Rina Sawayama ป๊อปสตาร์ นางแบบ และนักแสดง ที่จะทำให้คุณตกอยู่ในมนต์สะกดโดยไม่ทันตั้งตัว

| | , , ,

หากพูดถึง Rina Sawayama หลายคนคงจะนึกถึงผลงานเพลงอันโดดเด่นทั้งท่วงทำนอง และความเควียร์ที่ถูกถ่ายทอดผ่านบทเพลงของเธอ จากผลงานเพลงของเธอที่เต็มไปด้วยความหลากหลายนั้น เธอก็ได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘กิ้งก่าเปลี่ยนสีแห่งโลกดนตรี’ ด้วยผลงานเพลงที่ผสมผสานระหว่าง J-Pop และเพลงป๊อป ร็อก R&B อาร์ตป๊อป และอิเล็กโทรป๊อปเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว นอกจากนี้แล้ว สไตล์การแต่งตัวสุดจัดจ้านที่มองเห็นแล้วก็ต้องสะดุดตาอย่างแน่นอน รวมไปถึงการเดินแบบ อีกทั้งยังเคยได้รับตำแหน่งผู้หญิงแห่งปีจากนิตยสาร Vogue ญี่ปุ่นในปี 2019 อีกด้วย และล่าสุด เธอก็กระโจนมารับบทบาทในผลงานการแสดงครั้งแรกของเธอ ในผลงานภาพยนตร์เรื่อง John Wick 4 ที่ร่วมแสดงกับนักแสดงชั้นนำหลายต่อหลายคน

วันนี้ The Noize Team จึงอยากจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ รินะ ซาวายามะ ศิลปิน นางแบบ และนักแสดง สุดปังคนนี้ ไปพร้อมๆ กัน

Short Brief

ชื่อจริง: Rina Sawayama (リナ・サワヤマ)
เกิด: 16 สิงหาคม 1990
การศึกษา: เข้าศึกษาที่ Magdalene College มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ สาขาการเมือง จิตวิทยา และสังคมวิทยา ก่อนจะจบในปริญญาสาขารัฐศาสตร์

รินะ ซาวายามะ นักร้อง นักแต่งเพลง นักแสดง และนางแบบชาวญี่ปุ่น-อังกฤษ เกิดที่เมืองนีงาตะ ประเทศญี่ปุ่น ก่อนจะย้ายไปอยู่ลอนดอนกับครอบครัวตอนอายุ 5 ขวบ เริ่มทำวงฮิปฮอปกับเพื่อนตอนอายุ 16 ปี และเริ่มทำเพลงในฐานะศิลปินเดี่ยวในปี 2013

Multicultural

รินะ ซาวายามะ เกิดที่ประเทศญี่ปุ่น และย้ายมาที่อังกฤษตั้งแต่อายุ 5 ขวบ ทำให้ตัวของเธอ มีความผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมทั้งสองฝั่ง ทั้งจากวัฒนธรรมญี่ปุ่นและการเติบโตท่ามกลางสภาพแวดล้อมแบบตะวันตก ทำให้เธอสามารถหลอมรวมทั้งสองสิ่งให้ออกมากลายเป็นเอกลักษณ์ของตัวเธอเองได้อย่างมาก แม้ว่าในช่วงแรกของการปรับตัวนั้น จะเป็นปัญหาสำหรับรินะอยู่พอควร แต่เมื่อได้ดนตรีเป็นสื่อกลางเข้ามาเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเธอและคนรอบข้าง ทำให้ทุกๆ อย่างค่อยๆ ดีขึ้น และกลายเป็นเธอในทุกวันนี้

