Fallout เริ่มต้นที่การสิ้นสุดของโลก: หายนะนิวเคลียร์ ก่อนจะกระโดดข้ามไป 219 ปีต่อมา โดยเส้นเรื่องมีศูนย์กลางอยู่ที่ผู้รอดชีวิตสามคน ซึ่งมีประสบการณ์ชีวิตแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงทั้งในโลกข้างบนที่ถูกรังสีและใต้พื้นโลก ซีรีส์เรื่องนี้สร้างมาจากสร้างหนึ่งในวิดีโอเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล บอกเล่าเรื่องราวของความมั่งมีและขัดสนในโลกที่แทบไม่มีอะไรหลงเหลือ 200 ปีหลังวันสิ้นโลก เหล่าผู้อาศัยผู้อ่อนโยนในสถานหลบภัยแสนสะดวกสบายจำเป็นต้องกลับออกมาสู่โลกภายนอกอันโหดร้ายซึ่งได้รับผลกระทบจากรังสีที่ตกทอดมาจากรุ่นบรรพบุรุษ และต้องตกใจเมื่อได้พบกับโลกที่ซับซ้อนอย่างเหลือเชื่อ แปลกประหลาด และเต็มไปด้วยความรุนแรง
แต่ก่อนที่เราจะได้ไปรับชมซีรีส์ Fallout ทั้งแปดตอนบน Prime Video กันนั้น The Noize Team อยากชวนทุกคนมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับซีรีส์เรื่องนี้กันสักหน่อย เพราะกว่าที่จะมาเป็น Fallout นั้นก็ใช้เวลาเป็นสิบปี แถมเมื่อพูดถึงทีมนักแสดง ก็ขนมากันอย่างคับคั่ง เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราไปทำความรู้จักกับตัวละครหลักทั้งสี่คนนี้ให้มากขึ้นกันเถอะ
Ella Purnell รับบท “Lucy”
ลูซี่เป็นหนึ่งในผู้อาศัยในหลุมหลบภัยหมายเลข 33 (Vault 33) ซึ่งเกิดและเติบโตมาในสถานหลบภัยนี้มาตลอดชีวิตโดยไม่เคยขึ้นไปบนพื้นโลกหรือเห็นอะไรในโลกภายนอกเลย เธอเป็นคนดีที่ทำในสิ่งที่ถูกต้อง และเชื่อในกฏเหล็กที่ว่า “จงปฏิบัติกับผู้อื่นเหมือนอย่างที่คุณปฏิบัติกับตัวเอง” เธอมาจากสังคมที่ดี มีความสุข รายล้อมด้วยคนดีๆ ซึ่งเชื่อเรื่องการปฏิรูปและการศึกษา พวกเขาเชื่อว่าสักวันหนึ่งเหล่าผู้อาศัยใน Vault หรือลูกๆ หรือหลานๆ ของพวกเขา จะได้ขึ้นไปบนพื้นผิวโลกและสร้างอเมริกาขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แต่จิตใจที่มองโลกในแง่ดีและยึดมั่นในอุดมการณ์ของลูซี่กำลังจะถูกทดสอบเมื่อคนที่เธอรักถูกทำร้าย
เอลล่าได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยบอกเอาไว้ว่า “ก่อนที่ฉันจะได้อ่านบท ฉันได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเกมนี้มาก่อนแล้ว ทั้งเพื่อนๆ พี่ชายและน้องชายของฉันเคยเล่นเกมนี้ แต่ตัวฉันเองไม่เคยเล่น แล้วฉันก็ได้พบกับโจนาห์ เจนีวา และแกรม เราคุยกันเรื่อง Fallout และพวกเขาก็เล่าเรื่องตัวละครในซีรีส์ให้ฉันฟัง ฉันอ่านบทและตกหลุมรักมันทันที ไม่ได้ตกหลุมรักแค่ตัวละคร แต่ยังรวมถึงเรื่องราวในซีรีส์ มันทั้งฉลาดและตลก โลกในซีรีส์ โทนการเล่าเรื่อง รวมถึงวิธีที่พวกเขาสร้างสมดุลระหว่างความดราม่าจริงจังกับความตลก”
