*บทความนี้มีเนื้อหาสปอยล์ภาพยนตร์ Asteroid City*
ชีวิตและจินตนาการของคนหนุ่มสาวเป็นธีมที่คงอยู่นิรันดร์ในภาพยนตร์ของแอนเดอร์สัน พวกเขามีความเป็นตัวของตัวเองอย่างยิ่ง บางครั้งก็แสดงความเปราะบางท่ามกลางความยากลำบากของการเติบโต เพ้อฝันแต่ก็มีความสามารถ พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ มันก็เป็นประสบการณ์วัยเด็กและวัยรุ่นที่พวกเรากำลังพบเจอหรือเคยผ่านมันมาแล้ว ใน Asteroid City เช่นเดียวกับ Rushmore และ Moonrise Kingdom กลุ่มวัยรุ่นเป็นผู้ที่ขับเคลื่อนพล็อตเรื่องให้เดินไปข้างหน้า “นักดาราศาสตร์รุ่นจิ๋ว” ห้าคนทำในสิ่งที่เด็กทำได้ดีที่สุด นั่นคือกระตุ้นให้เกิดความภาคภูมิใจแต่ก็สร้างความกังวลให้พ่อแม่ขี้วิตกไปพร้อมๆ กัน ทดลองตามหาความรักแบบกล้าๆ กลัวๆ และการหาหนทางก้าวผ่านความไม่แน่นอนไปสู่ความเป็นไปได้ใหม่ๆ
ในการหาที่ทางสำหรับตัวเองในกองถ่าย Asteroid City ที่เต็มไปด้วยผู้คนและอยู่ภายใต้แสงดาวนั้น แอนเดอร์สันได้สนับสนุนให้เด็กๆ สานสายสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งในและนอกจอให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น “เวสทำให้แน่ใจว่าเด็กๆ ทุกคนจะรวมตัวอยู่ด้วยกัน” ผู้อำนวยการสร้างเจเรมี ดอว์สันกล่าว “ตอนที่พวกเขากินอาหาร ทำกิจกรรมอื่นๆ หรือดูหนัง พวกเขาก็ทำมันด้วยกัน เพื่อที่พวกเขาจะได้กลายเป็นแก๊งเล็กๆ ด้วยกัน”
แอนเดอร์สันพบแรงบันดาลใจในภาพทัศนียภาพที่กว้างใหญ่ไพศาลของภาพยนตร์โดยอัลท์แมนเรื่อง Nashville ซึ่งเป็นอีพิคที่มีเส้นเรื่องต่างๆ และมีตัวละครที่ข้องเกี่ยวกันมากมาย เป้าหมายของเขา นอกเหนือจากเรื่องความสมัครสมานสามัคคีกันแล้ว ก็คือความคิดสร้างสรรค์ร่วมกันในกลุ่มนักแสดง “สิ่งที่ผมชื่นชอบเกี่ยวกับอัลท์แมน” เขากล่าว “คือการที่เขามีแนวทางในการได้มาซึ่งวัตถุดิบเหล่านี้ และเขาก็มองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับตรงนี้ บางทีอาจจะเพิ่มอะไรอีกนิดเข้าไปตรงนี้ และผลักดันมันตรงนั้น แล้วก็ดูว่าเกิดอะไรขึ้นและคนๆ นี้สามารถทำอะไรได้บ้าง ผมรู้สึกแบบนั้นนิดหน่อยระหว่างการถ่ายทำหนังเรื่องนี้เพราะเรามีนักแสดงจำนวนมากและพวกเขาก็จะทำอะไรต่อมิอะไรด้วยตัวเอง ลักษณะที่เด็กๆ พวกนี้ทำงานก็สอดคล้องตามนั้น และผมก็ชอบอะไรแบบนั้น พวกเขาพัฒนามาเป็นแบบนี้ด้วยกัน”
ก่อนที่จะมาถึงสเปน แอนเดอร์สันได้เปิดสตอรีบอร์ดที่เป็นภาพเคลื่อนไหวให้นักแสดงได้ดูพร้อมกับส่งสิ่งที่พวกเขาต้องอ่านให้ด้วย สำหรับเกรซ เอ็ดเวิร์ดส์ ผู้รับบทดินาห์ เธอมีชีวประวัติเกี่ยวกับผู้สร้างภาพยนตร์ระหว่างยุคทองของฮอลลีวูดหลายคน ส่วนหนึ่งเพื่อต้องการค้นหาชีวิตของตัวละครของเธอแต่ส่วนหนึ่งก็เพื่อความบันเทิงด้วยเช่นกัน “ฉันนึกภาพมิดจ์พาดินาห์ไปที่กองถ่ายหนังทุกเรื่องของเธอและแนะนำเธอให้เพื่อนร่วมแสดงทุกคนของเธอรู้จัก ด้วยความที่มันเป็นยุค 1950s มันก็เป็นช่วงเวลาที่สว่างไสวทีเดียวในการได้เป็นส่วนหนึ่งของฮอลลีวูด” เธอกล่าว “อย่างไรก็ดี ฉันเชื่อว่ามันเป็นไปเพราะความบันเทิงมากกว่าจะเป็นการเตรียมพร้อม”
