อีกเพียงไม่กี่วันที่ผู้ชมชาวไทยจะได้รับชมภาพยนตร์ที่เป็นดั่งของขวัญชิ้นสำคัญในช่วงเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปีกับ “Here ที่นี่ นิรันดร” ผลงานล่าสุดของ 2 นักแสดงแถวหน้าของฮอลลีวูด “ทอม แฮงค์ส” และ “โรบิน ไรต์” ร่วมด้วยทีมงานและผู้กำกับรุ่นเก๋ามากฝีมือ “โรเบิร์ต เซเม็กคิส” ที่เคยสร้างความประทับใจไม่มีวันลืมและส่ง “Forrest Gump” (1994) ให้กลายเป็นภาพยนตร์ในหัวใจของคนทั้งโลก โดยการรียูเนียนในรอบ 30 ปีนี้การันตีได้เลยว่าผู้ชมจะไม่ผิดหวัง เพราะนี่คือครั้งแรกในโลกภาพยนตร์ที่จะมีหนังที่เล่าเรื่องราวการเดินทางผ่านเวลากว่าพันล้านปี การผลัดเปลี่ยนยุคสมัย การหมุนเวียนแห่งฤดูกาล และมหากาพย์หลากหลายเรื่องราวชีวิตภายในพื้นที่เดียว ผ่านมุมกล้องมุมเดียว ตั้งแต่เฟรมแรกจนถึงเฟรมสุดท้ายของหนังโดยที่กล้องไม่ขยับเลย!
ผลงานที่ผ่านมาของผู้กำกับ “โรเบิร์ต เซเม็กคิส” มักโดดเด่นด้วยวิธีการเล่าเรื่องที่ออกนอกกรอบภาพยนตร์แบบเดิม ๆ ผ่านการใช้เทคนิคพิเศษใหม่ ๆ อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น“Cast Away” (2000) “Forrest Gump” (1994) และ “Back to the Future” (1985-1990) แต่แท้จริงแล้วเหตุผลที่ทำให้เขาตัดสินใจถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยการตั้งกล้องมุมเดียวนั้นไม่ได้มีแรงจูงใจจากความท้าทายทางเทคนิคเลย แต่สิ่งที่ดึงดูดเขาคือตัวละครและเรื่องราวชีวิตที่เกิดขึ้นภายในพื้นที่เดิม ๆ มากกว่า
ผลงานที่ผ่านมาของคุณล้วนท้าทายขีดจำกัดของการเล่าเรื่องมาตลอด อะไรทำให้ตัดสินใจทำด้วยมุมกล้องมุมเดียวตลอดเรื่อง
ผมต้องการคารวะวิธีเล่าเรื่องสุดสร้างสรรค์ในนิยายภาพต้นฉบับโดย “ริชาร์ด แม็กไกวร์” ซึ่งน่าทึ่งมาก เพราะมันเล่าจากมุมมองเดียว โดยที่โลกรอบข้างเปลี่ยนแปลงไป เขาถ่ายทอดมันออกมาเป็นภาพโดยกรอบภาพสีต่าง ๆ วางทับซ้อนในมุมมองเดียว เพื่อแสดงช่วงเวลาที่ผ่านพ้น กรอบใหญ่บ้างเล็กบ้าง และบางครั้งก็ทับซ้อนกันเมื่อเวลาเปลี่ยนแปลงไป ในการเปลี่ยนมันให้เป็นภาพเคลื่อนไหว เรานำเอกลักษณ์เดียวกันนี้มาใช้เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวที่ข้ามกาลเวลา
แรงบันดาลใจในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้มาจากไหน
มันเริ่มจากประสบการณ์ส่วนตัว ผมเคยอาศัยในบ้านเก่าอายุร้อยปี ทุกครั้งที่มองกำแพงหิน ผมอดสงสัยไม่ได้ว่ามีกี่ชีวิตที่เคยนั่งตรงที่ผมนั่งอยู่ กี่เรื่องราว กี่ความทรงจำที่เคยเกิดขึ้นในพื้นที่เดียวกันนี้ ผมจินตนาการถึงผู้คนที่เคยอยู่ที่นี่ตื่นเต้นกับการใช้ชีวิต เผชิญกับความกลัว ความสุข ความเศร้า ความเจ็บป่วย ครบทุกรสชาติ
อะไรคือความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้
เมื่อคุณตัดสินใจใช้มุมกล้องเดียวตลอดทั้งเรื่อง ทุกฝ่ายต้องปรับวิธีการทำงานให้สนับสนุนกันเสมอ ฝ่ายศิลป์ที่ต้องจัดวางทุกอย่างให้สมจริงกับยุคสมัย ทีมถ่ายทำที่ต้องควบคุมแสงและเงาให้สอดคล้องกับทุกช่วงเวลาของวัน มันอลหม่านไม่เบา
ภาพยนตร์เรื่องนี้ต่างจากภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ ที่เคยทำอย่างไร
ผมไม่ชอบทำอะไรซ้ำซาก ตลอดชีวิตการทำงานผมทำหนังภาคต่อมาแค่สองเรื่อง สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้มันเป็นการรวมทุกสิ่งที่ผมเคยทำมา ทั้งการใช้เทคโนโลยี การเล่าเรื่อง เป็นงานที่ต้องใช้ประสบการณ์การการทำหนังทั้งชีวิตเพื่อหาคำตอบว่าจะเล่าเรื่องราวครั้งนี้ออกมายังไง