เมื่อปี 2017 ภาพยนตร์เรื่อง “Wonder ชีวิตมหัศจรรย์วันเดอร์” ได้สร้างความประทับใจให้กับคนทั้งโลกมาแล้วกับเรื่องราวของเด็กชายตัวน้อยผู้เกิดมามีความผิดปกติบนใบหน้าแต่กำเนิด และเมื่อต้องก้าวเข้าสู่รั้วโรงเรียนครั้งแรก นั่นทำให้เขาต้องพบเจอกับช่วงเวลาที่มืดหม่น สายตาที่รังเกียจว่าเขาเป็นตัวประหลาด เพื่อนที่คอยกลั่นแกล้งให้เจ็บช้ำ แต่ด้วยกำลังใจที่ยิ่งใหญ่จากครอบครัวและผู้คนรอบข้างที่ไม่ตัดสินกันแต่รูปลักษณ์ภายนอก เสริมสร้างให้เด็กชายเกิดพลังแห่งความกล้าหาญและความหวังในการเข้าสังคมและใช้ชีวิตต่อ ไป กลายเป็นเรื่องที่จุดประกายความอัศจรรย์ใจและปลอบประโลมทุกหัวใจผู้ชมทั่วโลก
และในปีนี้ ความมหัศจรรย์ใจจะถูกขยายจักรวาลและสานต่อให้ผู้ชมได้ประทับใจกันอีกครั้งกับภาพยนตร์ฮีลใจแห่งปี “White Bird ไวต์เบิร์ด หัวใจมหัศจรรย์” โดยล่าสุด “มงคลเมเจอร์” พร้อมคอนเฟิร์มวันเข้าฉายให้ปักหมุดรอชมกันได้เลย
โดยคนที่จะมาสานต่อความประทับใจ พร้อมพาผู้ชมไปพบกับความมหัศจรรย์ของชีวิตในครั้งนี้คือ มาร์ก ฟอร์สเตอร์ ผู้กำกับมากฝีมือที่มีประสบการณ์การสร้างหนังมาแล้วมากมายหลายแนวไม่ว่าจะเป็นหนังซอมบี้ฟอร์มยักษ์ที่ครองใจผู้ชมทั่วโลก World War Z, หนังสุดยอดสายลับจากแฟรนไชส์ระดับโลก Quantum of Solace, หนังดราม่าระทึกขวัญ Stay แต่หากกล่าวถึงหนังกู้ดสร้างพลังบวก ฟอร์สเตอร์ ถือได้ว่าสร้างผลงานที่เป็นที่จดจำได้ไม่น้อยหน้า ไม่ว่าจะเป็นหนังมิตรภาพอบอุ่นใจ Christopher Robin หนังดราม่าสร้างแรงบันดาลใจที่เข้าชิงออสการ์ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมอย่าง Finding Neverland รวมทั้งหนังฮีลใจดัดแปลงจากนิยายขายดี A Man Called Otto
“White Bird” สร้างจากหนังสือนิยายชื่อเดียวกันโดย “อาร์.เจ. ปาลาซิโอ” ผู้เขียน “Wonder” วรรณกรรมเยาวชนระดับเบสต์เซลเลอร์ บอกเล่าเรื่องราวของ “จูเลียน อัลบานส์” (ไบรซ์ ไกซาร์) ตัวละครจาก “Wonder” หนุ่มน้อยตัวแสบที่เคยเป็นหัวโจกกลั่นแกล้งอ๊อกกี้จนทำให้ตัวเองถูกไล่ออก ได้ใช้เวลากับ “คุณย่า” (เฮเลน มีร์เรน) ที่เดินทางมาจากปารีส ทั้งสองได้ใช้เวลาร่วมกัน และได้ฟังเรื่องราวของคุณย่าเมื่อครั้งยังเป็นเด็กหญิงชาวยิวที่อาศัยอยู่ในประเทศฝรั่งเศส ระหว่างที่ถูกรุกรานโดยกองทัพนาซี ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เธอได้พบกับเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ทำให้ตัวเธอได้เรียนรู้ถึงความหมายอันแท้จริงของคำว่า “กล้าหาญ” เรื่องเล่าและประสบการณ์ล้ำค่านี้ จะเปลี่ยนมุมมองชีวิตของจูเลียนไปตลอดกาล
ทอดด์ ลีเบอร์แมน โปรดิวเซอร์ของภาพยนตร์กล่าวถึงการได้มาร์ก ฟอร์สเตอร์มานั่งแท่นกำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ไว้ว่า “เมื่อเราสร้างภาพยนตร์ที่ว่าด้วยความเมตตาและการมองเห็นคุณค่าของคนรอบข้าง เราเลยต้องมีคนอย่างมาร์กเพื่อเป็นตัวอย่างให้ทุกคน” เช่นเดียวกันกับ เรเน่ โวล์ฟ โปรดิวเซอร์อีกหนึ่งคนของภาพยนตร์เรื่องนี้ที่มั่นใจมากว่า มาร์ก ฟอร์สเตอร์ คือผู้กำกับที่เหมาะสมในการกำกับเรื่องนี้ เพราะเขาเชื่อมั่นในพลังบวกที่ มาร์ก ฟอร์สเตอร์ มี โดยเรเน่ โวล์ฟ เผยว่า “เขาเป็นคนสุขุม แต่เขาก็คอยสังเกตและรับฟังอยู่เสมอ และวิธีที่เขาเปลี่ยนสิ่งนั้นให้กลายเป็นภาพเคลื่อนไหว เปิดพื้นที่ให้ช่วงเวลาต้องมนต์ของเรื่องได้ทำหน้าที่ของมัน ทั้งหมดนั้นเป็นคุณสมบัติที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องมี ซึ่ง มาร์ก ฟอร์สเตอร์ ได้ขยายความถึงเหตุผลที่เขาเลือกกำกับภาพยนตร์ว่า “เรามักเลือกเรื่องราวที่สามารถมอบพลังบวกให้โลกซึ่ง Wonder คือตัวอย่างที่ดี”