และบางที อาจจะด้วยวิธีที่ผู้กำกับฟรังซัวส์ ทรูว์โฟและกลุ่มนักแสดงรุ่นเยาว์ของเขาใน Small Change (ภาพยนตร์เรื่องโปรดของแอนเดอร์สัน) ล้วงลึกเข้าไปในวัยเด็กอย่างอ่อนโยน แอนเดอร์สันจึงได้สนับสนุนให้นักแสดงเล่นสนุกกัน ภายใต้การดูแลของพ่อแม่ผู้ปกครอง แก๊งห้าหนุ่มสาวได้ขลุกอยู่ด้วยกัน พักห้องใกล้กัน และทำกิจกรรมร่วมกัน “ตอนที่เราไปถึงสเปน เรายังได้ดูหนังเรื่อง Ace in the Hole ของบิลลี วิลเดอร์ด้วย เราก็ได้เห็นว่าเมืองทะเลทรายกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญได้ยังไง”
“พวกเขาอยู่ในฟองอากาศตามอายุของพวกเขาจริงๆ” ชวอร์ทซ์แมนกล่าว “พอผมเดินลงบันไดไป และได้เห็นพวกเขา ผมก็ทักทายได้แค่ว่า “เฮ้” และมองลงไป เพราะพวกเขานั่งเล่นเกมกัน หัวเราะ มีความสุขกัน ผมก็รู้สึกแบบว่า ‘โอเค ฉันไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องนี้’”
นักแสดงรุ่นเยาว์บางคนเคยผ่านประสบการณ์กับเพื่อนร่วมแสดงที่อาวุโสกว่ามาก่อน ซึ่งรวมถึง อีธาน ลี ผู้รับบท ริคกี้ โช ด้วย “แปลกดีนะที่อีธานเคยแสดงเป็นลูกชายของตัวละครของ สตีเวน ปาร์ค มาก่อนแล้วในหนังของ มิแรนดา จูลาย แต่บทนั้นถูกตัดทิ้งไป” แอนเดอร์สันกล่าว “ดังนั้น ตอนที่ผมเลือกเขา เขาก็บอกว่า ‘ผมเคยแสดงเป็นลูกชายของ สตีฟ ปาร์ค มาก่อน’“
เกรซ เอ็ดเวิร์ดส์ใช้เวลาในกองถ่าย Asteroid City ไปกับการเรียนรู้เรื่องการถ่ายทำ จากการสอนของ ทรูแมน เจ้าหน้าที่เตรียมฟิล์ม “เขาสอนผมถึงวิธีการใส่ม้วนฟิล์มของกล้องอาร์ริในเต็นท์ห้องมืด การทำสัญลักษณ์ตามประเภท/ความยาวของฟิล์มและอนุญาตให้ผมเขียนรหัสอิมัลชัน และรหัสไปรษณีย์ลงบนกล่องของฟิล์มที่ได้รับแสงก่อนที่จะส่งพวกมันไปล้างที่ห้องแล็บในกรุงปารีส”
ตัว วู้ดโรว์ สทีนเบ็ค เองไม่เพียงแต่ตระหนักถึงสัญญาณแปลกๆ ที่มาจากห้วงอวกาศเท่านั้น แต่เขายังรู้สึกถึงสัญญาณแปลกๆ จากพ่อและคุณตาของเขาด้วยเช่นกัน ออกี้ สทีนเบ็ค จะต้องเป็นคนที่บอกให้ลูกๆ ได้รู้ว่าแม่ของพวกเขาได้จากไปแล้ว แต่ตามที่วู้ดโรว์พูด เขาเริ่มจะสัมผัสได้ ไม่มีการระเบิดอารมณ์ ไม่มีน้ำตา แต่ที่น่าประทับใจยิ่งกว่าคือความรู้สึกที่ว่าชีวิตเขาได้เปลี่ยนแปลงไป และถึงจะไม่ใช่ตอนนนี้ แต่อีกไม่นาน เขาก็จะต้องเผชิญหน้ากับความโศกเศร้าของตัวเอง
“โชคดีที่ตัวผมเองไม่เคยเจอกับเรื่องเศร้าๆ มากมายเท่าไหร่ในชีวิตผม อย่างน้อยที่สุดก็จนถึงตอนนี้” เจค ไรอันกล่าว “แต่ผมเคยเห็นผู้คนที่เจอกับเรื่องเศร้าๆ และจากมุมมองของผม มันเหมือนกับการจดจำบางช่วงเวลาที่พวกเขายังอยู่ตรงนี้ และสิ่งที่มันทำให้พวกเขารู้สึกได้ บางครั้ง มันอาจเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เช่นการมองออกไปนอกหน้าต่าง แล้วจดจำได้ หรือการค้นพบความทรงจำที่หลงลืมไป ที่มันอยู่ตรงนั้นแต่คุณไม่ได้นึกถึงมันมาซักพักแล้ว บางครั้ง ความโศกเศร้าก็เป็นแรงจูงใจที่ทรงพลังนะ มันสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้คุณเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ หรือสร้างสิ่งต่างๆ ได้”
