จบกันไปแล้วกับเทศกาลดนตรี Summer Sonic Bangkok 2024 ครั้งแรกในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 24-25 สิงหาคม 2567 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี แม้ว่าจะเป็นงานที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนจากหลายปัจจัยรอบด้านที่ทำเอาแฟนเพลงลุ้นกันวันต่อวัน แต่ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าแฟนชาวไทยได้สัมผัสกับประสบการณ์ดนตรีนานาชาติจากศิลปินชั้นนำที่มาร่วมแสดงในเวทีหลัก Mega Stage
โดยเฉพาะอย่างยิ่งศิลปินหญิงจากนอร์เวย์อย่าง ออโรร่า (AURORA) ที่ได้กลับมาเปล่งประกายที่ประเทศไทยอีกครั้งในรอบปี หลังจากคอนเสิร์ตเดี่ยวของเธอในไทยครั้งแรกเมื่อ 23 กุมภาพันธ์ 2023
The Noize Team อยากพาทุกคนร่วมสัมผัสความมหัศจรรย์ของออโรร่าผ่านการแสดงอันทรงพลังของเธอกันอีกครั้ง
ช่วงเวลาแห่งความอัศจรรย์เริ่มต้นขึ้นด้วย VCR เปิดตัวดวงอาทิตย์น้อยออโรร่าที่กำลังทอแสง แต่เมื่อเธอรู้สึกได้ถึงการถูกจับจ้องจากทุกคนในฮอลล์ ตามด้วยเสียงกระซิบกระซาบจากทุกทิศทางก็ดังขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งเธอเปล่งเสียงกู่ก้องออกมาต้อนรับบรรดา Warriors and Weirdos ชาวไทย
ไม่กี่อึดใจต่อมา ดนตรีจากเพลง Some Type Of Skin ก็เริ่มบรรเลง ซึ่งบทเพลงจากอัลบั้มล่าสุด What Happened to the Heart? ที่ปล่อยออกมาให้ฟังเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2024 แสดงให้เห็นถึงธรรมชาติของมนุษย์ที่ใฝ่หาสันติภาพ อันเป็นสิ่งพื้นฐานในการดำรงชีวิตและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ไม่ว่าคนๆ นั้นจะมีศาสนา สีผิว ชาติกำเนิด สภาพร่างกายหรืออัตลักษณ์ทางเพศแบบใดก็ตาม
เสียงฮัมคลอไปกับท่วงนำนองของ The Forbidden Fruits Of Eden ค่อยๆนำพาทุกคนเข้าสู่เพลง Heathens สะกดสายตาด้วยท่าทางร่ายรำที่แสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณอันเป็นอิสระ สะท้อนเป็นภาพเงาดำลึกลับ ชวนพิศวง เมื่อแสงสีบนเวทีก็ถูกย้อมเป็นสีแดงเข้ากับชุดที่เธอใส่ในวันนั้น
ทั้งเสียงร้องของเธอที่สอดประสานกับนักร้องคอรัส รวมถึงดนตรีสด ช่วยเนรมิตการแสดงบนเวทีให้เต็มอิ่มกว่าเดิม โดยออโรร่าหยิบยกเพลงจากอัลบั้มใหม่มาแสดงอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น A Soul With No King ผสมผสานเครื่องดนตรีหลากหลายชิ้นทำให้เพลงมีมิติยิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ตัวเธอได้ไปอวดฝีไม้ลายมือเล่นคีย์บอร์ดไฟฟ้าร่วมกับนักดนตรีคนอื่นๆ
ตามด้วย When The Dark Dresses Lightly ซึ่งกล่าวถึงความขัดแย้งตรงหน้าที่กำลังเกิดขึ้นในทุกขณะ แต่คนส่วนใหญ่เลือกที่จะเพิกเฉย หรือเลวร้ายกว่านั้น คือใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา แทนที่จะหาทางออกร่วมกัน ซึ่งจะช่วยนำไปสู่ความสงบสุขทางกายและทางใจของทุกฝ่าย
นอกจากเสียงเล็กแหลมที่พูดประโยคภาษาไทยง่ายๆ อย่าง “ขอบคุณค่ะ” หลังจบการแสดงแต่ละเพลง ทำเอาแฟนไทยอดไม่ได้ที่จะอมยิ้มด้วยความเอ็นดู ออโรร่ายังได้ทักทายผู้ชมด้วยน้ำเสียงสดใสในช่วงพูดคุยระหว่างเพลง บอกเล่าความประทับใจที่ได้กลับมาแสดงที่ประเทศไทยอีกครั้ง รวมถึงอาหารไทยแสนอร่อยที่เธอได้ลิ้มลอง แม้ว่ารสชาติจะเผ็ดร้อนจนเหมือนจะเอาชีวิตไม่รอดจากความร้อนแรงอันยากจะห้ามใจนั้นก็ตาม
