*มีการพูดถึงเนื้อหาในซีรีส์ Willow*
คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหากบอกว่า Princess Kit Tanthalos แห่ง Tir Asleen จากซีรีส์ Willow ภายใต้ Lucasfilm ที่อยู่ใต้ Disney ว่าเขาเป็น Disney Princess คนแรกที่เป็นเลสเบี้ยนอย่างเปิดเผย (หรือแบบตะโกนตั้งแต่สิบนาทีแรก) ก็ว่าได้ และแน่นอนว่าการที่เขาเป็นเจ้าหญิงดิสนีย์ที่เป็นเควียร์คนแรกนั้น ย่อมเป็นเรื่องน่าสนใจ ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าหญิงคิทเองก็มีอัศวินที่ถือเป็นเพื่อนสนิทและคนที่เขารัก ไปผจญภัยท่ามกลางอันตรายที่น่ากลัวไปด้วยกัน
การพัฒนาความสัมพันธ์ในเรื่อง Willow อาจจะไม่ได้หวือหวาหรือโดดเด่น แต่ตัวซีรีส์ก็ได้ปล่อยให้พวกเขาดำเนินเรื่องราวและความสัมพันธ์นั้นได้อย่างอบอุ่นหัวใจ เจ้าหญิงคิท แทนทาลอส แห่งเทียร์แอสลีน บุตรแห่งซอร์ช่าและแมดมาร์ติแกน เจ้าหญิงผู้แสดงออกตั้งแต่สิบนาทีแรกที่เราได้เห็นว่าตัวของเธอนั้นเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นฉากฝึกดาบที่เชิงเขา ฉากที่แม่ของเขาเลือกชุดให้ ไปจนถึงฉากเต้นรำภายในงานเลี้ยง ล้วนทำให้เรารู้จักกับคิทได้ดีมากยิ่งขึ้น และทำให้เราได้รู้จักกับเจด เคลย์มอร์ อัศวิน-เพื่อนสนิท อีกด้วย
Ruby Cruz ผู้รับบท Princess Kit Tanthalos ได้บอกเอาไว้ว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างคิทและเจดมันมีความหมายกับฉันมาก” เขาเสริมต่อว่า “ฉันคิดว่ามิตรภาพอาจจะสร้างความสับสนให้กับความเควียร์ในตัวเองได้ด้วยเช่นกัน” นอกจากนี้แล้ว เขายังได้บอกด้วยว่าการที่ตัวละครเป็นเกย์ ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการทำภารกิจและผจญภัยเลยสักนิด “ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์ที่เป็นธรรมชาติและเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง แทนที่จะเป็นสิ่งที่ตัวละครจะต้องฝ่าฟัน (เกี่ยวกับการเป็นเควียร์และความสัมพันธ์) แต่มันคือสิ่งที่พวกเขาพยายามทำความเข้าใจความรู้สึกที่มีต่อกัน พวกเขาแค่ตกหลุมรักกัน มันเป็นสิ่งที่พิเศษมาก”
แน่นอนว่าเพื่อนสนิทของเจ้าหญิงคิทอย่าง Jade Claymore ก็ถือเป็นอีกหนึ่งบุคคลที่น่าสนใจด้วยเช่นกัน Erin Kellyman ผู้รับบทเจด คนสนิทของเจ้าหญิงคิท และเปิดตัวว่าเป็นเกย์อย่างเปิดเผย ก็ได้บอกว่าสิ่งที่ทำให้เธอสนใจในตัวละครนี้ก็คือการที่รู้ว่าเจดเป็นเควียร์ “ตอนที่ฉันรู้ว่าเจดเป็นเควียร์ นั่นคือจุดที่ทำให้ฉันสนใจตัวละครตัวนี้”
ความสัมพันธ์ระหว่างคิทและเจดนั้น ถูกกล่าวถึงมาอย่างต่อเนื่องผ่านการกระทำต่างๆ ของพวกเขาในทุกๆ เอพิโสด ไม่ว่าจะเป็นการฝึกดาบที่เชิงเขา การตัดสินใจของเจดที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงเพราะคิทชวน ฉากเต้นรำ ฉากบอกลา ไปจนถึงการตัดสินใจพูดถึงความรู้สึก การยอมรับตัวตนและการยอมรับว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเป็นอย่างไร สิ่งนี้คือสิ่งที่ถูกเล่าผ่านการผจญภัยของพวกเขาได้อย่างลงตัว เพราะผู้สร้างอย่าง Jonathan Kasdan ได้ให้สัมภาษณ์บอกเอาไว้ว่านี่คือสิ่งที่พวกเขาต้องการที่จะนำเสนอ “มันเป็นสิ่งที่เป็นธรรมชาติมากๆ ตั้งแต่เริ่มต้น เราไม่ได้ต้องการที่จะยัดเยียดความเควียร์ลงไปในซีรีส์ เอาให้ชัดเลยก็คือ เราต้องการให้ลูกสาวของแมดมาร์ติแกนเป็นจุดศูนย์กลางของเรื่องนี้ ที่อยู่กึ่งกลางระหว่างคนสองคน นั่นก็คือคนที่เธอไม่ได้รักแต่ต้องแต่งงานด้วย กับเพื่อนสนิทที่ดีที่สุดที่เธอหลงรัก”
Queer Representation ผ่านสื่อบน Willow
“ตอนที่ฉันรู้ว่าเจดเป็นเควียร์ นั่นคือสิ่งที่ทำให้ฉันสนใจตัวละครนี้”
– Erin Kellyman
เพราะสื่อในทุกวันนี้ ยังรายล้อมไปด้วย Heteronormativity ที่ฝังรากลึก แม้ว่าจะมีการนำเสนอความเควียร์ผ่านสื่ออยู่เป็นจำนวนมาก แต่ก็มีปริมาณที่ไม่น้อยที่ไม่ได้นำเสนอความเควียร์ได้ออกมาอย่างเหมาะสม หรือโอบรับคนในชุมชนนี้อย่างเต็มที่ ในขณะเดียวกัน เราก็ยังคงเห็นความเปลี่ยนแปลงผ่านสื่ออย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกับซีรีส์แฟนตาซีในปี 2022 ที่มีตัวละครเควียร์เพิ่มขึ้นอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น DC’s Legends of Tomorrow, Warrior Nun, Half Bad: The Bastard Son & The Devil Himself, The Umbrella Academy, Doctor Who, Paper Girls ไปจนถึง Willow ที่ฉายครั้งแรกไปเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมาทาง Disney+ Hotstar นั่นเอง
“การนำเสนอความเควียร์ผ่านสื่อมันก็ไม่ได้เล่าออกมาอย่างเหมาะสมเพื่อชาวเควียร์สักเท่าไหร่ การที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการเล่าเรื่องราวของเควียร์เรื่องแรกของ Disney ถือเป็นช่วงเวลาที่เติมเต็มสำหรับฉันมากๆ เพราะฉันโตมากับการดูดิสนีย์ตั้งแต่ยังเด็ก และตัวของฉันเองก็เป็นเควียร์ด้วย เพราะงั้น การได้นำทั้งสองสิ่งมาเล่าเรื่องราวควบคู่กันไป มันถือเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมมากๆ เลยล่ะ” Erin Kellyman บอกกับ Entertainment Weekly
