กว่าจะมาเป็นเรื่องราวสุดป่วน หนังแอคชั่นคอเมตี้ของ ริชาร์ต ลิงก์เลเตอร์ อย่าง HIT MAN ที่ศาสตราจารย์หนุ่มเฉิ่มกับกิจกรรมสุดแสนจะเบสิก กลับกลายมาเป็นนักฆ่ามือพระกาฬ รับบทโดย เกลน พาวเวลล์ ที่ทั้งริชาร์ตและเกลนก็ร่วมเขียนบทภาพยนตร์โดยดัดแปลงจากเรื่องจริงที่ถูกตีพิมพ์ในนิตยสาร Texas Monthly เมื่อปี 2001 เสริมทัพด้วย เอเดรีย อาร์โจนา วันนี้จึงอยากพาทุกคนไปเตรียมพร้อมกันให้ดี ว่ากว่าจะมาเป็นภาพยนตร์เรื่องนี้ ต้องผ่านอะไรกันมาบ้าง
ในช่วงที่โควิด-19 ระบาด ริชาร์ด ลิงก์เลเตอร์ ผู้กำกับภาพยนตร์ที่เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์จาก Boyhood และไตรภาค Before อย่าง Before Sunrise, Before Sunset, Before Midnight ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนและผู้ร่วมงานคนสนิท เกลน พาวเวลล์ ที่สร้างชื่อจากการแสดงนำในภาพยนตร์ Top Gun: Maverick, Devotion และ Hidden Figures พาวเวลล์ถามลิงก์เลเตอร์ว่าเคยอ่านเรื่อง “Hit Man ” หรือไม่ “ผมอ่านตั้งแต่ปี 2001 ตอนที่มันเพิ่งตีพิมพ์เลย” ลิงก์เลเตอร์ตอบ “สกิป ฮอลแลนด์สเวิร์ธ คนที่เขียนเรื่องนี้เป็นเพื่อนผมเอง ผมค่อนข้างหมกมุ่นกับมันเลย และตลอดหลายปีที่ผ่านมาผมยังคิดถึงมันอยู่ แต่ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่าจะทำมันออกมาเป็นหนังได้ยังไง เพราะตัวเรื่องดูไม่ไปไหนเลย”
พาวเวลล์ได้อ่านบทความในนิตยสาร Texas Monthly ที่เขียนโดยสกิป ฮอลแลนด์สเวิร์ธ เพราะ ไมเคิล คอสติแกน เป็นคนแนะนำให้เขาได้ลองอ่าน เขาก็ติดใจไม่แพ้ผู้กำกับ และเห็นตรงกันว่ามันมีตัวละครที่น่าสนใจ เมื่อคอสติแกนถามเขาว่าใครเหมาะมากำกับหนังเรื่องนี้ พาวเวลล์ตอบทันทีว่าต้องเป็น ริชาร์ด ลิงก์เลเตอร์ เท่านั้น พาวเวลล์กล่าว “ไม่มีใครเข้าใจธรรมชาติที่ซับซ้อนของมนุษย์ได้ดีเท่าเขา เขามีมุมมองที่ไม่เหมือนผู้กำกับคนไหนที่ผมเคยร่วมงานด้วยมาก่อน ผมเสนอหนังเรื่องนี้กับริกตั้งแต่ตอนที่โควิดเริ่มระบาดแรกๆ จากนั้นเราพยายามหาวิธีนำเสนอมันออกมาในรูปแบบภาพยนตร์”
พาวเวลล์เล่าว่า “มีบรรทัดหนึ่งช่วงท้ายบทความของแกรี จอห์นสัน ที่บอกว่าเขาได้พบผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งพยายามจะฆ่าสามีของตัวเอง แต่เขายังเห็นความเป็นมนุษในตัวเธอ เขามองคนตรงหน้าและและคิดว่า ‘เธอเป็นแค่เป็นเหยื่อของสถานการณ์ ฉันอยากช่วยให้เธอผ่านช่วงเวลานี้ไปได้’ คนที่ปลอมเป็นคนอื่นกลับพบสัจธรรมที่แท้จริงข้างใน ความสัมพันธ์ตรงนี้จึงกลายเป็นกุญแจสำคัญของภาพยนตร์ทั้งเรื่อง”
HIT MAN: ฉีกกรอบจำเจ
