งานประกาศรางวัล Academy Awards ครั้งที่ 95 หรือที่รู้จักกันในชื่อรางวัล Oscars นั้น ปีนี้จัดขึ้นในวันที่ 13 มีนาคม 2023 (หรือเช้าวันที่ 14 มีนาคม 2023 ตามเวลาประเทศไทย) งานออสการ์ที่จัดขึ้นในปีนี้ จะเป็นการมอบรางวัลสำหรับภาพยนตร์ที่ฉายในปี 2022 ซึ่งภาพยนตร์หลายเรื่องที่เข้าชิงออสการ์ ก็เข้าฉายในประเทศไทยเช่นกัน ทั้งการฉายในโรงภาพยนตร์และบนสตรีมมิ่งต่างๆ ให้ทุกคนได้รับชมกันอย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้น
The Noize Team รวบรวมรายชื่อผู้ชนะรางวัลออสการ์ 2023 ในสาขาต่างๆ มาไว้ให้กับทุกคนเป็นที่เรียบร้อย โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ชุดด้วยกัน นั่นก็คือ ผลรางวัลรายภาพยนตร์ และผลรางวัลรายสาขาที่มีการจัดขึ้นมา ถ้าพร้อมแล้ว ตามไปดูกันเลย
ผลรางวัล Oscars 2023 รายภาพยนตร์
Everything Everywhere All At Once – 7 รางวัล
EEAAO เล่าเรื่องราวของ เอเวอลีน หวัง คุณแม่ชาวอเมริกันเชื้อสายจีนที่ได้รับการติดต่อจากจักรวาลคู่ขนานและบอกกับเธอว่ามีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถกอบกู้โลกได้ ฮีโร่คนใหม่ที่อยู่เหนือความคาดหมายเรียนรู้ที่จะถ่ายทอดพลังพิเศษใหม่ของเธอและต่อสู้ผ่านหลากหลายมิติในมัลติเวิร์สเพื่อช่วยโลก ครอบครัว รวมถึงตัวเธอเอง
EEAAO เข้าชิงออสการ์ 2023 ถึง 11 สาขา และเมื่อประกาศผลรางวัลออสการ์ EEAAO ก็คว้ารางวัลกลับบ้านไปถึง 7 สาขาด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น นักแสดงสมทบชายจาก คีฮุยควน นักแสดงสมทบหญิงจาก เจมี่ ลี เคอร์ติส ก่อนจะได้รับรางวัลจากสาขาการตัดต่อ ผู้กำกับ บทภาพยนตร์ดั้งเดิม และนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจาก มิเชลล์ โหย่ว ก่อนที่จะคว้ารางวัลใหญ่กลับบ้านในสาขา ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
สามารถรับชม Everything Everywhere All At Once ได้ในโรงภาพยนตร์ และ HBO Go
All Quiet on the Western Front – 4 รางวัล
ภาพยนตร์ดราม่าสงครามจาก Netflix ที่เล่าเรื่องราวของแนวรบด้านตะวันตกของเยอรมนีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ก็คว้ารางวัลจากเวทีออสการ์ 2023 กลับไปครองถึง 4 รางวัลด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นรางวัลสาขาภาพยนตร์นานาชาติยอดเยี่ยม ออกแบบงานสร้าง ดนตรีประกอบ และกำกับภาพยอดเยี่ยม
สามารถรับชม All Quiet on the Western Front ได้ทาง Netflix และ Making All Quiet on the Western Front ได้ที่ Netflix
The Whale – 2 รางวัล
ผลงานเรื่องล่าสุดของ ดาร์เรน อาโรนอฟสกี ในเรื่อง The Whale ที่เล่าเรื่องราวของชาร์ลี ครูสอนภาษาอังกฤษที่ป่วยเป็นโรคอ้วนขั้นรุนแรง และช่วงเวลาของเขากำลังจะหมดลง ในขณะที่เขาพยายามอย่างกล้าหาญเป็นครั้งสุดท้ายที่จะคืนดีกับครอบครัวที่แตกแยกระหองระแหงของเขา ชาร์ลีต้องเผชิญหน้าด้วยหัวใจที่เต็มเปี่ยมและไหวพริบอันเฉียบแหลมความชอกช้ำที่ฝังลึกมานานและความรักที่ไม่อาจเอ่ยออกมาซึ่งตามหลอกหลอนเขามายาวนานหลายสิบปี สำหรับ The Whale คว้ารางวัลกลับไปถึง 2 รางวัลด้วยกัน ทั้งจากรางวัลแต่งหน้าและผมยอดเยี่ยม และรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจาก เบรนแดน เฟรเซอร์
Women Talking – 1 รางวัล
ภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คว้ารางวัลบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม จากเวทีออสการ์ 2023 ไปได้ ซาราห์ พอลลีย์ ผู้กำกับและผู้เขียนบทก็ได้หยิบเอางานเขียนของ Miriam Toews มาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ ซึ่งจะเล่าเรื่องราวของกลุ่มผู้หญิงในชุมชนอาณานิคมแห่งหนึ่ง ที่ถูกผู้ชายจากอาณานิคมข่มขืนมายาวนาน และเมื่อจับตัวผู้ก่อเหตุ พวกผู้ชายตามไปประกันตัวให้พวกเขาออกมา จนกระทั่งเหล่าผู้หญิงมารวมตัวกันว่าจะทำอย่างไรต่อไป ระหว่างเลือกที่จะอยู่ต่อ ต่อสู้ และเดินทางจากบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเธอ
Avatar: The Way of Water – 1 รางวัล
Avatar: The Way of Water ของ James Cameron คว้ารางวัลเทคนิคสมจริงยอดเยี่ยมกลับไปครอง ที่พาผู้ชมไปสัมผัสวิถีแห่งสายน้ำและชาวนาวีบนดาวแพนดอร่า ทั้งเผ่าโอมาติกายาแห่งป่าฝน เผ่าเม็ตคายีนาแห่งมหาสมุทร และสัตว์ทะเลหลากหลายชนิด
Top Gun: Maverick – 1 รางวัล
ในครั้งนี้ Top Gun: Maverick คว้ารางวัลบันทึกเสียงยอดเยี่ยม กลับบ้านไป สำหรับในภาคต่อนี้ จะเล่าเรื่องราวหลังจากปฏิบัติหน้าที่ในฐานะหนึ่งในนักบินระดับสูงของกองทัพเรือนานกว่าสามสิบปี พีท “มาเวอริค” มิทเชลล์ ก็ได้มาอยู่ในจุดที่เหมาะสมกับตัวเอง เขาได้ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองในฐานะนักบินทดสอบผู้กล้าหาญ หลีกหนีจากการไต่เต้าตำแหน่งทางการงานและกลายมาเป็นครูฝึกนักบินจบใหม่ของหน่วยท็อปกัน เพื่อเตรียมปฏิบัติภารกิจพิเศษที่ยังไม่เคยมีนักบินคนไหนเคยเจอมาก่อนในชีวิต
สามารถรับชม Top Gun: Maverick ได้ในโรงภาพยนตร์ และ HBO Go
Black Panther: Wakanda Forever – 1 รางวัล
รูธ อี. คาร์เตอร์ สร้างประวัติศาสตร์บนเวที Oscars เป็นผู้หญิงผิวดำคนแรกที่คว้ารางวัลเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง Black Panther และรับรางวัลอีกครั้งในสาขาเดียวกันจากภาคต่อ Wakanda Forever
สามารถรับชม Black Panther: Wakanda Forever ได้ทาง Disney+ Hotstar
RRR – 1 รางวัล
สำหรับเพลง Naatu Naatu จากภาพยนตร์ RRR บน Netflix นั้น ก็คว้ารางวัลออสการ์ในสาขาเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม กลับไปครอง
สามารถรับชม RRR ได้ทาง Netflix
Guillermo Del Toro’s Pinocchio – 1 รางวัล
ผลงานสต็อปโมชันเรื่อง Pinocchio ของ Guillermo Del Toro คว้ารางวัลภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม เอาชนะ Marcel the Shell with Shoes On ภาพยนตร์แอนิเมชันจาก A24 และ Puss in Boots: The Last Wish จาก DreamWorks กลับบ้านไป
สามารถรับชม Guillermo Del Toro’s Pinocchio ได้ทาง Netflix และ Guillermo Del Toro’s Pinocchio: Handcarved Cinema ได้ทาง Netflix
Navalny – 1 รางวัล
สำหรับรางวัลภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยมในปีนี้ได้ Navalny ภาพยนตร์สารคดีแนวระทึกขวัญที่จะพาไปสำรวจชีวิตและผลงานของอเล็กเซ นาวาลนี (Alexei Navalny) ผู้นำฝ่ายค้านของรัสเซียที่รณรงค์ต่อต้านและเปิดโปงการทุจริตเป็นเวลานานหลายปี จนทำให้เขากลายเป็นศัตรูของบรรดาผู้ทรงอำนาจ เรื่องราวการยืนหยัดอย่างกล้าหาญของนักการเมืองและนักเคลื่อนไหวผู้ต่อต้านรัฐบาลที่พยายามจะปิดปากเขา และการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่ไม่มีวันสิ้นสุดของเขา
สามารถรับชม Navalny ได้ทาง HBO Go
An Irish Goodbye – 1 รางวัล
