“โจแอล คินนาแมน” ถือเป็นหนึ่งในนักแสดงหนุ่มมากความสามารถที่เป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดของฮอลลีวูดในยุคปัจจุบัน หลังจากที่เขาฝากงานแสดงอันน่าทึ่งมาแล้วในบท “ริกแฟล็ก” ในหนังบล็อกบัสเตอร์ชื่อดังอย่าง “Suicide Squad” (2016) ที่ทำรายได้ทะลุบ็อกซ์ออฟฟิศและกวาดรายได้ถล่มทลายทั่วโลก รวมถึงบทบาท “อเล็กซ์ เมอร์ฟี” จากภาพยนตร์แอ็กชันอย่าง “RoboCop” (2014) นอกจากนี้ยังมีผลงานสร้างชื่ออีกมากมายอาทิ “The Girl with the Dragon Tattoo” (2011), “Child 44” (2015)
ล่าสุด กับอีกหนึ่งบทบาทสุดท้าทายในชีวิตการแสดงของคินนาแมน เมื่อเขาต้องรับบทเป็น “แฟรงก์ ชอว์” ยอดนักสืบผู้สูญเสียการได้ยินที่พร้อมทำทุกวิถีทางเพื่อความยุติธรรมในภาพยนตร์แอ็กชันทริลเลอร์สุดเดือดแห่งปี “The Silent Hour เงียบระห่ำ ลั่นนรก”
ทำไมถึงตัดสินใจรับบทนี้
ผมสนใจโครงเรื่องที่เรียบง่ายและความเข้มข้นของบทหนัง โดยเฉพาะการเดินทางของตัวละคร “แฟรงก์ ชอว์” เขาเป็นคนมั่นใจ เป็นอัลฟาตัวพ่อ เขากำลังอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ที่สุดของอาชีพการงาน แต่แล้วกลับประสบอุบัติเหตุที่ทำให้เขาเริ่มสูญเสียการได้ยินซึ่งมันเปลี่ยนโลกของเขาไปโดยสิ้นเชิง ทั้งความมั่นใจในตนเองและการใช้ชีวิต มันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการปรับตัวตามสถานการณ์ รับมือกับความจริงที่เขาต้องทำใจยอมรับว่า “ชีวิตไม่ได้จบสิ้นแค่เพราะเราสูญเสียการได้ยิน”
การเตรียมตัวเพื่อมารับบท “แฟรงก์ ชอว์”
เพื่อให้เข้าถึงบทบาท ก่อนเปิดกล้องถ่ายทำผมได้ไปเรียนและฝึกฝนภาษามือกับ “แอนเซลโม เดอซูซา” ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษามือนานถึง 3 เดือน เพื่อให้การแสดงออกมาสมจริง นอกจากนี้ผมยังได้รู้จักโลกและสังคมของผู้ที่สูญเสียการได้ยินจากแอนเซลโมเพื่อให้เข้าใจประสบการณ์ให้มากขึ้นอีกด้วย ซึ่งช่วยให้ผมกับ “แซนดรา เม แฟรงก์” สามารถสื่อสารกันได้ดีโดยไม่ต้องมีล่าม นี่เป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่าจริงๆ ยิ่งกว่าที่ผมคาดไว้ นั่นคือสิ่งที่คุณต้องการให้ภาพยนตร์เป็น มอบอะไรให้คุณกลับไป สิ่งที่จะติดตัวไปตลอดชีวิต
การร่วมงานกับผู้กำกับ “แบรด แอนเดอร์สัน”
ผมเคยร่วมงานกับ “แบรด” มาแล้วเมื่อสิบกว่าปีก่อนในซีรีส์ “The Killing” (2011-2012) ซึ่งเป็นผลงานชิ้นแรกของผมในอเมริกา และเป็นประสบการณ์การทำงานที่ผมจำไม่ลืมถึงทุกวันนี้ สำหรับการร่วมงาน “The Silent Hour” ผมยังคงชื่นชมในความใส่ใจในรายละเอียดของเขาเหมือนเดิม เพราะหนังเรื่องนี้มาจากการปะติดปะต่อสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เชื่อมโยงเข้าด้วยกัน เห็นได้ชัดว่าแบรดรู้ว่าเขาต้องการอะไร
การทำงานร่วมกับ “แซนดรา เม แฟรงก์”
ผมกับ “แซนดรา” คุยกันรู้เรื่องจริงๆ โดยไม่ต้องมีล่าม ตอนที่เตรียมเข้าฉากบนดาดฟ้า ตึก หรือบันได ถ้าเกิดมีบางรายละเอียดที่ต้องเปลี่ยนเฉพาะหน้า การใช้ภาษามือช่วยได้มากจริงๆ เพราะผมสามารถถ่ายทอดข้อความไปให้เธอได้ ตอนที่เราถ่ายทำไปได้ครึ่งเรื่องผมบังเอิญเจอเธอบนถนนในโตรอนโต เราก็สามารถพูดคุยสนทนากันได้เข้าใจได้โดยไม่ต้องมีล่าม ไม่ใช่แค่ถามทาง แต่คุยกันถึงเรื่องที่ลึกกว่านั้นได้อย่างสบาย
สำหรับฉากแอ็กชันในเรื่องคุณมีการฝึกซ้อมอะไรบ้าง
ผมฝึกฝนศิลปะการต่อสู้เพื่อฟิตร่างกายให้พร้อมอยู่เสมอ ทั้ง “บราซิลเลียนยิวยิตสู” และ “มวยไทย” แม้ผมจะผ่านงานแสดงหนังแอ็กชันมาแล้วมากมาย แต่เพื่อให้เดือดสมจริงผมทุ่มเทจนมีโอกาสได้นำทักษะยิวยิตสูของผมมาใช้ ผ่านท่าซับมิชชันแบบใหม่ที่ปรากฏในเรื่องชื่อท่า “Buggy Choke” จับคนรัด ท่านี้มันสนุกมาก ซึ่งผมทำท่านี้ขึ้นจอภาพยนตร์ครั้งแรกในหนังเรื่องนี้แหละ
ภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าเรื่องราวของนักสืบยอดฝีมือประจำกรมตำรวจบอสตันที่ต้องกลายเป็นผู้สูญเสียการได้ยินอย่างถาวรหลังจากประสบอุบัติเหตุครั้งใหญ่ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เขาเข้าไปพัวพันกับคดีฆาตกรรมโดยต้องปกป้องพยานหูหนวกคนสำคัญ แต่แล้วเหตุการณ์กลับพลิกผันทำให้เขาและเธอต้องหนีการไล่ล่าของแก๊งอาชญากรในซากอาคารปิดตาย เมื่อไร้การได้ยิน ทางเดียวที่จะรอดคือต้องงัดทุกทักษะที่มีออกมาสู้และซัดให้เงียบ เพื่อปกป้องชีวิตของทั้งคู่ให้พ้นจากวิกฤติเดือดระอุครั้งนี้
เตรียมปลุกทุกสัญชาตญาณการต่อสู้และมันส์ไปกับภาพยนตร์แอ็กชันทริลเลอร์โคตรลุ้นระทึก