HIT MAN เป็นหนังที่ผสมหนังแนวต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ฟิล์มนัวร์, โรแมนติก, ระทึกขวัญ, จารกรรม, แอ็กชัน และคอมเมดี้ พาวเวลล์อธิบาย “ริกมีผลงานการันตีฝีมือมากมาย ทำหนังมาแล้วทุกรูปแบบ หนังเรื่องนี้เอาหนังทุกแนวและตัวละครทุกประเภทที่เขาเคยทำมากลั่นเป็นเรื่องเดียว มันไม่ใช่หนังที่ทำง่าย แต่เขาทำมันออกมาได้สมบูรณ์แบบโดยเหมือนไม่ต้องพยายามเลย”
เมื่ออ่านบทความจากนิตยสาร Texas Monthly ลิงก์เลเตอร์สงสัยเกี่ยวความสัมพันธ์หลักของเรื่องว่า “จะเกิดอะไรขึ้นหากผู้หญิงคนนั้นติดต่อกลับมาหาเขา เธออาจจะอยากขอบคุณเขาด้วยซ้ำ แล้วถ้าเธอชวนเขาไปเดต พัฒนาความสัมพันธ์จนถึงขนาดคบหากันจริงๆ ล่ะ? แต่เขากลับติดอยู่ในบทบาทนักฆ่าจอมปลอมนี้ ไม่ใช่ตัวตนจริงๆ ของเขา แต่ไม่เป็นไรเพราะเขาพบว่าการสวมรอยลักษณะนี้ทำให้ชีวิตของเขามีสีสันกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีเธอเข้ามาในชีวิต จู่ๆ มันก็กลายมาเป็นหนังตลกสลับร่างได้แนบเนียนจนคุณอาจไม่รู้ตัวเลยล่ะ”
พาวเวลล์ก็อดสงสัยไม่ได้ “เขาเล่นเนียนหรือเปล่า? เธอรู้จักเขาแค่ในฐานะนักฆ่าหรือเขาบอกความจริงกับเธอ? ช่างมันเถอะ เพราะสิ่งที่ทำให้เขาคนนี้น่าสนใจคือคนการที่เริ่มจากปลอมตัวเป็นนักฆ่าแต่กลับค้นพบตัวเอง นั่นคือสิ่งที่พวกเราตั้งใจถ่ายทอดออกมาในครั้งนี้”
ในส่วนของกระบวนการสร้างสรรค์ ลิงก์เลเตอร์กล่าว “เมื่อคุณมีเรื่องราวและตัวละครน่าสนใจ มันทำให้คุณหมกมุ่นจนโงหัวไม่ขึ้น รู้ตัวอีกทีมันเข้มข้นจนแตะเขตของฟิล์มนัวร์และหนังระทึกขวัญแล้ว มันสนุกดีที่ได้รู้ตัวว่ากำลังทำหนังประเภทใด เพราะเรารู้ดีว่าต้องการฉีกขนบเดิมๆ เติมรสชาติเฉพาะตัวของเราลงไป” แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังเต็มไปด้วยความฮา “มันมีมุขฮาแอบหยอดไว้ตลอดทั้งเรื่อง คุณเดาลูกล่อลูกชนไม่ออกแน่ มีความเป็นตลกร้าย มันเป็นเรื่องขำขันที่มีต้นตอมาจากฆาตกรรม ฟังดูน่าสนุกใช่ไหมล่ะ?”
ลิงก์เลเตอร์อธิบาย “ปกติแล้วหนังฟิล์มนัวร์เขย่าขวัญ ชะตากรรมของหนุ่มจืดมักจบลงในคุกไม่ก็ตาย เพราะเขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ แกรีก็เกือบเป็นแบบนั้น เขาพยายามหาคำตอบว่าเขาเกิดมาเพื่ออะไร ซึ่งเขาได้คำตอบนั้นผ่านการสวมรอยเป็นรอน จนได้พบกับเมดิสัน แต่เขาควรจะพบชะตากรรมแบบหนุ่มจืดทั่วไปจริงๆ เหรอ?” เขากล่าวต่อ “มันว่าด้วยการกลายมาเป็นเวอร์ชันที่ดีที่สุดของตัวเอง แม้อาจจะมีรอยด่างพร้อยในอดีตมาบ้าง แต่เขากลายมาเป็นคนที่ดีกว่าเดิมก่อนจบเรื่อง ผมอยากให้คนดูเชียร์ให้เรื่องราวของแกรีและเมดิสันจบลงแบบแฮปปี้
เกลนเห็นด้วย “ท้ายที่สุดมันก็คือจินตนาการที่เราเติมแต่งลงไป คุณอยากให้ผู้ชมอินกับโลกจินตนาการนั้น เราสร้างหนังที่ไม่ได้มีแค่ความสนุก แต่ยังเซ็กซี่และน่าตื่นเต้น หนังเรื่องนี้มีครบทุกรสชาติ นี่เป็นหนังเรื่องแรกของลิงก์เลเตอร์ที่มีฉากเซ็กซ์ด้วย!”