An Irish Goodbye คว้ารางวัลภาพยนตร์สั้นไลฟ์แอ็กชันยอดเยี่ยมกลับไปครอง เล่าเรื่องราวของสองพี่น้องในชนบทไอร์แลนด์และห่างเหินกันไปนาน ก่อนจะกลับมาหากันอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่แม่ของพวกเขาจากไป
The Elephant Whisperers – 1 รางวัล
สารคดีสั้นเรื่อง The Elephant Whisperers สารคดีสั้นอินเดีย-อเมริกัน ที่ตามติดคู่สามีภรรยาและความผูกพันกับลูกช้างที่พวกเขาได้รับมอบหมายให้ดูแล คว้ารางวัลภาพยนตร์สารคดีสั้นยอดเยี่ยมกลับไปครอง
สามารถรับชม The Elephant Whisperers ได้ทาง Netflix
The Boy, the Mole, the Fox and the Horse – 1 รางวัล
ภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง The Boy, the Mole, the Fox and the Horse ก็ได้รับรางวัลภาพยนตร์แอนิเมชันขนาดสั้นยอดเยี่ยมจากเวทีออสการ์ 2023 กลับบ้านไป โดยภาพยนตร์สั้นเรื่องนี้สร้างขึ้นมาจากหนังสือภาพของ ชาร์ลี แม็คเคซซี่ ในชื่อเดียวกันกลับไปครอง
สามารถรับชม The Boy, the Mole, the Fox and the Horse ได้ทาง Apple TV+
ผลรางวัล Oscars 2023 รายสาขา
ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
- “Everything Everywhere All at Once” — Winner
- “All Quiet on the Western Front”
- “Avatar: The Way of Water”
- “The Banshees of Inisherin”
- “Elvis”
- “The Fabelmans”
- “Tár”
- “Top Gun: Maverick”
- “Triangle of Sadness”
- “Women Talking”
นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม
- Michelle Yeoh, “Everything Everywhere All at Once” — Winner
- Ana de Armas, “Blonde”
- Cate Blanchett, “Tár”
- Andrea Riseborough, “To Leslie”
- Michelle Williams, “The Fabelmans”
นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม
- Brendan Fraser, “The Whale” — Winner
- Colin Farrell, “The Banshees of Inisherin”
- Austin Butler, “Elvis”
- Bill Nighy, “Living”
- Paul Mescal, “Aftersun”
นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม
- Jamie Lee Curtis, “Everything Everywhere All at Once” — Winner
- Angela Bassett, “Black Panther: Wakanda Forever”
- Hong Chau, “The Whale”
- Kerry Condon, “The Banshees of Inisherin”
- Stephanie Hsu, “Everything Everywhere All at Once”
นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม
- Ke Huy Quan, “Everything Everywhere All at Once” — Winner
- Brian Tyree Henry, “Causeway”
- Judd Hirsch, “The Fabelmans”
- Brendan Gleeson, “The Banshees on Inisherin”
- Barry Keoghan, “The Banshees of Inisherin”
ผู้กำกับยอดเยี่ยม
- Daniel Kwan and Daniel Scheinert, “Everything Everywhere All at Once” — Winner
- Martin McDonagh, “The Banshees of Inisherin”
- Steven Spielberg, “The Fabelmans”
- Todd Field, “Tár”
- Ruben Ostlund, “Triangle of Sadness”
ภาพยนตร์นานาชาติยอดเยี่ยม
- “All Quiet on the Western Front” (Germany) — Winner
- “Argentina, 1985” (Argentina)
- “Close” (Belgium)
- “EO” (Poland)
- “The Quiet Girl” (Ireland)
ภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม
- “Guillermo del Toro’s Pinocchio” — Winner
- “Marcel the Shell With Shoes On”
- “Puss in Boots: The Last Wish”
- “The Sea Beast”
- “Turning Red”
บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม
- “Everything Everywhere All at Once” — Winner
- “The Banshees of Inisherin”
