Lost in Translation จากมิกซ์เทปดรีมป๊อป สู่เพลงประกอบภาพยนตร์

| | ,

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเพลงประกอบของ Lost in Translation คือหนึ่งในสิ่งที่ผู้คนสามารถจดจำได้อย่างยาวนาน แม้ว่าเวลาจะผ่านมากว่า 20 ปี แต่บทเพลงเหล่านี้ก็ยังคงติดตรึงอยู่ในใจเสมอ Sofia Coppola ผู้กำกับ ใช้เวลาไปกับการฟังมิกซ์เทปของ Brian Reitzell ผู้ดูแลด้านดนตรีให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้

“ฉันต้องการสร้างความรู้สึกที่ขาดการเชื่อมโยง” โซเฟีย คอปโปล่า บอกกับนิตยสาร The Los Angeles Times “การอยู่ในโลกที่ไม่คุ้นเคยและแปลกแยกแบบนี้” เธอเสริมต่อว่า “แต่การค้นพบบางอย่างที่เกี่ยวข้องที่นั่น ฉันอยากที่จะสร้างเรื่องราวที่มีอารมณ์หม่นๆ เศร้าๆ ให้กับการเล่าเรื่อง ฉันก็เลยขอให้ไบรอันช่วยมิกซ์เพลงให้ฟังในขณะที่ฉันเขียนบท”

ไบรอันเคยร่วมงานกับโซเฟียมาก่อนแล้วในภาพยนตร์เรื่อง The Virgin Suicides เขาบอกว่า “ผมเคยไปโตเกียวมาแล้ว และรู้ว่าโซเฟียหมายถึงอะไร สิ่งที่มันเกี่ยวกับความรู้สึกของเมือง ความรู้สึกของคุณในฐานะนักเดินทาง ความแปลกประหลาด ความล่องลอย ไปจนถึงความรู้สึกเจ็ตแล็ก ผมก็เลยทำมิกซ์เทปสามอันขึ้นมา เรียกว่า ‘Tokyo Dream Pop 1, 2 และ 3 ให้กับเธอ” ในมิกซ์เทปนั้น เต็มไปด้วยเพลงที่คัดสรรมาอย่างดี ตั้งแต่เพลงของ the Jesus & Mary Chain ถึงเพลงของ Brian Eno “โซเฟียฟังมิกซ์เทปพวกนี้ระหว่างที่เธอเขียนบท จากนั้นเราก็พาพวกเขาไปที่โตเกียวเพื่อสำรวจสถานที่จริง” Ross Katz โปรดิวเซอร์ของภาพยนตร์เรื่องนี้กล่าว

และเมื่อถึงเวลาถ่ายทำจริง Brian Reitzell ได้ลิขสิทธิ์เพลงหลายๆ เพลงจากมิกซ์เทปของเขาสำหรับนำมาใช้ในภาพยนตร์เรื่องนี้ รวมไปถึงเพลงจาก Squarepusher, Death in Vegas และเพลงสุดคลาสสิกของ the Jesus & Mary Chain อย่างเพลง ‘Just Like Honey’ ที่ใช้เป็นเพลงปิดภาพยนตร์

นอกจากนี้แล้ว Brian Reitzell ยังได้ผลงานเพลงของ Kevin Shields สมาชิกวง My Bloody Valentine มาร่วมงานด้วยกัน ซึ่งในภาพยนตร์ก็ได้นำเพลง Somtetimes ของ My Bloody Valentine มาใช้ประกอบด้วยเช่นกัน รวมไปถึงเพลงของ Kevin Shields เองก็อยู่ในภาพยนตร์นี้ถึงห้าเพลงด้วยกัน “ผมรู้ว่าเขาสามารถจับภาพความรู้สึกที่พริ้วไหว และสวยงามตามที่เราต้องการได้” ไบรอันบอก ทางฟากของเควินเองก็บอกด้วยว่า “เมื่อคุณสร้างผลงานเพลง ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะเหมือนกับสิ่งที่คุณเริ่มทำ แต่สำหรับภาพยนตร์แล้ว เขาเล่นกับแนวคิดต้นฉบับ แล้วแต่ละเทคก็แตกต่างกัน ให้นักแสดงด้นสดได้ มันเป็นการเปิดเผยให้เห็นถึงแนวคิด และมันน่าทึ่งมากๆ ที่ได้เห็นจากไอเดียต้นฉบับไปสู่ขั้นสุดท้ายได้ยังไง”

ในเพลง City Girl ของ Kevin Shields นั้น ไบรอันบอกว่า “พวกเราแค่พยายามจับภาพสิ่งที่โซเฟียพยายามจะสื่อออกมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้” ส่วนโซเฟียก็ได้บอกด้วยว่า “เขาถ่ายทอดสิ่งที่สวยงามด้วยดนตรีที่ฉันไม่สามารถสื่อมันออกมาได้ด้วยคำพูดและรูปภาพ เขาทำให้มันมหัศจรรย์ขึ้น”

เพลงของ Phoenix วงป๊อปร็อกของฝรั่งเศส ก็อยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน โซเฟียบอกว่า “ฉันชอบ Phoenix มาตลอดเลยนะ แต่ว่าพวกเขา (ชาวอเมริกันในตอนนั้น) ไม่เคยรู้จักจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ พวกเขาเป็นเพลงที่ฉันชอบและเคยฟัง” ซึ่งเพลง Too Young ของ Phoenix ก็อยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน “แค่เนื้อเพลงและความรู้สึกทั้งหมด ฉันชอบมันมากๆ” แล้ว Thomas Mars (นักร้องนำวง Phoenix) ก็เคยทำเพลง ‘Playground Love’ ที่ร่วมกับ Air และถูกนำไปใช้ในภาพยนตร์เรื่อง the Virgin Suicides ด้วย “พวกเขาขึ้นโชว์ที่งาน Sundance ด้วยนะ เราก็เลยพบกันเมื่อนานมาแล้ว แต่เขาอาศัยอยู่ที่ฝรั่งเศส ฉันก็เลยไม่รู้จักเขา จนกระทั่งฉันไปใช้ชีวิตอยู่ในฝรั่งเศสเพื่อทำเรื่อง Marie Antoinette”

Lost in Translation | Scarlett Johansson & Bill Murray's Wild Night in Tokyo

จองบัตร Lost in Translation ที่ House Samyan ได้ที่นี่ สัปดาห์นี้ฉายเป็นสัปดาห์สุดท้าย

Sources:

  • https://lwlies.com/articles/sofia-coppola-lost-in-translation-interview/
  • https://web.archive.org/web/20031001195147/http://lost-in-translation.com/qaPopup.html
  • https://web.archive.org/web/20031012025250/http://www.greg.org/sofia_coppola_interview.html
  • https://web.archive.org/web/20200615040620/https://www.latimes.com/archives/la-xpm-2003-sep-11-wk-pop11-story.html
Previous

MAY-A ปล่อยเพลง Something Familiar จากอัลบั้ม EP ใหม่ที่มีชื่อว่า ‘Analysis Paralysis’

Grrrl Gang ปล่อยเพลงใหม่ Blue-Stained Lips จากอัลบั้มเดบิวต์ Spunky! ที่จะปล่อยให้ฟังกันในวันที่ 22 กันยายนนี้!

Next