อันที่จริง ครอบครัวของเธอวางแผนที่จะเดินทางกลับประเทศญี่ปุ่นตอนรินะอายุ 10 ปี เพราะครอบครัวของเธอไม่อยากให้เธอรู้สึกไม่เชื่อมต่อกับต้นตระกูลของเธอ “พวกเขาอยากให้ฉันเรียนต่อที่ญี่ปุ่นเพื่อไม่อยากให้ฉันรู้สึกว่าพลาดอะไรไป” เธอเสริมต่อว่า “ตอนที่เราตัดสินใจที่จะอยู่ต่อ ตอนนั้นฉันอายุ 10 ขวบ แล้วภาษาอังกฤษของฉันมันก็แย่มาก ฉันจำความรู้สึกได้เลยว่าฉันไม่สามารถบอกสิ่งที่ฉันต้องการได้ แม่ของฉันก็ไม่พูดภาษาอังกฤษ ความทรงจำแรกๆ ของฉันก็คือโรงเรียนบอกฉันว่าฉันต้องไปหา Five Children and It มา แล้วมันคือสิ่งใหม่เลยนะ ฉันกลับบ้านไปบอกแม่ว่า ‘แม่ หนูต้องการสำเนาของอันนี้ หนูคิดว่ามันหมายถึงหนูต้องถ่ายรูปหนังสือเล่มนั้น’ ฉันยืมหนังสือมาจากโรงเรียน แล้วก็ถ่ายเอกสารรายบทมาเลย พอฉันไปที่ห้อง พวกเขาก็อธิบายว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาหมายถึง ฉันไม่รู้เลย ฉันจำได้ว่าตอนนั้นฉันอายแล้วก็สับสนมาก”

Rina Sawayama - Frankenstein (Official Video)

แน่นอนว่าการแบ่งแยกทางวัฒนธรรมส่งผลต่อเด็กหญิงรินะ ไปจนถึงความรู้สึกในการปิดบังและไม่อยากที่จะแสดงออกถึงความเป็นญี่ปุ่น เมื่อเธออยู่ในประเทศอังกฤษ และทุกๆ อย่างก็ดูจะรุนแรงและซับซ้อนมากยิ่งขึ้น เมื่อพ่อแม่ของเธอแยกทางกัน ส่วนตัวของรินะเองก็อยู่ในห้องเดียวกับแม่ และในช่วงวัยรุ่น ความตึงเครียดก็เพิ่มขึ้นเยอะมาก “ฉันคิดว่าแม่ก็ค่อนข้างที่จะอึดอัดอยู่นะ เธอไม่เข้าใจลอนดอนเท่าไหร่ แม่โตมาในชนบท ไม่มีคลับ ไม่มีอะไรเลย” เธอบอก “ในขณะที่ฉันกำลังจะไปยัง Koko London ไปงานแสดงและไปดื่มกัน เราได้วันหยุดมา แล้วก็เมากันมาก มันสนุกจริงๆ แต่ว่ามันก็เป็นเรื่องแปลกสำหรับแม่ แม่ค่อนข้างที่จะกังวล แล้วแม่ก็มักจะบอกว่า ‘แม่จะส่งลูกไปเรียนที่โรงเรียนประจำที่สวิส’ ตอนแรกฉันก็อารมณ์เสียนะ แล้วก็คิดได้ว่า ‘แม่จ่ายไม่ไหวหรอก'”

สำหรับรินะแล้ว ดนตรีป๊อป กลายมาเป็นตัวช่วยในการเชื่อมต่อระหว่างเธอกับผู้คนที่โรงเรียน “ฉันมักจะล้อตัวเองอยู่บ่อยๆ ที่ฉันพลาดทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับ Spice Girls แล้วฉันก็พลาดมันจริงๆ” เธอบอก “ฉันมีโอกาสได้สัมผัสช่วงท้ายๆ ของพวกเธอ แล้วฉันก็ชอบมันนะ แต่ประเด็นของฉันคือ ตอนที่ Britney Spear และ Kylie Minogue ปล่อยออกมา ฉันจำได้เลยว่าสิ่งแรกที่ฉันเชื่อมกับมันจริงๆ ก็คือเพลง ‘Kiss Kiss’ ของ Holly Valance และมันก็เป็นวิธีที่เชื่มอฉันเข้ากับเพื่อนๆ ของฉันจริงๆ เลยล่ะ คือฉันย้ายโรงเรียนมา 4 ครั้ง ฉันไม่มีเพื่อนนะ ฉันจำได้ว่ามันมีการรวมตัวเด็กผู้หญิงเพื่อสร้างวง S Club 7 กันด้วย และนั่นก็เป็นวิธีที่เจ๋งมากๆ ในการเอาชนะกำแพงวัฒนธรรมที่อยู่ตรงนั้น”