การแสดงดำเนินต่อไปจนถึงเพลง Runaway อันสุดจะท่วมท้นไปด้วยความโหยหาบ้านที่จากมาของจิตวิญญาณที่เสาะแสวงหาตำแหน่งแห่งที่ของตัวเองบนโลกใบนี้ ก่อนจะกลับเข้ามาสนุกอีกครั้งกับผลงานจากอัลบั้มใหม่ Stravation จังหวะเพลงดุดันที่มีเนื้อหาเรียกร้องให้ยุติความรุนแรงทุกรูปแบบ โดยเฉพาะสงคราม เพราะในสังคมที่ขาดความเชื่อมโยงถึงกันของผู้คน ซึ่งอาจหมายรวมถึงความท้าทายของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทำให้ความรักและความเห็นอกเห็นใจต่อเพื่อนมนุษย์ลดถอยลงจนเหือดแห้ง
สิ่งหนึ่งที่น่าประทับใจนอกเหนือจากความบันเทิงที่ตรึงผู้ชมได้อยู่หมัดราวต้องมนต์และสารในเนื้อเพลงแต่ละเพลง ออโรร่ายังใช้พื้นที่บนเวทีเป็นเครื่องมือในการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับประเด็นทางสังคมต่างๆ อยู่เสมอ เช่นเดียวกับที่ประเทศไทย
ในช่วงสุดท้ายของการแสดง เธอได้พูดถึงวิกฤตสิ่งแวดล้อมจากสภาวะโลกเดือดที่ทวีความรุนแรงขึ้นทั่วโลก ออโรร่าเชิญชวนให้ทุกคนหันมาช่วยกันเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อปกป้องโลกที่เราอาศัยอยู่ ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหน เพราะพวกเรามีโลกเพียงใบเดียวให้รักษา ตามด้วยเพลง The Seed บทเพลงที่เชื่อมโยงถึงสภาพแวดล้อมที่ถูกทำลายเพราะความโลภอันไม่มีสิ้นสุดของมนุษย์ภายใต้ทุนนิยม
ยิ่งไปกว่านั้น ในประเด็นเรื่องความแตกต่างหลากหลายทางเพศ เธอมีส่วนช่วยสร้างพื้นที่ปลอดภัย ทั้งยังให้การสนับสนุนและต่อสู้เพื่อสิทธิของชุมชน LGBTQIAN+ มาโดยตลอด เพราะต้องการให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตเป็นตัวของตัวเองได้อย่างอิสระและโอบรับความแตกต่างของผู้อื่นด้วยความโอบอ้อมอารี
Cure For Me เป็นผลงานที่ได้แรงบันดาลใจจากเควียร์ ซึ่งยังคงยืนหยัดได้อย่างสง่างามเสมอท่ามกลางการกดขี่อย่างไม่เป็นธรรมและความเกลียดชังบนโลกที่ครอบงำด้วยระบบเพศแบบทวิลักษณ์ (Gender binary) โดยเฉพาะการออกข้อกฏหมายจากรัฐในหลายประเทศทั่วโลกที่ตั้งใจริดรอนสิทธิของคนกลุ่มนี้
หากแค่การแต่งเพลงเพื่อชุมชนผู้มีความหลากหลายทางเพศยังไม่ชัดเจนพอที่จะสร้างการรับรู้ ออโรร่าได้ออกวิ่งไปทั่วเวทีพร้อมกับธงไพร์ดที่โบกสะบัดอยู่ในมือ ระเบิดพลังที่พร้อมจะเปลี่ยนโลกไปพร้อมเสียงเพลง เรียกเสียงเชียร์จากแฟนๆ โดยเฉพาะเควียร์ รวมทั้ง The Noize Team เอง ดังกระหึ่มไปทั้งฮอลล์ เคล้าด้วยน้ำตาแห่งความตื้นตัน ปิดท้ายคอนเสิร์ตของเธอที่ Summer Sonic Bangkok 2024 ได้อย่างน่าภาคภูมิใจ
ตลอดระยะเวลาราว 30 นาทีของการแสดงที่ไม่อยากให้จบลง ซึ่งนับว่าสั้นมากเมื่อเทียบกับการขึ้นแสดงในเวทีเดียวกันที่ประเทศญี่ปุ่น มีอีกหลายเพลงที่ยังไม่มีโอกาสได้ฟังแบบสดๆ แต่เป็นอีกครั้งที่ออโรร่าได้ป่าวประกาศให้ก้องให้ทุกคนได้รู้ถึงจิตวิญญาณอิสระผ่านผลงานที่รังสรรค์ขึ้นมาด้วยความรักและความศรัทธาในความเป็นมนุษย์
จนกว่าจะได้เจอกันอีกครั้งในคอนเสิร์ตเดี่ยวที่ประเทศไทย
No, I don’t need a cure for me
AURORA ณ SUMMER SONIC Bangkok 2024
- Some Type of Skin
- Heathens
- A Soul with No King
- When The Dark Dresses Lightly
- Runaway
- The Seed
- Starvation
- Cure for Me