“และหลังจากได้บทมา ฉันก็ได้เล่นเกม Fallout 4 ด้วยนิดหน่อย แต่ฉันเล่นไม่ค่อยเก่งเท่าไร นั่นคือปัญหาเลย ฉันคิดว่าฉันคงจะอยากจะเข้าไปเล่นมากกว่านี้อีก แต่พอเล่นๆ ไปก็ตายอยู่เรื่อย ฉันก็เลยหงุดหงิดและเซ็งสุดๆ สุดท้ายก็เลยลงเอยด้วยการนั่งดูคนอื่นเล่นอย่างเดียว”
เธอยังเสริมด้วยว่า “สำหรับฉัน การได้แสดงเป็นลูซี่ที่ทำตัวดีถูกต้องตามกฎที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ในช่วงแรกของซีรีส์ มันทำให้มีพื้นที่เหลือให้ฉันได้เล่นและแสดงพัฒนาการของตัวละครอีกเยอะมากจนจบซีซั่น เพราะพอเธอได้พบกับแม็กซิมัสและเดอะกูล มันทำให้เธอได้กลับมาคิดพิจารณาจริงๆ ว่าอะไรกันแน่ที่ทำให้พวกเขาเป็นแบบนั้น และเธอจะยอมให้ตัวเองกลายเป็นเหมือนพวกเขาหรือเปล่า”
Kyle MacLaughlin รับบท “Overseer Hank”
แฮงค์เป็นผู้ดูแลความสงบเรียบร้อยของหลุมหลบภัย Vault 33 เขาคือชายผู้มุ่งมั่นในการเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้น เป็นผู้นำที่คิดบวกและมองโลกในแง่ดี แฮงค์มีลูกสองคน หนึ่งในนั้นคือลูซี่
ไคล์บอกเอาไว้ว่าก่อนที่เขาจะรับบทในซีรีส์เรื่องนี้ เขารู้จักเกมนี้มาก่อนอยู่แล้ว “ผมรู้จักเกมนี้อยู่แล้ว เพราะว่ามันเป็นเกมในตำนานที่ยิ่งใหญ่มาก แต่ผมไม่เคยเล่นเกมนี้มาก่อนเลย ผมก็เลยถือโอกาสลองเข้าไปดูโลกในเกมและทำความเข้าใจว่ามันคืออะไร แล้วก็รู้เลยว่ามันเป็นวิดีโอเกมที่ซับซ้อนมากอย่างเหลือเชื่อและผมไม่น่าจะมีความสามารถพอที่จะเล่นมันได้ ดังนั้นผมก็เลยค่อยๆ ถอยออกมาโดยที่รู้แล้วว่าภาพรวมของเกมมันเป็นยังไง จากนั้นก็อาศัยคำแนะนำจากผู้เขียนและผู้กำกับที่ยอดเยี่ยมของเราเข้าช่วยด้วยนิดหน่อย สิ่งที่ผมให้ความสนใจหลักๆ (ในการแสดง) คือแฮงค์และการสร้างตัวละครตัวนี้ให้สมบูรณ์และมีมิติ เพราะว่ามันมีความเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับลูซี่ ลูกสาวของเขา”
“หนึ่งในเรื่องยอดเยี่ยมของการทำงานในซีรีส์นี้ คือการทำงานร่วมกับโจนาธาน โนแลน เขามีทักษะด้านเทคโนโลยี ดังนั้นในขณะที่ห้องนิรภัยถูกสร้างขึ้นด้วยเกราะภายนอกที่ดูสวยงามและให้ความรู้สึกเหมือนจริง แต่จริงๆ แล้วเราใช้สิ่งที่เรียกว่า volume stage หรือ volume screen ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็คือหน้าจอคอมพิวเตอร์ขนาดยักษ์ หรือหน้าจอขนาดเล็กจำนวนมากที่เชื่อมต่อเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดภาพลวงตาในขนาดและขอบเขตที่กว้างใหญ่ และคุณสามารถสร้างโลกได้เกือบทั้งใบด้วยสิ่งนี้”