กิ้งก่าเปลี่ยนสีแห่งวงการเพลง

สื่อหลายๆ เจ้าขนานนามว่ารินะ ซาวายามะ ว่าเป็น กิ้งก่าเปลี่ยนสีแห่งวงการเพลง เธอเริ่มต้นจากการทำเพลงคัฟเวอร์ลง MySpace ในช่วง Sixth form (ระดับชั้นที่จะมีการสอน A-Level ในระดับเข้มข้น ช่วงอายุตั้งแต่ 16-18 ปี เพื่อเตรียมสอบ A-Level) เธอก็เริ่มทำเพลงฮิปฮอปกับกลุ่มเพื่อนในชื่อ Lazy Lion เธอบอกว่าเธอตามหาสมาชิกวงจากปกหลังของ NME ไม่ว่าจะเป็น แรปเปอร์และนักร้อง Jelani Blackman, Theo Ellis ที่ตอนนี้ไปอยู่วง Wolf Alice และโปรดิวเซอร์ Rowan “ตอนนั้นโรงเรียนของเรามีเครื่องดนตรีและเทคโนโลยีช่วยในการทำเพลง เพราะงั้น พวกเราก็เลยมาทำเพลงด้วยกัน ฉันไม่ได้เขียนเนื้อร้องนะ เขียนแค่เฉพาะท่อนฮุคกับคอรัส มันค่อนข้างทำให้ฉันรู้สึกดีกับสิ่งที่ทำในระยะยาวแบบนี้ ฉันเขียนทำนองที่ดีที่สุดออกมาเลยล่ะ”

ในปี 2013 รินะปล่อยผลงานแรกที่ทำให้เธอกลายเป็นที่รู้จักในฐานะศิลปินเดี่ยวครั้งแรก นั่นก็คือเพลง “Sleeping in Waking” ตามมาด้วย “Tunnel Version” และ “Where U Are” ช่วงปี 2016 โดยผลงานเพลงของเธอที่ปล่อยออกมา ได้มีการพูดถึงเรื่องราวของการใช้โซเชียลมีเดียเป็นอีกโลกหนึ่งจนมากเกินกลายเป็นการเสพติด พร้อมเอ็มวีประกอบที่มีความเป็นแฟชั่นและสีสันอันจัดจ้านสะดุดตา ซึ่งผลงานที่เป็นเอกลักษณ์และโดดเด่นของเธอนั้นก็ได้ทำให้เธอติดโผรายชื่อ หนึ่งใน 13 ศิลปินที่น่าจับตามองในปี 2017 โดยนิตยสารดนตรี The Fader ก่อนที่เธอจะได้เซ็นสัญญาเข้าร่วมกับทางค่าย Dirty Hit และได้ออกอัลบั้มเต็ม “Sawayama” เป็นครั้งแรกในปี 2020 ก่อนที่จะได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล BRIT Awards สาขาดาวรุ่ง (Rising Star) ในปี 2021 และศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม (Best New Artist) ในปี 2023

Rina Sawayama - XS (Official Video)

Rina Sawayama ไม่ได้หยุดแค่เพียงงานดนตรี

หลังจากระดับมัธยม Rina Wasayama ตัดสินใจเข้าเรียนในสาขารัฐศาสตร์ สังคมศาสตร์ และจิตวิทยา ที่ Magdalene College ในมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ซึ่งในพื้นที่นั้น ก็เต็มไปด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรมและผู้คนที่แตกต่างจากสมัยเรียน “ฉันคิดว่าตอนนั้นฉันไร้เดียงสานะ ไม่มีใครบอกฉันเลยว่าวิทยาลับที่เลือกมันสำคัญมากๆ” ในสมัยมหาวิทยาลัย เธอบอกว่าเธอถูกคนอื่นรังแก และส่งผลกระทบตจ่อสุขภาพจิตของเธออย่างรุนแรง เธอบอกว่า “มันทั้งหดหู่แล้วก็ร้องไห้ทุกวัน”