ทั้งรูบี้และเอรินต่างเห็นตรงกันว่าการนำเสนอเรื่องราวของเควียร์ผ่านสื่อมันมีน้อยมากๆ พวกเขาเติบโตมากับการที่ไม่ได้เห็น LGBTQIAN+ ที่มันมีความหมายและนำเสนอที่ดีผ่านจอเลย มันก็เลยเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ความสัมพันธ์ของคิทและเจดมันมีค่ามากๆ สำหรับพวกเขา รูบี้ได้บอกกับ Photobook Magazine ว่า “ในวงการบันเทิง มันยังขาดการนำเสนอความเป็นเควียร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับแฟนผลงานแฟนตาซี มันก็เลยเป็นเหตุผลที่ว่าเรื่องราวของพวกเขา [คิทและเจด] มีความสำคัญต่อเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครของฉัน คิท และเพื่อนที่ดีที่สุดของเธออย่างเจด มันเป็นการบอกเล่าที่สวยงามมากๆ ของผู้หญิงสองคนที่ตกหลุมรักกัน มันมาพร้อมกับความยุ่งเหยิง ความรู้สึกสับสน ความกลัว และแน่นอนว่าการถูกเบี่ยงเบนความสนใจไปด้วยการต่อสู้กับปีศาจและเกมจิตวิทยา”
สำหรับความเควียร์ที่ถูกนำเสนอผ่าน Willow นั้น มันเต็มไปด้วยความปกติธรรมดาที่เรามักจะได้เห็นผ่านตัวละครสเตรทอยู่ตลอด แน่นอนว่ามันเป็นช่วงเวลาที่น่าประทับใจ และชวนให้หลายๆ คนรู้สึกได้รับการโอบกอดอยู่ไม่น้อย “ฉันคิดว่ามันถูกเขียนออกมาได้อย่างสวยงาม มันถูกสร้างขึ้นมาอย่างงดงามเลยล่ะ” เอรินบอก “มันไม่ใช่เรื่องราวที่พวกเขากังวลเกี่ยวกับการที่เป็นเกย์ มันไม่ใช่เรื่องราวที่พวกเขาแสดงออกเกี่ยวกับเรื่องเซ็กซ์มากจนเกินไป มันก็เป็นแค่เรื่องราวของคนสองคนที่รักกัน เรื่องเจนเดอร์เป็นเรื่องรอง พวกเขาแค่รักกัน ฉันคิดว่ามันสวยงามและจำเป็นมากๆ สำหรับใครหลายๆ คนที่กำลังเผชิญกับปัญหาการตระหนักว่าตัวเองเป็นเกย์รึเปล่า หรือรู้จักใครที่เป็นเกย์ การนำเสนอภาพลักษณ์ที่ปกติธรรมดาถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ”
แน่นอนว่าในฐานะของเควียร์ สิ่งที่เราเห็นผ่านสื่อตั้งแต่ยังเด็ก หลายๆ ครั้งก็ไม่ได้โอบรับตัวตนของแต่ละคนแต่ได้อย่างเต็มที่ จนบางครั้ง หลายๆ คนอาจจะรู้สึกว่าพวกเขาโดดเดี่ยวและแปลกแยก เช่นเดียวกับเอริน เคลลี่แมน ที่บอกว่าการเป็นส่วนหนึ่งใน Willow ถือเป็นการรักษาตัวตนในวัยเด็กของตัวเองเมื่อเห็นการนำเสนอความเป็นเควียร์ผ่านสื่อ “การที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวนี้ ฉันรู้สึกเหมือนกำลังรักษาความเป็นเด็กในตัวฉัน ในตอนที่ฉันยังไม่เห็นเรื่องราวเหล่านี้สมัยยังเด็ก แล้วพอตอนนี้ก็ได้นำเสนอเรื่องราวที่ฉันไม่เคยได้รับ มันคือสิ่งที่ทำให้ใจสงบได้มากๆ มันสงบเอามากๆ ในเรื่องนี้ บางอย่างที่ทำให้มั่นใจและใจเย็นลงได้ ฉันรู้เลยว่าถ้าฉันเห็นสิ่งนี้ตอนที่ฉันยังเด็ก ฉันคงหลงรักคิทและเจดอย่างแน่นอน และฉันคงจะรู้สึกโดดเดี่ยว หวาดกลัว และแปลกแยกน้อยลงด้วย เพราะงั้น มันจึงเป็นอะไรที่สวยงามมากที่สามารถทำแบบนี้ได้ในตอนนี้”