- “The Fabelmans”
- “Tár”
- “Triangle of Sadness”
บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม
- “Women Talking” — Winner
- “All Quiet on the Western Front”
- “Glass Onion: A Knives Out Mystery”
- “Living”
- “Top Gun: Maverick”
เทคนิคสมจริงยอดเยี่ยม
- “Avatar: The Way of Water” — Winner
- “Top Gun: Maverick”
- “The Batman”
- “Black Panther: Wakanda Forever”
- “All Quiet on the Western Front”
ดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
- Volker Bertelmann, “All Quiet on the Western Front” — Winner
- Justin Hurwitz, “Babylon”
- Carter Burwell, “The Banshees of Inisherin”
- Son Lux, “Everything Everywhere All at Once”
- John Williams, “The Fabelmans”
เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
- “Naatu Naatu” from “RRR” — Winner
- “Applause,” from “Tell It Like a Woman”
- “Hold My Hand,” from “Top Gun: Maverick”
- “Lift Me Up” from “Black Panther: Wakanda Forever”
- “This Is a Life” from “Everything Everywhere All at Once”
ภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยม
- “Navalny” — Winner
- “All That Breathes”
- “All the Beauty and the Bloodshed”
- “Fire of Love”
- “A House Made of Splinters”
ภาพยนตร์สารคดีสั้นยอดเยี่ยม
- “The Elephant Whisperers” — Winner
- “Haulout”
- “How Do You Measure a Year?”
- “The Martha Mitchell Effect”
- “Stranger at the Gate”
กำกับภาพยอดเยี่ยม
- James Friend, “All Quiet on the Western Front” — Winner
- Darius Khondj, “Bardo, False Chronicle of a Handful of Truths”
- Mandy Walker, “Elvis”
- Roger Deakins, “Empire of Light”
- Florian Hoffmeister, “Tár”
ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม
- “Black Panther: Wakanda Forever” — Winner
- “Babylon”
- “Elvis”
- “Everything Everywhere All at Once”
- “Mrs. Harris Goes to Paris”
ภาพยนตร์สั้นแอนิเมชันยอดเยี่ยม
- “The Boy, the Mole, the Fox and the Horse” — Winner
- “The Flying Sailor”
- “Ice Merchants”
- “My Year of Dicks”
- “An Ostrich Told Me the World is Fake and I Think I Believe It”
ภาพยนตร์สั้นไลฟ์แอ็กชันยอดเยี่ยม
- “An Irish Goodbye” — Winner
- “Ivalu”
- “Le Pupille”
- “Night Ride”
- “The Red Suitcase”
ตัดต่อภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
- “Everything Everywhere All at Once” — Winner
- “The Banshees of Inisherin”
- “Elvis”
- “Tár”
- “Top Gun: Maverick”
บันทึกเสียงยอดเยี่ยม
- “Top Gun: Maverick” — Winner
- “All Quiet on the Western Front”
- “Avatar: The Way of Water”
- “The Batman”
- “Elvis”
ออกแบบการผลิตยอดเยี่ยม
- “All Quiet on the Western Front” — Winner
- “Avatar: The Way of Water”
- “Babylon”
- “Elvis”
- “The Fabelmans”
แต่งหน้าและผมยอดเยี่ยม
- “The Whale” — Winner
- “All Quiet on the Western Front”
- “The Batman”
- “Black Panther: Wakanda Forever”
- “Elvis”
นอกจากนี้แล้วก็ยังมีภาพยนตร์ที่เข้าชิงรางวัลออสการ์ 2023 ในสาขาต่างๆ ที่สามารถรับชมบนสตรีมมิ่งในประเทศไทยได้ ไม่ว่าจะเป็น
HBO Go
Disney+ Hotstar
Prime Video
และยังสามารถรับชม Aftersun ได้ในโรงภาพยนตร์