เธอยังบอกต่อด้วยว่า “วิทยาลัยที่ฉันไปเรียน เขาให้ผู้หญิงเข้าเรียนเมื่อตอนปี 1990 แล้วมันก็เต็มไปด้วยปิตาธิปไตยมากๆ แล้วไม่มีใครเตรียมความพร้อมให้กับคุณเลยสำหรับวัฒนธรรมที่นั่น แล้วสิ่งที่ฉันอยากจะเน้นจากสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นในเคมบริดจ์ เพราะฉันฉันคิดว่ามันเป็นสิ่งที่พูดถึงได้ว่ามันเกิดขึ้นจริงในการเมืองตอนนี้ มีเด็กชายตัวเล็กๆ เด็กชายอายุ 19 ปี จุดไฟเผาเงินตรงหน้าคนไร้บ้าน ฉันไม่เคยเห็นพฤติกรรมแบบนั้นมาก่อน มันเป็นโลกที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญนะที่นักการเมืองอนุรักษ์นิยมทุกคน จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน และในปริญญาเดียวกัน ฉันเห็นวัฒนธรรมตรงนี้”

ซึ่งสาขาที่เธอเรียนในระดับมหาวิทยาลัย ก็ส่งอิทธิพลต่อเธอ ในงานเขียนเพลงของเธออีกด้วย “ฉันเรียนจบสาขาการเมือง จิตวิทยา และสังคมวิทยา ฉันก็มองเห็นว่าทุกอย่างมันเชื่อมต่อกัน” รินะบอก “ถ้ามีอะไรบางอย่างทางการเมือง มันก็เป็นได้ทั้งทางจิตวิทยาและสังคมวิทยา นั่นช่วยให้ฉันเห็นถึงการเขียนเพลงในการสำรวจสิ่งเหล่านั้นมากกว่าแบบ ‘ฉันมีความรู้สึกของฉัน และนี่คือสิ่งที่ฉันจะเขียนเกี่ยวกับมัน’ ฉันรักเพลงแบบนั้นนะ แต่สำหรับฉันแล้ว มันไม่ใช่เลยที่จะเขียนเพลงแบบนั้นออกมา ฉันสนุกกับท่อนที่ฉันชอบ และเห็นว่ามันเป็นปัญหาที่ใหญ่กว่า ฉันคิดว่าเมื่อคุณทำแบบนั้น ก็ยิ่งทำให้เพลงมีความลึกมากยิ่งขึ้นด้วย”

นอกจากความสามารถทางด้านผลงานเพลงแล้ว ความเป็นเอเชียและตัวตนของรินะ ก็เป็นอีกหนึ่งความโดดเด่นที่ทำให้เธอได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในวงการแฟชั่น ด้วยสไตล์และหน้าตาที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้รินะได้เซ็นสัญญาร่วมงานกับโมเดลลิ่งชื่อดังของโลกอย่าง Elite Model Management ไปในที่สุด และเธอยังเคยได้รับตำแหน่งผู้หญิงแห่งปีจากนิตยสาร Vogue ญี่ปุ่นในปี 2019 จากเรื่องราวในชีวิตของเธอที่ได้สร้างแรงบันดาลใจและความเปลี่ยนแปลงทั้งในด้านของการยอมรับความหลากหลายทางเชื้อชาติ และเพื่อสร้างพลังให้กับเพื่อนหญิงด้วยกันเอง

As a Queer Asian …

ในปีสุดท้ายของการเรียน รินะได้พบกับชาวเควียร์ หลังจากที่ไปเที่ยวกลางคืนแบบเกย์ไนต์มา เธอได้พบกับกลุ่มครีเอทีฟที่เป็น LGBTQ+ รวมไปถึงสมาชิกวง drag ที่ชื่อ Danim “ฉันไม่อยากพูดเกินจริง แต่ฉันรู้สึกว่ามันจะมีบางอย่างเลวร้ายจริงๆ เกิดขึ้นกับฉัน ถ้าหากฉันไม่ได้พบกับพวกเขา” เธอเสริมต่อด้วยว่า “ฉันรู้สึกว่า ฉันเป็นหนี้ชีวิตของฉันกับชุมชนนี้จริงๆ”