“ผมชอบเรื่องราวที่คุณคิดว่าคุณรู้ว่าใครจะทำอะไรได้หรือไม่ได้ แต่แล้วพวกเขาก็ทำให้คุณประหลาดใจ” แม็คลัคแลนพูดถึงธีมหลักของซีรีส์เรื่องนี้ “ในซีรีส์เรื่องนี้มันคือเรื่องของลูซี่เลย เธอเป็นคนกล้าหาญและมีความสามารถ แต่เธอจะรอดจากงานหนักๆ ได้หรือเปล่า เวลาดูซีรีส์เราทุกคนอยากจะเชื่อว่าเราจะเป็นผู้รอดชีวิตด้วยเหมือนกัน ซึ่งผมคิดว่ามันทำออกมาได้ดีจริงๆ”
Aaron Moten รับบท “Maximus”
แม็กซิมัส ทหารหนุ่มผู้เก็บซ่อนอดีตอันน่าเศร้าของตัวเองไว้ในขณะปฏิบัติหน้าที่ในกองทหารที่ชื่อว่า Brotherhood of Steel เขาเชื่อในภารกิจอันสูงส่งของกองทัพในการนำกฎระเบียบและความสงบเรียบร้อยมาสู่ Wasteland และจะทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายนั้น
“ผมใช้เกมในการจินตนาการถึงภาพบรรยากาศในเรื่องมาตลอดเลย ฮาวเวิร์ดสร้างโลกขึ้นในเกมให้เกิดขึ้นในชีวิตจริงที่นี่ได้ยอดเยี่ยมมาก ผมหมายถึงขอบเขตของฉากต่างๆ ตั้งแต่หลุมนิรภัยไปจนถึง Brotherhood of Steel รวมถึงสิ่งที่เราต้องไปถ่ายทำกันในนามิเบีย มันยิ่งใหญ่มากๆ”
“แน่นอนว่า สำหรับแม็กซิมัสแล้วโลกคือสถานที่ที่โหดเหี้ยมทางร่างกาย จากทุกบทบาทที่ผมเคยแสดงมา ผมจะมีทีมงานที่ทำงานด้วยกันในการเตรียมพร้อมร่างกายของผมให้พร้อม แต่งานนี้แตกต่างจากงานอื่นๆ เพราะผมต้องผ่านการฝึกซ้อมอย่างการชกมวย ผมจำเป็นต้องได้สัมผัสความรู้สึกของการต่อสู้ ซึ่งมันต่างจากการแค่เพิ่มหรือลดน้ำหนัก นี่เป็นความโหดร้ายแบบหนึ่งที่ผมคิดว่ามีอยู่ในตัวของ Maximus ซึ่งผมอยากจะมีโอกาสได้สวมบทบาท นอกเหนือจากการฝึกฝนร่างกายด้วยการทำงานร่วมกับครูมวยและครูฝึกยกน้ำหนักแล้ว มันก็ไม่เหมือนการฝึกสตั๊นท์เท่าไร แต่เป็นเรื่องของการมาแต่เช้าเพื่อประชุมและทำงานร่วมกับทีมผู้ประสานงานสำหรับฉากแอ็กชั่นในซีรีส์ของเรามากกว่า”
“มันเป็นซีรีส์ที่เคารพวิดีโอเกมต้นฉบับอย่างมาก และในขณะเดียวกันก็แตกต่างจากต้นฉบับจริงๆ” โมเทนกล่าว “ผมหวังว่าผู้ชมจะได้รับความสุขจากการรับชมซีรีส์เรื่องนี้เหมือนกันกับที่ผมรู้สึก”
Walton Goggins รับบท “The Ghoul”
กูล (Ghoul คือมนุษย์ที่ได้รับผลกระทบจากรังสี) ที่เอาชีวิตรอดใน Wasteland ด้วยการล่าเงินรางวัลค่าหัวเป็นอาชีพ เขาไม่ใช่แค่นักล่าเงินค่าหัวธรรมดาๆ แต่เป็นนักล่าที่เก่งกาจจนชื่อเสียงลือกระฉ่อน ชื่อจริงของเขาคือคูเปอร์ ฮาวเวิร์ด (Cooper Howard) เป็นคนจริงจัง โหดเหี้ยม และมีอารมณ์ขันที่ชั่วร้าย เขามีชีวิตอยู่บนโลกมาตั้งแต่ก่อนเกิดหายนะนิวเคลียร์ และอยู่ในแดนร้าง Wasteland มานานกว่า 200 ปี