รูบี้เองก็เช่นกัน เธอบอกว่า “ฉันรู้สึกเหมือนกับเติบโตขึ้นมาแล้วมันขาดการนำเสนอของเลสเบี้ยน ส่วนใหญ่มันจะเป็นเรื่องของความสัมพันธ์เลสเบี้ยนกับเควียร์ที่เกี่ยวกับเซ็กซ์ซะส่วนใหญ่เลย ฉันคิดว่าการสร้างความสัมพันธ์ทางอารมณ์มันเป็นสิ่งที่มีความหมายจริงๆ นะ ที่ผู้คนจะสามารถรีเลทและมองเห็นตัวเองในนั้น แล้วมันก็เป็นโอกาสที่สำคัญและยอดเยี่ยมสำหรับเราด้วย” เธอเสริมด้วยว่า “ถ้าเกิดฉันโตมากับเจ้าหญิงอย่างคิท ที่คอยสนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเพื่อนสนิท ฉันคิดว่าฉันน่าจะเข้าใจตัวเองมากขึ้นเร็วกว่านี้มาก การได้เห็นตัวเองเป็นตัวแทนสิ่งนี้คือสิ่งที่มีค่ามหาศาล และการได้เห็นสิ่งที่ส่งผลต่อผู้ชมจำนวนมากถือเป็นรางวัลที่คุ้มค่ามากๆ”
ความสัมพันธ์ระหว่างคิทและเจด
สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างคิทและเจด ทั้งรูบี้และเอรินตัดสินใจหลายๆ อย่างร่วมกันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครของพวกเขา “พวกเขาเติบโตในฟองสบู่นี้มาตลอดชีวิต พวกเขาเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้แก่กันและกัน พวกเขาต่างรู้สึกว่าพวกเขาอยู่ผิดที่และไม่มีใครเข้าใจ พวกเขาเติบโตขึ้นมาและรักกันและกัน ไม่ว่าพวกเขาจะเข้าใจหรือไม่ก็ตาม เพราะงั้น เมื่อคิทตัดสินใจที่จะวิ่งหนีไป (ในตอนที่หนึ่ง) พวกเขาก็รู้กันอย่างเงียบๆ ว่าอีกฝ่ายรู้สึกอย่างไรต่อกัน”
“เราแลกเพลงให้กันฟังตลอดการถ่าย Willow” รูบี้เล่าถึงช่วงเวลาที่พวกเขาถ่าย Willow ด้วยกันนั้น เพลงก็คือสิ่งที่ซึ่งเพลงที่พวกเขาเลือกมาเพื่อแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างคิทกับเจดก็คือเพลง The Only Exception ของ Paramore แล้วตัวของเอริน เคลลี่แมน ก็เห็นด้วยว่าเพลงนี้มันบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ได้อย่างดี
และเมื่อพูดถึงฉากที่ไม่คาดคิดในตอนที่คิทแอบเข้าห้องของเจดด้วยว่า “ฉันไม่รู้ว่าเอรินจะคิดแบบเดียวกับฉันรึเปล่านะ แต่ฉันไม่คิดว่านั่นเป็นครั้งแรกที่คิทแอบเข้าไปในห้องของเจด” ซึ่งรูบี้และเอรินก็ได้บอกด้วยว่า คิทอาจจะแอบเข้าห้องเจดทุกๆ คืนต้ังแต่ยังเด็กเพื่อไปนอนค้างด้วย และหลายๆ ความรู้สึกมันก็เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อพวกเขาโตขึ้น แล้วบัลเลนไทน์ก็รู้เรื่อง เขาเตือนให้เจดรักษาความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเจ้าหญิงให้เป็นมืออาชีพ ถ้าหากต้องการที่จะเป็นอัศวินจริงๆ
