กลับมาอีกครั้งกับ Get To Know ที่เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับนักแสดงหน้าใหม่ที่น่าสนใจอย่าง Ruby Cruz กัน แค่ได้ยินชื่อก็อาจจะไม่ค่อยคุ้นหูสักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากบอกว่าเธอรับบทเป็นเจส เพื่อนสนิทของเอรินในซีรีส์ Mare of Easttown ทาง HBO ที่มี Kate Winslet รับบทนำ ก็อาจจะพอคุ้นๆ กันอยู่บ้าง แต่ถ้าจะเป็นบทนำที่โดดเด่นเลย ก็อาจจะต้องพูดถึงซีรีส์แฟนตาซีผจญภัยจาก Lucasfilm เรื่อง Willow ที่เพิ่งฉายจบไปนั่นเอง เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา วันนี้เราก็เลยอยากที่จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับสาวน้อยคนนี้กัน
Short Brief
เติบโต: ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา
เริ่มต้นอาชีพการแสดง: 2018
บทบาทในฝัน: “ฉันอยากเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่ฉันไม่เคยคิดว่าจะได้เข้าไปอยู่ในนั้น”
หนังโปรด: Eternal Sunshine of the Spotless Mind
Ruby Cruz กับการแสดง
Ruby Cruz เติบโตมาในลอสแอนเจลิส พื้นที่ที่รายล้อมไปด้วยภาพยนตร์และทีวี เธอบอกกับ Collider ว่าสมัยเด็กๆ เธอไปโรงภาพยนตร์ ArcLight กับครอบครัวเป็นประจำ “ArcLight คือส่วนสำคัญในวัยเด็กและตลอดการเติบโตของฉันเลย” และแม้ว่าในตอนนี้โรงภาพยนตร์แห่งนี้จะปิดตัวลง แต่ความเป็นภาพยนตร์และการแสดงก็ยังคงไหลเวียนอยู่ในตัวของรูบี้มาตลอด
“ฉันตกหลุมรักและอยากเรียนรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของฉันกับการแสดงนะ โชคดีมากที่ฉันใช้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตเรียนรู้ว่าการแสดงมันมีความหมายต่อฉันอย่างไร” รูบี้บอก และแม้ว่าเธอจะเริ่มต้นสายอาชีพด้านการแสดงของเธอในปี 2018 แต่สำหรับเธอนั้น การแสดงคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต เธอเล่นละครเวทีของโรงเรียน ทำหนังสั้นกับเพื่อนๆ และเข้าหลักสูตร Performing Arts ของโรงเรียนมัธยมอีกด้วย “ฉันรักการแสดงมาตลอดเลยนะ และรู้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่ฉันอยากทำไปตลอดชีวิตเลยด้วย มันเป็นเรื่องธรรมดามากเลยนะที่จะไล่ตามสิ่งที่ตัวเองรัก ฉันมีพื้นที่ที่จะได้สร้างสรรค์ผลงานอะไรมากมายที่ทำให้ฉันตื่นเต้นที่จะติดตามมันไป”
หนังสั้นคือสิ่งแรกๆ รูบี้ได้ทำร่วมกับเพื่อนๆ “ตอนเด็กๆ ฉันทำหนังสั้นกับเพื่อนเยอะมากๆ แต่ฉันอยากจะบอกว่า ฉันชอบทำงานที่ฉันได้ใช้เวลาอยู่กับตัวละครที่ฉันเล่นนานกว่านี้นะ การแสดงกลายเป็นเรื่องเบาสมอง ขี้เล่น และไม่จริงจังเท่าไหร่ โดยเฉพาะกับเรื่องสั้นที่ไม่ได้ผูกมัดอะไรเท่าไหร่ แต่ว่ามันก็เป็นกระบวนการที่ลึกซึ่งและซับซ้อนอยู่นะ ในการทำความรู้จักใครสักคนหนึ่ง ฉันพบว่ามันน่าสนใจมากขึ้น เมื่อฉันมีเวลาเรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวละครตัวนั้น และยิ่งคุณมีเวลาให้รายละเอียดและใส่ความเป็นตัวตนลงไป”
