ชวนทำความรู้จักกับ อู๋คังเหริน เจ้าของรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม จากเวทีม้าทองคำ Abang Adik ล่าฝันเมืองเดือด ภาพยนตร์ดราม่าที่เตรียมมากระเทาะใจคุณ ที่จะเข้าฉายในวันที่ 16 พฤษภาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์ไทย วันนี้เรามีบทสัมภาษณ์ของอู๋คังเหริน มาฝากทุกคนกัน ถ้าพร้อมแล้ว ตามมาทำความรู้จักเขาไปพร้อมๆ กันเลย
อู๋คังเหริน ผู้รับบท อาบัง นักแสดงเจ้าบทบาทชาวไต้หวันวัย 41 ปี เกิดที่เมืองเกาสง เขาทำงานพิเศษพร้อมกับเรียนหนังสือมาตั้งแต่อายุ 14 ปี หลังจากเกณฑ์ทหาร เขาออกมาทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ จนเตะตาแมวมองชวนเขามาเข้าวงการบันเทิง เริ่มแรกอู๋คังเหรินรับงานเป็นนายแบบ หลังจากนั้นก็ผันตัวมาเป็นนักแสดง จนในปี 2012 ผลงานภาพยนตร์โทรทัศน์ชุด Emerging Light ก็ทำให้เขาโด่งดังถึงขั้นคว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเวที Asian Television Awards ล่าสุดนอกจากคว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในจากเวทีม้าทองคำแล้ว อู๋คังเหรินยังแสดงนำในภาพยนตร์ชุดทาง Netflix เรื่อง Copycat Killer
บทสัมภาษณ์อู๋คังเหริน (รับบท อาบัง)
Q: การเป็นผู้ชนะรางวัลม้าทองคำ ได้เปลี่ยนชีวิตคุณบ้างไหม
ไม่ได้เปลี่ยนมากมายขนาดนั้น การได้รางวัลเหมือนเป็นการยืนยันกับผมว่า ผมเลือกในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว แต่มันไม่ได้เปลี่ยนมุมมองที่ผมมีต่ออาชีพนักแสดงเลย สมมติว่าผมไม่ได้รางวัล ผมก็จะยังเป็นแบบเดิมคือการหาโปรเจกต์ใหม่ ๆ ที่ท้าทายตัวเองมากขึ้น
Q: คุณดูถนัดบทดราม่าใช่ไหม
ผมไม่ค่อยเอาผลงานที่ผมเคยทำไว้มาเป็นตัวกำหนดเท่าไหร่ ผมคิดว่าตั้งแต่ตัวเองอายุเข้าเลข 4 ผมพยายามจะไม่ยึดติดกับอดีตนัก เมื่อก่อนมีอะไรเสนอมาผมก็เล่นหมด แต่ตอนนี้ผมอาจจะต้องคิดบ้างเล็กน้อย อันที่จริงผมพร้อมเล่นอะไรใหม่ๆ เสมอนะ
Q: อะไรทำให้คุณชอบหลังจากอ่านบท Abang Adik
บทหนังเรื่องนี้ทำให้ผมคิดถึงตัวเอง ก่อนผมมาเป็นนักแสดง ผมผ่านงานมาหลากหลายมาก รวมถึงการเป็นกรรมกร แต่บอกตามตรงว่า การเป็นกรรมกรในไต้หวันไม่ได้แร้นแค้นขนาดนั้น ผมจำได้ว่าผมทำงานก่อสร้างครั้งแรกตอนอายุ 17 และได้ค่าจ้างวันละ 2,700 เหรียญไต้หวัน โอเคละ งานที่ผมทำต้องการทักษะพิเศษ และงานมันก็เสี่ยงเหมือนกัน แต่ค่าจ้างมันโอเคเลยนะ นั่นมันเมื่อ 20 กว่าปีก่อน
Q: แต่งานนี้มันเหนื่อยและทำให้คุณได้รับบาดเจ็บ
ทุกวันนี้ผมยังมีแผลเป็นที่เกิดจากการทำงานก่อสร้างอยู่
Q: คุณต้องเตรียมตัวอะไรบ้างเพื่อมาเล่นหนังเรื่องนี้
ผมดีใจมากตอนรู้ว่าได้เล่น ผมคิดว่าพวกเขาคงไม่เลือกผมหรอก พวกเขาหานักแสดงมาเลเซียมาเล่นน่าจะดีกว่า แต่สุดท้ายพวกเขาก็เลือกผม เราต้องถ่ายหนังที่เนื้อเรื่องเกิดขึ้นในมาเลเซีย ผมเลยต้องเรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับประเทศนี้ ทั้งประวัติศาสตร์และผู้คน มันเป็นเรื่องใหม่มาก ผมอ่านทุกอย่าง เพราะผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยจริงๆ เราต้องลงไปคลุกคลีพูดคุยกับชนชั้นแรงงาน คนไร้สัญชาติ ให้พวกเขาเปิดใจพูดคุยกับเรา ส่วนเวลาที่เหลือผมก็ต้องเรียนภาษามือ
Q: พอต้องมาอยู่มาเลเซียนานหลายเดือน คุณต้องปรับตัวยังไงบ้าง คุณได้กินอาหารมาเลย์บ้างไหม
ผมไม่ได้กินอาหารมาเลย์เลย เพราะผมต้องลดน้ำหนักให้เข้ากับบท ตอนหนังปิดกล้องแล้วนั่นแหละผมถึงได้ลองกินนาซิเลมัก แล้วมันอร่อยมาก ผมกินไปเยอะจนท้องเสีย ตั้ง 3 วันกว่าจะหาย