโน แล้วก็มีพื้นที่ว่างมากมาย และฉันก็คือว่ามันมีการเคลื่อนไหวที่มันชัดเจน ลงลึก หรือว่าแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวมันออกมา ก็คงจะไม่เหมาะกับสไตล์ของเพลงสักเท่าไหร่”
แฟนเพลงหลายคนอาจจะคิดว่าเพลง Goddess เป็นเพลงที่เกี่ยวกับตัวตนของเลเฟวย์ ซึ่งตัวของเธอก็ได้อธิบายในคอนเสิร์ตอย่างชัดเจนอีกด้วย “ฉันคิดมากอยู่นะที่จะปล่อยเพลงนี้ออกมา มันเป็นเวอร์ชั่นที่เป็นผู้ใหญ่ที่สุดของตัวเองเท่าที่ฉันเคยนำเสนอมาจนถึงตอนนี้” เธอยังพูดต่อด้วยว่า “ฉันคิดมากเกี่ยวกับความสัมพันธ์เมื่อมันเป็นการเขียนเพลง และประสบการณ์ที่น่าสนใจนี้ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นประสบการณ์ของทุกคน แต่ฉันคิดว่าวิธีที่ฉันเขียนเพลงนี้ขึ้นมา ถึงแม้ว่าจะเป็นอัตชีวประวัติ แต่ฉันมักจะหวังและทำให้เห็นว่า ผู้คนจำนวนมากสามารถสัมผัสถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับมันได้”
“ฉันคิดว่าในยุคนี้ เราปั้นหน้า แต่งหน้า แต่งตัวให้ดูดี แล้วก็พรรณนาถึงตัวเราเองบนอินเทอร์เน็ต หรือในงานปาร์ตี้ หรือที่ไหนก็ตาม จากนั้นเรากลับบ้าน แล้วก็ปลดเปลื้องสิ่งเหล่านั้นออกทั้งหมด แล้วไม่ว่าคุณจะอยู่ในจุดที่สนใจหรือไม่ก็ตาม” เลเฟวย์อธิบายถึงเพลงใหม่ของเธอ “ฉันคิดว่านั่นเป็นความรู้สึกที่มีร่วมกัน ของการเป็นคนที่สมบูรณ์แบบเมื่ออยู่โลกกว้าง และรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองเมื่อคุณอยู่คนเดียว และไม่ได้แต่งหน้าทั้งหมดที่คุณนำเสนอต่อสาธารณะ”
นอกจากนี้แล้ว ในท่อนท้ายของเพลง เป็นฉากเธอต้องร้องไห้ออกมา เลเฟวย์บอกว่า “ในตอนท้ายของเพลง มันยังไม่ถึงตอนจบเพลงที่ทำให้ถึงจุดที่บีบคั้นทางอารมณ์และทำให้มันใหญ่ขึ้น ตามอารมณ์ที่เติบโตไปกับมัน เพราะฉันคิดว่าสำหรับฉันนะ สิ่งที่ฉันมักจะทำคือการระงับอารมณ์เหล่านั้น แล้วก็ฉันเกือบจะทำหน้าแบบนั้นนะ ที่ไม่ใช่หน้าตรง แต่เกือบจะเป็นหน้าที่ประหลาดใจมากกว่า มันผ่านประสบการณ์ความรักของฉัน แล้วฉันก็อยากที่จะถ่ายทอดสิ่งเหล่านั้นผ่านการแสดงและวิดีโอจริงๆ”
ส่วนฉากน้ำตาไหลนั้น เลเฟวย์บอกว่าเธอไม่ได้ใช้อะไรช่วยให้ร้องไห้เลย “ฉันภูมิใจมากๆ เราไม่ได้วางแผนที่จะแสดงฉากร้องไห้ด้วยซ้ำ คือฉันก็แค่ยืนนิ่งๆ เหมือนรูปปั้น หลังจากนั้นเราก็ถ่ายทำกันสักพักหนึ่ง และนี่คือสิ่งสุดท้ายที่เราทำกันในวันนั้น แล้วฉันก็รู้สึกว่าตัวเองทำได้อยู่นะ ฉันยืนอยู่ตรงนั้นนานมากแล้วก็แบบ ‘สงสัยว่าเซลีนจะพูดอะไร ถ้าฉันร้องไห้ตอนนี้เลย’ ฉันคิดว่าฉันทำได้นะ แล้วก็แค่กระพริบตาแล้วมันก็ไหลออกมาทั้งหมดเลย ฉันสนุกกับมันมาก เป็นเรื่องที่น่าภูมิใจสุดๆ ที่สามารถดึงอารมณ์นั้นออกมาได้ ฉันยิ้มผ่านมัน มันเกือบจะเป็นชัยชนะส่วนตัวนะ แต่เพราะฉันคิดว่ามันแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดแบบนั้น ที่ยังคงต้องเป็นดาราคนนั้นบนเวที พร้อมกับเครื่องสำอางบนใบหน้า แล้วก็ยิ้มผ่านมันออกมา แม้ว่าคุณจะมีวันที่ยากลำบาก แล้วเซลีนก็ถามว่า ‘คุณคิดว่าจะทำแบบนั้นได้อีกไหม’ แล้วฉันก็แบบ ‘ได้นะ ฉันคิดว่าทำได้’ มันสนุกมาก ฉันว่าฉันเองก็ตกใจเหมือนกัน”
เลเฟวย์กับการแสดง
สำหรับโอกาสในงานแสดงของเธอนั้น เลเฟวย์บอกว่าเธอสนใจมากๆ แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ลองใช้ความสนใจนี้กับอะไรเลย นอกเหนือจากมิวสิกวิดีโอของเธอ “ฉันคิดว่านี่เป็นครั้งแรกที่ฉันไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเพลงนี้เลย มันเป็นการบอกเล่าเรื่องราวผ่านการกระทำล้วนๆ และการที่ได้ผู้กำกับอย่างเซลีน คนที่เคยร่วมงานกับนักแสดงจริงๆ ที่ไม่จำเป็นจะต้องเป็นแค่นักดนตรี เอาจริง ฉันกลัวมากๆ ก่อนที่จะถ่ายวิดีโอ แต่ปรากฎว่าฉันสนุกกับมันมาก และแน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่ฉันตั้งตารอ และหวังว่าจะได้ทำมากกว่านี้ในอนาคต เพียงแค่มันจะต้องมีบทบาทที่เหมาะสม ในเวลาที่ถูกต้องด้วย”
นอกจากนี้แล้วยังรวมไปถึงการทำเพลงประกอบภาพยนตร์ “ความฝันของฉันคือการได้แสดงอะไรบางอย่าง หรือแม้แต่เป็นแค่แขกรับเชิญ แล้วก็ได้เขียนอะไรบางอย่างให้กับภาพยนตร์หรือซีรีส์ด้วย” เลเฟวย์บอก “ฉันคิดว่ามันวิเศษเสมอเมื่อมีเรื่องแบบนี้ ที่ศิลปินมีส่วนร่วมทางดนตรี แล้วก็รวมไปถึงบทบาทในภาพยนตร์ด้วยเหมือนกัน”
The Goddess Edition
นอกจากนี้แล้ว Variety ยังร่วมพูดคุยกับเลเฟวย์เกี่ยวกับ Goddess Edition ที่จะปล่อยออกมาให้ฟังทั้ง 4 เพลง นอกเหนือจากเพลง Goddess ด้วย และอีกเพลงหนึ่งที่เธอเคยแสดงสดให้แฟนๆ ได้รับฟังคือเพลง Bored นั่นเอง เพลง Bored เป็นเพลงที่สนุกสนานมากกว่าที่คนอื่นคิด เลเฟวย์บอก “ฉันเดาว่า Goddess มันจริงจังมากจนฉันไม่อยากให้ใครคิดว่าฉันสูญเสียอารมณ์ขันไปแล้ว และฉันก็มองทุกอย่างผ่านเลนส์อารมณ์ขันด้วยนะ ฉันคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่ฉันทำเหมือนเป็นค่าเริ่มต้นของตัวเอง แบบ ทุกๆ อย่างเป็นเรื่องประชดประชัน แล้วคำว่า ‘เบื่อ’ ก็เป็นการประชดประชันมากด้วย มันกำลังเปลี่ยนสถานการณ์ที่ฉันคิดว่ามันไม่เหมาะสม ให้เป็นสถานการณ์ตลกในหัวของฉัน”