การเปิดตัว Bleachers ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างล้นหลาม โดย DIY ยกย่องอัลบั้มนี้ว่า “เป็นอัลบั้มที่น่าทึ่งมากๆ”, Rolling Stone “ความปีติยินดีทางจิตวิญญาณที่ผ่านความสมบูรณ์แบบบนสูตรดนตรีป๊อบ” และ NME ระบุว่าอัลบั้มนี้เป็น “ภาพแห่งชัยชนะที่เป็นพรสวรรค์ของ Jack Antonoff และความผูกพันทางดนตรีที่แน่นแฟ้นของวง”
ซาวด์ดนตรีในอัลบั้มที่สี่นั้นมีความลุ่มลึกมาก มันถูกจัดวางด้วยเทคนิคสีที่สดใสและเต็มไปด้วยจิตวิญญาณ อัลบั้มนี้เป็นเพลงแนวนิวเจอร์ซีย์ของนักร้องนำ Antonoff ที่นำเสนอความรู้สึกขัดแย้งที่แปลกประหลาดของชีวิตสมัยใหม่ มีทั้งเศร้า สนุกสนาน เป็นเพลงสามารถเปิดเปิดฟังขับรถไป ร้องไห้ไป หรือจะเต้นรำในงานแต่งงาน อัลบั้มนี้จึงมีเพลงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกมีอยู่ในยุคที่บ้าคลั่งนี้ แต่จงจำไว้ว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญสำหรับตัวคุณเองจริงๆ
ทางวง Bleachers เพิ่งประกาศรายละเอียดการทัวร์ ‘From The Studio To The Stage’ ในอเมริกา เดือนพฤษภาคมและมิถุนายนปีนี้ โดยได้รับการสนับสนุนจาก Samia รวมถึงเทศกาล Shadow Of The City ในตำนานซึ่งเป็นครั้งที่ 6 ของวงที่ได้ขึ้นแสดงที่นี่ นี่จะเป็นโอกาสแรกสำหรับแฟนเพลงที่จะได้เห็นวงเล่นเพลงในอัลบั้มใหม่ของพวกเขาที่ได้รับเสียงวิจารณ์ชื่นชมอย่างท้วมท้น
สำหรับอัลบั้มที่สี่ของพวกเขานั้นได้รับการขนานนามว่าเป็น “เพลงป็อปร็อคที่สะท้อนชีวิตและปลุกใจ” โดย New York Times ซึ่งมี Jack Antonoff นักร้อง นักแต่งเพลง นักดนตรี และโปรดิวเซอร์ผู้โด่งดังไปทั่วโลกและได้รับรางวัลแกรมมี่ถึง 11 ครั้ง วงได้เปิดตัวอัลบั้มแรก ‘Strange Desire’ ในปี 2014 และได้สร้างฐานแฟนเพลงจำนวนมาก รวมไปถึงการแสดงสดที่น่าประทับใจ ในอัลบั้มชุดที่ 3 ‘Take the Sadness Out of Saturday Night’ ได้พาพวกเขายกระดับขึ้นไปอีกขั้น โดยนำเสนอการแต่งเพลงที่ดื่มด่ำของ Antonoff และตามที่ Variety ได้เป็นอีกเสียงที่ยืนยันถึงทักษะที่โดดเด่นของเขาในการ “เปลี่ยนเรื่องราวส่วนตัวให้กลายเป็นเพลงป๊อปที่ยิ่งใหญ่”
นอกจากในบทบาทวงแล้ว ในฐานะนักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์ Jack Antonoff ในปี 2021 ยังได้รับการยกย่องจาก BBC ว่าเป็น “เพลงป๊อปนิยามใหม่” Antonoff ยังได้ร่วมงานทำเบื้องหลังเพลงให้กับศิลปินอย่าง Taylor Swift, Lana Del Rey, Diana Ross, Lorde , St. Vincent, Florence + The Machine, Kevin Abstract และอีกมากมาย ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2024 Jack Antonoff ได้รับรางวัล Producer of the Year (Non-Classical) ในงานประกาศผลรางวัลแกรมมี่ประจำปีครั้งที่ 66 เป็นปีที่สามติดต่อกัน ทำให้เขากลายเป็นโปรดิวเซอร์คนที่สองในประวัติศาสตร์ที่ชนะรางวัลสามปีติดต่อกัน!