สำหรับซีรีส์เรื่อง Wilderness นั้น เป็นการเล่าถึงเรื่องราวของคู่รักที่แต่งงานกันและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข จนกระทั่ง ลิฟ เทย์เลอร์ รู้ว่า วิล สามีของเธอมีชู้ และสิ่งที่เธอคิดทำนั้นคือการตัดสินใจของเธอ เกินกว่าที่ใครจะจินตนาการไว้
Jenna Coleman นักแสดงสาวชาวอังกฤษ เจ้าของบทบาท คลาร่า ออสวอล คอมแพเนียนของด็อกเตอร์ใน Doctor Who, ราชินีวิตอเรีย จากซีรีส์ Victoria, Johanna Constantine ในซีรีส์ The Sandman และล่าสุด เธอมารับบทเป็น Liv Taylor สาวจากเวลส์ ที่ในช่วงเวลาหนึ่งของเธอมีภาวะ Impostor Syndrome* (Impostor Syndrome เป็นภาวะที่บุคคลหนึ่งไม่มั่นใจในความสามารถของตัวเองและมักตั้งคำถามกับความสำเร็จที่ตัวเองได้รับ จึงตั้งมาตรฐานของตัวเองไว้สูงมากและพยายามทำงานหนักขึ้น ทำให้เกิดความกดดันในการทำงานและการใช้ชีวิต และอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ อ้างอิงจากเว็บไซต์พบแพทย์) และนั่นคือช่วงเวลาที่เราได้พบกับเธอ
“เธอไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นใคร ไม่แน่ใจในตัวเองเลย แล้วความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับวิลนั้นเป็นความสัมพันธ์ที่พึ่งพากันอย่างชัดเจน และขอบเขตต่างๆ นั้น ไม่ชัดเจนอย่างที่คาด และด้วยความไม่มั่นคงของเธอ ความสงสัยในตัวเอง และมองไม่เห็นถึงคุณค่าในตัวเอง ทำให้เธอทุ่มเทตัวเองให้กับวิลล์และความสัมพันธ์นั้นเป็นอย่างมาก” เจนน่าบอก “ฉันคิดว่าเธอปกป้องตัวเองมากๆ จนกระทั่งได้พบกับวิลล์ ฉันคิดถึงสิ่งนั้นอยู่บ่อยๆ ว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ควรคาดหวังมากเกินไปในโลกใบนี้ มันเป็นวิธีการรักษาตัวเอง เธอมีไหวพริบและเฉียบแหลมมาก และเธอเองก็ใช้อารมณ์ขันเป็นอาวุธป้องกันตัว”
นอกจากนี้แล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับแม่ก็ดูจะวุ่นวายอยู่ไม่น้อย เพราะว่าเธอใช้ชีวิตอยู่แค่กับแม่ และยิ่งแม่ของลิฟมีพื้นที่มากขึ้นเท่าไหร่ โลกของลิฟก็น้อยลงเท่านั้น ทำให้เธอต้องแบกรับความเศร้าและอารมณ์ความรู้สึกของแม่เอาไว้มาก
“Wilderness คือเรื่องราวที่ใหญ่มากๆ มันมีโครงเรื่องขนาดใหญ่ เล่าง่ายๆ เลยก็คือเรื่องนี้เกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งที่พบว่าสามีของเธอกำลังนอกใจเธอ เธอก็เลยเริ่มวางแผนและวิธีการฆ่าเขา เพื่อให้เธอไม่รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกทอดทิ้ง และแสวงหาความแก้แค้นหรือความยุติธรรมสำหรับเธอ” เจนน่าอธิบายถึงซีรีส์และเหตุการณ์ต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น “แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องกันเป็นลูกโซ่ที่แตกต่างกันออกไป เกือบจะเหมือนกับรถไฟเหาะ การเห็นภาพหลอน หรืออาการที่ทำให้เกิดอาการประสาทหลอน ความบ้างคลั่ง อุปสรรค และสิ่งที่ไม่คาดคิดสำหรับตัวละครต่างๆ ที่ดำเนินต่อในเรื่อง มันเหมือนกับเอฟเฟกต์โดมิโนที่ไม่สามารถควบคุมและหยุดมันได้ และห่วงที่ร้อยเรียงเหตุการณ์นั้น มันต่อเนื่องกันอย่างแน่นอน มันเข้มข้นมาก แต่มันก็ยังคงยึดเรื่องราว ประสบการณ์ทางอารมณ์ และความจริงเอาไว้ด้วยกัน”
“สำหรับลิฟ มันคือการยอมรับว่าตัวคุณเองเป็นใคร ที่ได้เป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง มีความสุขโดยไม่ต้องการใครอื่น ฉันรู้สึกว่าความสัมพันธ์แบบพึ่งพาอาศัยกันมันเป็นเรื่องธรรมดามาก การสูญเสียตัวตนของตัวเองไปกับคนอื่นก็เป็นเรื่องปกติ สำหรับลิฟ นั่นถือเป็นการยอมรับอย่างมีสติจริงๆ” เจนน่าบอก “รวมไปถึงการส่งเสียง การแสดงออกและสื่อสาร รวมไปถึงการเป็นตัวของคุณในร่างกายของคุณ มันให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเรื่องราวของผู้หญิง (feminine story) เกี่ยวกับความเป็นผู้หญิง (womanhood) การเดินทางผ่านเรื่องราวเหล่านั้น แต่ภายในนั้น เราจะเห็นได้ชัดถึงการสำรวจความสัมพันธ์ของการถูกผลักออกไปยังจุดแตกหัก และสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในการแต่งงาน”
นอกจากนี้แล้ว เธอยังเล่าให้ฟังถึงเรื่องราวในกองถ่ายด้วยว่า “มีสมาชิกผู้หญิงจำนวนมากในกองถ่ายเดินเข้ามาหาฉันแล้วก็บอกว่า ‘ฉันจำการเถียงกันในซีนนั้นได้’ หรือไม่ก็ ‘ฉันก็รู้สึกแบบนั้น’ ฉันคิดว่ามันน่าสนใจที่จะได้เห็นว่าผู้ชมมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อสิ่งที่ให้ความรู้สึกสุดโต่งแต่คุ้นเคยมาก การสำรวจการทรยศจากคนที่คุณรักและมันสามารถทำอะไรกับคุณได้”
ซีรีส์เข้าฉาย 15 กันยายน ทาง Prime Video
Wilderness
Genre: Thriller
Year: 2023
Seasons: 1 season
Based on: Wilderness จาก B.E. Jones
Country: United State
Language: English
Directed: So Yong Kim
Screenplay: Marnie Dickens
Actors: Jenna Coleman, Oliver Jackson-Cohen, Ashley Benson, Eric Balfour, Claire Rushbrook, Marsha Stephanie Blake
Executive Producers: Elizabeth Kilgarriff
Production: Firebird Pictures, Amazon Studios
Original Network: Prime Video