ส่วนฉากจูบนั้น รูบี้ก็ได้บอกว่า “แต่ฉันคิดว่านั่นเป็นครั้งแรกที่พวกเขาจูบกัน มันเป็นช่วงเวลาที่ทำให้คิทแข็งแกร่งขึ้น เพราะเขารู้ว่าเขาจะต้องแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก หรือไม่ก็ต้องหนีไปแล้วไม่ได้เจอหน้าคนที่เขารักอีกเลย นั่นก็เลยเป็นการแสดงออกที่ถูกกระตุ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ไม่เคยได้ทำจริงๆ จนกระทั่งถึงช่วงเวลานั้น”
นอกจากนี้แล้ว ในตอนที่ห้า ถือเป็นจุดพีคของความสัมพันธ์ที่ในที่สุด คิทก็ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเองสักที สำหรับตัวของรูบี้ เขาบอกว่าเขาจำปฏิกิริยาของตัวเองที่อารมณ์เสียได้ หลังจากที่อ่านฉากนั้นจบ และไม่ใช่แค่รูบี้เท่านั้น แฟนๆ ที่ได้รับชมในฉากนั้นต่างก็ช็อกและอยากที่จะรับชมในตอนที่หกต่อทันที “ฉันจำได้ว่าฉันอ่านมันจบในอพาร์ตเมนต์ของฉัน คือห้องของฉันอยู่ตรงทางเดินฝั่งตรงข้ามของเอริน ฉันจำได้ว่าฉันตะโกนดังมากแล้ววิ่งไปที่ห้องของเขา แล้วก็เคาะประตูเพื่อถามว่าเขาได้อ่านตอนนี้แล้วรึยััง เราทั้งคู่ตื่นเต้นกับมันมากๆ ทั้งคิทและเจดผ่านอะไรกันมามากมายในห้าตอนแรกจนไม่มีเวลาที่จะพูดถึงความรู้สึกที่มีต่อกัน พอได้พลัมแห่งความจริง ในที่สุดพวกเขาก็คิดออกและสามารถซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกที่มีต่อกันและต่อตัวเองได้”
และการสารภาพความรู้สึกของคิทนั้น ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญเป็นอย่างมาก รูบี้บอกว่า “มันเป็นช่วงเวลาที่สวยงามสำหรับตัวละครทั้งสองนี้ คิทเติบโตมาพร้อมกับความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนมาก ทั้งกับความรัก ความเปราะบาง และอารมณ์ เขาจึงต้องเรียนรู้ที่จะเก็บทุกอย่างไว้ในกล่องของเขา แม่ของเขาเป็นคนที่โน้มน้าวเก่งมาก และทุกคนในครอบครัวก็ผ่านเรื่องร้ายๆ มากับ Madmartigan ที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้น แถมก็ยังมีบางสิ่งที่ซอร์ช่าไม่ได้พูดให้กับลูกได้ฟัง คิทก็เลยเรียนรู้ที่จะไม่พูดถึงเรื่องนี้ และไม่ไว้ใจในความรัก ไม่เคยทำให้ตัวเองตกอยู่ในจุดที่เปราะบางและถูกทำร้ายเหมือนกับแม่ของเขา แต่เมื่อได้รับความช่วยเหลือจากอีโลร่าและพลัมแห่งความจริง เขาก็ได้เรียนรู้ว่า ความเปราะบางและความซื่อสัตย์นั้นคือสิ่งที่ทรงพลัง และในที่สุด เขาก็สามารถซื่อสัตย์กับเจดและตัวของเขาเองว่าเขารู้สึกอย่างไร ช่วงเวลานั้นมีค่ามากๆ สำหรับฉันและเอริน มันพิเศษสุดๆ ที่เราจะได้ถ่ายทำฉากนั้นกัน” ซึ่งการถ่ายทำฉากนั้น ผู้กำกับ Philippa Lowthorpe ก็ได้สร้างพื้นที่และให้ความเป็นส่วนตัวกับนักแสดงด้วย “เธอต้องการให้ตัวละครของเราและตัวของพวกเราเองได้รับความเป็นส่วนตัวอย่างที่เราต้องการ เธอสร้างฉากปิดสำหรับตัวละครเหล่านี้ เพื่อให้สามารถแสดงความอ่อนแอต่อกันได้ มันช่วยได้มากๆ เลย”