หลังจากเรียนจบมัธยมปลาย รูบี้เข้าเรียนที่ Theatre School ณ DePaul University ที่ชิคาโก แค่สามเดือน เพราะเธอเองก็ตัดสินใจเลือกระหว่างการเรียนกับประสบการณ์ที่เธอต้องการ “ฉันก็คาดหวังที่จะได้ไปศึกษาเรียนรู้กับสิ่งนั้นก่อนที่จะเริ่มต้นทำมันจริงๆ ฉันรู้ว่าฉันอยากทำมันอยู่แล้ว ก็เลยตัดสินใจที่จะไปเรียนต่อ ฉันก็แบบ ‘มาหาประสบการณ์ใหม่กันเถอะ ไปมหา’ ลัยกัน’ แล้วพอฉันไปเรียนที่นั่น ผู้จัดการของฉันก็บอกแบบว่า ‘กลับบ้านเถอะ ที่นี่มีโอกาสมากมายรอคุณอยู่นะ’ แล้วพอฉันไปเรียน มันก็เป็นโปรแกรมที่แบบเจ๋งมากๆ แต่โครงสร้างของมันไม่ใช่สิ่งที่ฉันรู้สึกว่ามันดีที่สุดหรือเหมาะสมที่สุด ถึงตอนนั้นฉันก็รู้แล้วว่าฉันต้องทำงานและรับประสบการณ์ที่ต้องการ มันมาพร้อมกับราคาที่ต้องแลกนะ ฉันคิดว่ามันดีที่สุดที่จะจากมา แล้วฉันก็ดีใจที่ทุกคนในชีวิตของฉันสนับสนุนการตัดสินใจนั้น เพราะมันน่ากลัวมากๆ ที่จะทำ ฉันมั่นใจในตัวเองจริงๆ ว่าฉันจะสามารถทำมันได้ และฉันก็ดีใจจริงๆ ที่ฉันเชื่อแบบนั้น”
ซึ่งรูบี้ ครูซ ก็ทำได้ดีด้วยเช่นกัน รวมไปถึงการเลือกรับบทบาทที่น่าสนใจ และความท้าทายในด้านต่างๆ และการตั้งคำถามกับตัวเองในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านความสัมพันธ์หรือศีลธรรมก็ตาม “บ่อยครั้งที่ฉันสังเกตเลยนะว่าโปรเจ็กต์ที่เหมาะสมจะเข้ามาในช่วงจังหวะชีวิตที่เหมาะสม สิ่งต่างๆ มันมักจะสอดคล้องกัน และฉันมักจะลงเอยด้วยการเรียนรู้บทเรียนสำคัญหรือรับมือกับตัวละครเหล่านั้นที่สะท้อนสิ่งที่ฉันต้องการจะเห็นในตัวของฉันเอง หรือแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ขาดหายไป” นอกจาากนี้แล้ว เธอก็ชอบการทดลองใหม่ๆ และสิ่งที่เป็นนามธรรม ไปจนถึงการปลดเปลี้ยงออก ความซื่อสัตย์ และความจริงใจ”
รูบี้บอกด้วยว่า “ฉันชอบตัวละครที่เป็นเกย์และรู้สึกโชคดีที่ได้รับเล่นบทแบบนั้น แม้ว่ามันจะเป็นแค่เพียงตัวละครเดียวก็ตาม แต่เอาจริง ตอนนี้ก็สองตามตัวแล้วนะ” สำหรับบทบาทในอนาคตของเธอ รูบี้บอกว่าเธออยากที่จะพลิกบทบาทของตัวเองและทำสิ่งที่แตกต่างจากครั้งก่อนๆ “ฉันต้องการให้มันเป็นเรื่องยากที่จะจดจำฉันได้ บางคนที่เป็นคนขี้อายและเป็นอินโทรเวิร์ต ก้อาจจะกลายเป็นสาวไฮเปอร์เฟมินีนที่เป็น femme fatale ก็ได้ หรือจะเป็นคนที่มาจากทางใต้แล้วตีกลองเก่งก็ได้ ฉันก็อยากจะลองทำดูเหมือนกัน”