“หลังจากพูดคุยกันว่าลุคของผมในซีรีส์จะออกมาเป็นแบบไหน เชื่อไหมครับว่าเราได้ข้อสรุปว่าจะไปทางเซ็กซี่ (หัวเราะ) เขาเป็นคนที่ดูโผงผางมั่นใจ ซึ่งเข้ากับเสน่ห์และอารมณ์ขันของเขา และเราอยากให้ผู้ชมพยายามดื่มด่ำไปกับเขา เราอยากให้ผู้ชมเริ่มตั้งใจมองใบหน้าของเดอะกูลจริงๆ และสังเกตเห็นรอยแผลที่หู เริ่มตั้งคำถามว่ามันที่มายังไง หรือสิ่งนี้คืออะไร สิ่งที่อยู่บนหัวของเขาทุกครั้งที่เขาถอดหมวก เมื่อเวลาผ่านไปสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวกับตัวเขาจะค่อยๆ ถูกเปิดเผยออกมา และทุกอย่างก็มีเรื่องราวที่เกี่ยวพันกับช่วงเวลาที่ผ่านมาของเขาใน Wasteland”
“อุปสรรคใหญ่ที่สุดสองอย่างสำหรับผมในการแสดงซีรีส์เรื่องนี้คือ ผมไม่รู้เลยว่าหลังจากที่แต่งหน้าเสร็จแล้วและกล้องเริ่มถ่าย ผู้ชมจะสามารถตีความหรือเข้าใจว่าผมกำลังรู้สึกยังไงได้หรือเปล่า และมันไม่ใช่แค่เรื่องของใบหน้าของผมที่เหมือนผืนผ้าใบซีดๆ ว่างเปล่าเท่านั้น แต่ผมรู้สึกไม่มั่นใจมากๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ช่วงสองหรือสามวันแรกหลังจากถ่ายจบทุกเทค ผมจะมองไปที่โจนาธาน โนแลน ผู้กำกับของเราแล้วถามเขาว่า “โจนาห์…คุณเห็นมันหรือเปล่า” และเขาบอกผมว่า “เราเห็นมันหมดเลยวอลตัน ทุกอย่าง(ที่คุณอยากจะสื่อ)อยู่ในดวงตาของคุณแล้ว” ดังนั้นเมื่อผมรู้สึกสบายใจและไม่กังวลเรื่องนี้อีกแล้ว มันก็ง่ายขึ้นมาก แต่อีกอย่างที่ลำบากมากคือรีเทนเนอร์ที่ผมต้องใส่ไว้ในปาก จริงๆ ผมยังไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้กับใครเลย แต่รีเทนเนอร์มันทำให้น้ำลายหายไปจากปากผมหมดเลย (หัวเราะ) …คือแค่ต้องพูดโดยมีใบหน้าเทียมก็ยากแล้ว ยังต้องใส่รีเทนเนอร์พวกนี้อีก ซึ่งทำให้ออกเสียงยากมากๆ”
“เรากำลังอยู่ในยุคสมัยที่สับสนวุ่นวายมาก เราเห็นการเสื่อมถอยทางศีลธรรม และการมองโลกในแง่ดีเป็นเรื่องยากขึ้นเรื่อยๆ…แต่ Fallout กำลังสะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่กำลังเป็นไปรอบตัวเราในบางมุม ผมหวังว่าเราจะไม่ถลำลึกไปไกลกว่านั้น และหวังว่าเราจะยึดหยัดอยู่ในจุดที่เราอยู่ในวันนี้ แต่นั่นแหละคือสิ่งที่ผมคิดว่าน่าสนใจเกี่ยวกับซีรีส์เรื่องนี้ คำถามที่ซีรีส์หยิบยกขึ้นมา…สำหรับผม ผมอยากรู้มากๆ เลยว่าการสร้างสังคมขึ้นมาใหม่ในเกมและในซีรีส์เรื่องนี้ มันจะเกิดขึ้นยังไงและดำเนินต่อไปยังไง”