ซึ่งตัวของรินะเองก็คัมเอาท์ว่าเป็น Pansexual แม้ว่าก่อนหน้านี้จะเธอจะเรียกตัวเองว่า Bisexual ก็ตาม “ฉันอยากจะซื่อสัตย์กับประสบการณ์ของตัวเองเสมอ” ผลงานเพลงของเธอจึงเล่าเรื่องราวของความเควียร์ และพูดถึงแพนเซ็กชวลอยู่ตลอด แม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะไม่เคยพูดถึงเรื่องเพศวิธีของตัวเองมาก่อน แต่มันก็ค่อนข้างชัดเจนสำหรับใครก็ตามที่ได้ฟังเพลงของเธอ “ฉันมักจะเขียนเพลงเกี่ยวกับผู้หญิง ฉันไม่คิดว่าฉันเคยพูดถึงผู้ชายในเพลงของฉัน และนั่นแหละคือเหตุผลที่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้” เธอยังบอกต่อด้วยว่า เธออยากที่จะใช้โอกาสนี้ในการพูดถึงเกี่ยวกับตัวตนของเธอ “สำหรับฉัน มันยังคงขาดการเป็นตัวแทนอยู่นะ ฉันแค่คิดว่าเหตุผลที่ฉันไม่สบายใจกับเรื่องเพศวิถีของฉันเพราะว่ามันไม่มีให้เห็นในทีวีหรือในที่ไหนเลยที่ฉันสามารถชี้แล้วเข้าไปเห็นได้ว่า ‘ดูสิแม่! คนนี้กำลังพูดถึงสิ่งที่ฉันพูดอยู่'”

รินะเขียนเพลงเพื่อชาวเควียร์ขึ้นมาหลายเพลง หนึ่งในนั้นก็คือเพลง Chosen Family เธอให้สัมภาษณ์บอกกับ MTV News เมื่อปี 2020 ว่า “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แนวคิดเรื่องครอบครัวมันกว้างขึ้นมากสำหรับฉัน” รินะเสริมต่อด้วยว่า “ฉันคิดนะ โดยเฉพาะชาวเควียร์จำนวนมาก พวกเขาจำเป็นที่จะต้องขยายคำจำกัดความของคำว่าครอบครัว หลายครั้งที่คุณมองเห็นครอบครัวของคุณ และมันก็ไม่ใช่สิ่งที่ฮอลลีวูดนำเสนอให้คุณเห็น มันไม่ใช่ครอบครัวแบบที่คุณจะมีความสุข แต่คุณสามารถสร้างครอบครัวของคุณเองได้ สร้างความสุขของคุณ ฉันมีครอบครัวชาวเควียร์ ฉันมีครอบครัวที่ออกทัวร์ไปกับฉัน ฉันมีครอบครัวที่สร้างขึ้นมาเอง มันเป็นความสวยงามที่รู้ได้ว่า คุณสามารถขยายครอบครัวให้กว้างขึ้นได้ที่ไม่ใช่แค่เพียงครอบครัวทางสายเลือดเท่านั้น”

นอกจากจะปล่อยเพลง Chosen Family กับอัลบั้มแล้ว เธอยังอัดเพลงอีกครั้งร่วมกับ Elton John ศิลปินระดับตำนาน และเควียร์ไอค่อน ซึ่งเขาก็บอกว่าเพลง Chosen Family เปรียบเสมือนเพลงสรรเสริญ เขายังเสริมต่อด้วยว่า “คุณสามารถได้ยินเพลงนี้ราวกับว่ามันถูกขับร้องโดยนักร้องประสานเสียงในโบสถ์” ซึ่งเพลงนี้ รินะเขียนขึ้นมาเพื่อชุมชน LGBTQIAN+ โดยเฉพาะ อีกทั้งยังได้ศิลปินระดับตำนานมาร่วมร้องเพลงกับเธอด้วย ทำให้เพลงนี้เข้าถึงกลุ่มผู้ฟังใหม่ๆ ได้อย่างทั่วถึง และกระจายไปในทุกๆ ที่ ทั่วโลก

Tell me your story and I’ll tell you mine
I’m all ears, take your time, we’ve got all night
Show me the rivers crossed, the mountains scaled
Show me who made you walk all the way here

“ในเพลงนี้ (Chosen Family) ฉันพยายามที่จะจินตนาการถึงพื้นที่จริงๆ ขึ้นมา จินตนาการถึงทิวทัศน์ที่สวยงาม เพื่อบอกเล่ามันผ่านเรื่องราวของบทเพลง ฉันจินตนาการถึงกระท่อมที่โดดเดี่ยวหลังนี้ในหุบเขา มันเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัย รายล้อมไปด้วยธรรมชาติและแม่น้ำ มีสายลมที่อ่อนโยน กับม้าที่ควบมาแต่ไกล ผู้คนต่างเดินทางมาจากสถานที่และเส้นทางที่แตกต่างกัน เพื่อมายังสถานที่ปลอดภัยแห่งนี้ สถานที่ที่ในที่สุด พวกเขาก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางคนอื่นๆ ที่เคยผ่านประสบการณ์คล้ายๆ กันกับพวกเขา”