พวกเด็กๆ อาจชิงไหวชิงพริบชนะผู้ใหญ่ได้ แต่พวกเขาก็รู้ความจริงอย่างหนึ่งที่ว่า พวกเขาต้องการกันและกัน เพื่อการสนับสนุนและการแนะนำ บางครั้ง พวกผู้ใหญ่เองก็รู้เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน ตอนที่ ดร.ฮิคเคนลูเปอร์ เชิญวู้ดโรว์ให้มาเป็นลูกศิษย์เธอ มันก็เป็นเพราะเธอเห็นว่าเขาเป็นคนที่เหมือนๆ กับเธอ “ทุกอย่างคุ้มค่า ในชั่วชีวิตของเธอ ความอยากรู้อยากเห็นเป็นทรัพย์สินที่สำคัญที่สุดของเธอ เชื่อใจมัน เชื่อใจในความอยากรู้อยากเห็นของเธอ”
พวกเด็กๆ เป็นนักสืบ นักข่าว นักสำรวจและนักทดลอง ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องความอยากรู้อยากเห็น พวกเขาอบอุ่นและแสดงอาการต้อนรับกันและกันในทันที บางที อีกสองสามทศวรรษหลังจากนี้ พวกเขาจะรำลึกถึงช่วงเวลานี้เหมือนอย่งที่เจสัน ชวอร์ทซ์แมนนึกย้อนไปถึงตอนที่เขายังเป็นเด็กหนุ่มที่เพิ่งเริ่มงานแสดงใหม่ๆ ก็เป็นได้
“ผมรู้ว่านี่อาจจะฟังดูน้ำเน่าสุดๆ แต่ผมนึกถึงตัวเองว่าเป็นคนที่อายุน้อยที่สุด โดยเฉพาะในกลุ่มนั้นกับเวสและทุกๆ คน พวกเขารู้จักผมมาตั้งแต่อายุ 17 ปีแล้ว และมันก็พิลึกมากเวลาที่ผมฉุกคิดได้ว่าพวกเขาก็อายุเท่าๆ กับผมตอนที่ผมได้พบเวสครั้งแรก และเวลาก็ได้ล่วงเลยมานานแล้วล่ะ”
เมื่อเวลาเคลื่อนผ่านไปสำหรันบตัวละครทั้งสี่ตัวนี้ เราก็สามารถจินตนาการได้ว่าคงจะไม่มีการเอ่ยคำอำลาในตอนที่ช่วงเวลาของพวกเขาในแอสเทอรอยด์ ซิตี้จบลง เป็นเพียงแค่ “ไว้คุยกันใหม่” อาจจะด้วยเครื่องมือสื่อสารบางอย่างที่พวกเขาคิดประดิษฐ์ขึ้นมา
Asteroid City
Genre: science fiction romantic comedy-drama
Country: United State
Language: ภาษาอังกฤษ
Director: Wes Anderson
Screenwriter: Wes Anderson
Story by: Wes Anderson, Roman Coppola
Producers: Wes Anderson, Steven Rales, Jeremy Dawson
Actors: Jason Schwartzman, Scarlett Johansson, Tom Hanks, Jeffrey Wright, Tilda Swinton, Bryan Cranston, Edward Norton, Adrien Brody, Liev Schreiber, Hope Davis, Stephen Park, Rupert Friend, Maya Hawke, Steve Carell, Matt Dillon, Hong Chau, Willem Dafoe, Margot Robbie, Tony Revolori, Jake Ryan และ Jeff Goldblum
Cinematographer: Robert Yeoman
Editor: Barney Pilling
Music: Alexandre Desplat
Running Time: 105 minutes
Production company: American Empirical Pictures, Indian Paintbrush
Distributors: Focus Features (United States) Universal Pictures (International) UIP Thailand