ไม่ใช่แค่เพียงรูบี้และเอรินเท่านั้น แต่เหล่านักแสดงในซีรีส์ Willow ต่างก็ลุ้นกับความสัมพันธ์ของคิทและเจดด้วยเช่นกัน เอรินเผยว่า “พวกเราเอาใจช่วยพวกเขาตั้งแต่แรกเลย ฉันกับรูบี้เป็นหลัก แต่ก็รวมถึงนักแสดงทั้งหมดด้วย ฉันกับรูบี้อ่านมันแล้วนะ แล้วเราก็หลุดไปเลย แต่พอเราทุกคนอ่านมันพร้อมกันตอน table read แล้วมันก็ค่อนข้างจะเงียบนะ หลังจากนั้นมันก็เริ่มตึงๆ เข้าหน่อย และมีชีวิตชีวาขึ้นเมื่อฉากนั้นมาถึง แล้วทุกคนก็กรีดร้องตะโกนออกมากันเลย คือ Toni Revolori (ผู้รับบทเจ้าชายเกรย์ดอน) ก็ลุกขึ้นมาร้องแบบ พระเจ้า! เอาจริง ทุกคนเชียร์คิทกับเจดมากๆ แล้วเมื่อพวกเขายอมรับความรู้สึกต่อกัน มันก็เลยเป็นช่วงเวลาที่น่าประทับใจสุดๆ
นอกจากเอพิโสดที่ห้าแล้ว เอพิโสดที่เจ็ดก็เป็นช่วงเวลาที่คิทสารภาพความรู้สึกของเขาเองระหว่างการฝึกดาบคู่กับเจด “ฉันจำได้ว่าคิดว่ามันสมบูรณ์แบบแค่ไหน” รูบี้บอก “เขาใช้มันเป็นอุบายเพื่อเอาชนะด้วยซ้ำ และมันก็แบบ คิทมากๆ พวกเขาดวลดาบด้วยกันมาตลอดทั้งชีวิต เพื่อจัดการกับความก้าวร้าวและความตึงเครียดที่พวกเขารู้สึกต่อกัน มันเป็นวิธีการเชิงเปรียบเทียบในการทำงานทั้งหมดเลย มันก็เลยเป็นวิธีที่สมบูรณ์แบบสำหรับคิทที่จะบอกว่า ‘ฉันรักคุณ’ ผ่านภาษารักของการต่อสู้ด้วยดาบ เขาต้องไปถึงจุดที่ทนไม่ได้แล้วจริงๆ เพื่อพบและตระหนักได้ว่า อะไรคือสิ่งที่สำคัญสำหรับเขาที่สุด และเจดก็คือหนึ่งในนั้น”
“พวกเขาก็แค่รักกัน” เอรินบอก “ฉันคิดว่าการนำเสนอแบบธรรมดาสุดเป็นสิ่งสำคัญ และเป็นสิ่งที่ฉันไม่มี ฉันไม่เคยเห็นมันเลย ถ้าเกิดฉันเจอซีรีส์ Willow ตอนอายุ 14 ฉันคงจะรู้สึกโดดเดี่ยวน้อยลง”
คุณสามารถรับชม Willow ทั้งฉบับภาพยนตร์ได้ทาง Disney+ Hotstar
Sources:
- https://decider.com/2022/12/21/willow-episode-5-kit-jade-romance-reveal/
- https://ew.com/tv/willow-queer-romance-never-received-resistance-jonathan-kasdan-says/
- https://ew.com/tv/willow-stars-ruby-cruz-erin-kellyman-break-down-epic-love-scene/
- https://laconfidentialmag.com/ruby-cruz-willow-interview
- https://www.hollywoodreporter.com/tv/tv-features/willow-episode-5-erin-kellyman-queer-representation-1235286138/
- https://www.hollywoodreporter.com/tv/tv-features/willow-episode-7-ruby-cruz-kit-jade-1235291084/
- https://www.latimes.com/entertainment-arts/tv/story/2022-12-21/willow-disney-lgbtq-kit-jade-love-story
- https://www.photobookmagazine.com/features/ruby-cruz