“Chosen Family เป็นแนวคิดสำหรับเควียร์มาอย่างยาวนานแล้ว” รินะบอกกับ Pitchfork “ฉันรู้จักคนที่ถูกไล่ออกจากบ้านเพราะว่าพวกเขาคัมเอาท์ แล้วเพลงนี้ก็เกี่ยวกับการยอมรับซึ่งกันและกัน ยอมรับในสิ่งที่พวกเขาเป็น”

Rina Sawayama, Elton John - Chosen Family (Performance Lyric Video)

“ความจริงก็คือ มันเยี่ยมมากๆ ที่ฉันสามารถบอกว่าตัวเองเป็นเควียร์ได้ แต่ในความเป็นจริงก็ยังเต็มไปด้วยความละอายใจอยู่มากมาย จากพ่อแม่หรือจากประสบการณ์ที่ผ่านมา” เธอเล่าให้ฟังว่าเหตุการณ์เหล่านั้นมันมีทั้งช่วงเวลาที่เธอจูบกับผู้หญิง แล้วโดนแม่ลากออกไป แล้วก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องนั้น พอเธอบอกว่าจะไปเดทกับผู้หญิง แม่ก็ถามกลับว่า ‘แล้วบอกฉันทำไม’ แต่ถ้าเกิดเธอไปเดทกับผู้ชาย แม่ก็จะบอกว่า ‘เยี่ยมมาก เขาเป็นยังไงบ้างล่ะ’

นอกจากนี้แล้ว Rina Sawayama ก็ยังพูดถึงประสบการณ์ biphobia ที่แตกต่างจาก homophobia และการถูกเลือกปฏิบัติในรูปแบบอื่นๆ และมันส่งผลให้เกิดความรุนแรงทางด้านกายภาพ และบางครั้งศัตรูที่เลวร้ายที่สุดของคุณก็คือตัวคุณเอง “ความจริงสำหรับฉันนะ ฉันปล่อยซิงเกิลนี้ (Cherry) และมันก็กังวลมากๆ ด้วย” เธอเสริมต่อด้วยว่า “ความเป็น biphobia ในตัวฉันมันมีอยู่จริงนะ ฉันชอบถามตัวเองว่าแบบ ทำไมถึงทำแบบนี้ ไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องทำเลยนี่นา … มันเหมือนแบบ ไม่สิ ฉันต้องเอาเรื่องพวกนี้ออกไป ฉันแค่ต้องออกไปจากที่นั่นแล้วก็ไม่ต้องกังวลอะไร เพราะคนพวกนี้จำนวนมากจำเป็นต้องผ่านความรู้สึกเหล่านี้ไป”

เธอก็ยังพูดถึงความเป็นเอเชีย โดยเฉพาะชาวเอเชียที่เป็นเควียร์ในวงการเพลง “เราต้องปกป้องพื้นที่ของเรา แม้กระทั่งใครที่เราตัดสินใจที่จะลงชื่อไปด้วย ที่เราตัดสินใจที่จะปล่อยผ่านมันไปหรือใครที่เราตัดสินใจจะทำงานด้วย มันเป็นสิ่งสำคัญมากๆ สำหรับเรา เพราะในฐานะชาวเอเชียที่เป็นเควียร์ มันมีจำนวนไม่มากและเราต้องการที่จะทำให้มันถูกต้อง”

“ฉันคิดว่ามันเป็นไปได้ที่ฉันจะทำให้โลกใบนี้เควียร์ขึ้นด้วยเพลงป๊อปพวกนี้” เธอบอกต่อด้วยว่า “ทั้ง Troye Sivan และ Hayley Kiyoko และเหล่านักดนตรีที่น่าทึ่งเหล่านี้ทั้งหมดด้วย ฉันคิดว่ามันเป็นพลังร่วมกันที่จะแทรกซึมเข้าไปในกระแสหลักด้วยความเควียร์ แทนที่จะถูกฝังอยู่ใต้ดินลึก”

Rina Sawayama - Cherry (Official Audio)

การเริ่มเข้าสู่วงการภาพยนตร์

ในช่วงเวลาที่อาชีพดนตรีของเธอกำลังไต่ขึ้นอย่างรวดเร็ว รินะ ซาวายามะ ก็ยังคงมองหาพื้นที่อื่นอยู่เสมอ เธอส่ง self-tape ไปหลายที่มากๆ แต่ก็ยังไม่มีใครเรียกเธอไป จนพระทั่งเธอได้รับสายโทรศัพท์จาก Chad Stahelski ผู้กำกับ John Wick เนื่องจากเขากำลังมองหาคนมารับบท อาคิระ ลูกสาวของ ชิมาซุ ที่รับบทโดย Hiroyuki Sanada ใน John Wick ภาคสี่ นั่นเอง หลังจากที่ผู้กำกับเห็นคลิปของรินะ เขาก็เปิดหาเอ็มวีของรินะทันที “มันเป็นคลิปเร็วๆ ของรินะ แล้วเห็นเธอสวมวิกสีส้มแบบนี้” Chad Stahelski “ผมจำได้ว่า ‘นี่แหละ เป็นลุคที่น่าสนใจ’ แล้วผมก็เสิร์ชหาเธอในวิดีโอทั้งหมดที่เธอทำ เธอมีลุคที่แตกต่างกันมากๆ เธอมีสไตล์ที่ผมคิดว่า นี่แหละ เหมาะกับโลกของจอห์น วิค”

หลังจากที่ผู้กำกับเห็นเธอและรักในความกระตือรือร้นของเธอต่อโปรเจ็กต์นี้ ก็ทำให้เธอได้รับเลือกเข้ามาสู่จักรวาลจอห์น วิค และฝึกซ้อมเพื่อทำการเตรียมตัวถ่ายทำในภาพยนตร์เรื่องนี้ที่เบอร์ลินถึงสองเดือนครึ่งด้วยกัน “ฉันไม่เคยฝึกหนักขนาดนี้มาก่อน มันทำให้ฉันก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเอง ฉันประทับใจมาก แม้มันจะลำบากแบบเลือดตาแทบกระเด็น” เธอกล่าว “การฝึกมันทรมานร่างมาก ฉันคัลเจอร์ช็อกไปเลย เพราะมันต่างกับการฝึกเต้นสำหรับคอนเสิร์ตหรือมิวสิกวิดีโออย่างสิ้นเชิง แถมเรื่องนี้ถ่ายกันแต่กลางคืน การฝึกให้สมองตื่นตัวในเวลาที่ควรจะนอนจึงเป็นเรื่องจำเป็น มันเป็นประสบการณ์ที่ฉันไม่เคยเจอมาก่อน”

มาร่วมติดตามเพื่อพิสูจน์ความสามารถในเส้นทางแจ้งเกิดเส้นใหม่ของ “รินะ ซาวายามะ” กับบทบาท “อาคิระ” นักฆ่าสาวชาวญี่ปุ่นผู้มาพร้อมกับธนูพิฆาต ที่จะมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความเดือดระห่ำกับ John Wick: Chapter 4 ครั้งนี้ 22 มีนาคมนี้ ทุกโรงภาพยนตร์

John Wick: Chapter 4 จอห์น วิค แรงกว่านรก 4 - Official Final Trailer [ ตัวอย่างซับไทย ]

Sources:

  • https://genius.com/19631236
  • https://pitchfork.com/features/rising/rina-sawayama-debut-album-interview/
  • https://www.mtv.com/news/z8xof7/rina-sawayama-chosen-family-queer-anthem
  • https://www.nme.com/features/music-interviews/rina-sawayama-stfu-interview-2577378
  • https://www.thelineofbestfit.com/features/longread/how-rina-became-sawayama-interview
  • https://www.theringer.com/music/2022/9/16/23355592/rina-sawayama-hold-the-girl-interview-new-album-john-wick
  • https://www.vice.com/en/article/zmkgyx/rina-sawayama-comes-out-pansexual-interview
Previous

Sparks ปล่อยอัลบั้มใหม่พร้อม MV ที่นำแสดงโดย Cate Blanchett จากอัลบั้มลำดับที่ 26

Stranger Things season 5 เริ่มถ่ายทำเดือนมกราคม 2024

Next