“ฉันรู้สึกว่าแต่ละบทบาทสอนคุณในสิ่งที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลไหนก็ตาม คุณควรที่จะต้องเรียนรู้ในช่วงเวลานั้นๆ ฉันไม่รู้นะ การแสดงเป็นสิ่งที่ช่วยระบายให้กับฉันได้เสมอ เพราะมันเป็นประสบการณ์แบบเดียวกับฉัน มันอาจจะดูมีอารมณ์ขันก็ได้ แล้วก็แตกต่างไปแบบ แสร้งทำเป็นนั่นนี่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันชอบ และมันก็ทำให้คุณรู้สึกถึงสิ่งต่างๆ ที่คุณอาจจะละเลยที่จะรู้สึกมาในช่วงเวลาหลายปีของชีวิตคุณ”
หนังสั้น
“หนังสั้นเป็นเรื่องสนุก” รูบี้บอก เธอทำหนังสั้นมาตั้งแต่ยังเด็ก และสำหรับผลงานของเธอที่มีเครดิตชื่อของเธอนั้น ก็มีอยู่สี่เรื่องด้วยกัน นั่นก็คือ Aging Out และ The Jump ในปี 2018, Spin ในปี 2019 และ God is a Lobster ในปี 2020 ซึ่งตัวของเธอเองก็ได้ทำตามความฝันที่ต้องการ เพราะจากบทบาทที่เธอเลือกรับในหนังสั้นแต่ละเรื่อง ก็ล้วนแล้วแต่มีความแตกต่างที่โดดเด่นและน่าสนใจไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น Aging Out หนังสั้นเรื่องแรกของเธอ กับการเล่าเรื่องราวของเด็กกำพร้าในสถานรับเลี้ยง กับปัญหาของทางภาครัฐที่ยังแก้ไขไม่ได้ The Jump ชีวิตของเด็กมัธยมที่ต้องเลือกวิชาหลักของตัวเอง เพราะไม่รู้ว่าตัวเองควรจะต้องเดินไปทางไหนดี ความสับสนและหาทางลงไม่ได้ เป็นต้น
การร่วมงานกับ Kate Winslet ใน Mare of Easttown
เมื่อคุณได้ร่วมงานกับนักแสดงคนโปรด แน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่วิเศษที่สุดในชีวิต สำหรับ Ruby Cruz ก็เช่นกัน การที่ได้มาร่วมงานกับ Kate Winslet ในซีรีส์ Mare of Easttown คือสิ่งที่พิเศษและเกินความคาดหมายมากๆ แม้ว่าเธอจะรับบทเล็กๆ ของซีรีส์เรื่องนี้ก็ตาม “ฉันจำความรู้สึกกระวนกระวายจนถึงวันแรกที่ฉันได้ร่วมงานกับเธอ (Kate Winslet) เอาจริง ฉันไม่ค่อยประหม่าเวลาอยู่กับนักแสดงคนอื่นๆ เท่าไหร่นะ เพราะว่าเขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน”
กองถ่าย Mare of Easttown มันใหญ่มาก และรูบี้เองก็ได้เจอกับนักแสดงมากมายอีกด้วย “คือตรงนั้นมันใหญ่แล้วก็มากหน้าหลายตาสุดๆ เธอ (เคท) อยู่ที่นั่นเสมอไม่ว่าเธอจะคุยกับใคร ฉันชื่นชมเธอมากๆ ที่เธอเป็นเธอ แล้วงานของเธอก็ด้วย ฉันได้บทค่อนข้างเล็กนะ แล้วมันก็เป็นโปรดักชั่นขนาดใหญ่ ที่ฉันจะไปถ่ายแค่แบบ สองสามวันทุกเดือน แล้วทุกครั้งที่ฉันกลับมา เธอก็จะแบบ ‘เป็นไงบ้างรูบี้’ แล้วก็ถามคำถามกับฉัน จำสิ่งต่างๆ เหล่านั้นได้ มันทำให้ฉันรู้สึกสบายใจในพื้นที่ที่ไม่คุ้นเคยแบบนี้ด้วย”
รูบี้ยังบอกต่อด้วยว่า “เคทเป็นคนที่อบอุ่นและต้อนรับอย่างดีมากๆ เลย เธอเป็นคนที่มีพลังแล้วก็ใส่ใจเวลาที่คุณพูด แม้กระทั่งกับฉันก็ตาม เวลาเข้ากองถ่ายนะ ความกังวลต่างๆ ก็หมดไป มันเป็นความรู้สึกที่ดีที่ได้ร่วมทำงานกับคนที่มีความมุ่งมั่นและเต็มไปด้วยความสามารถ แล้วมันก็ทำให้สิ่งต่างๆ ง่ายขึ้นมากเลย”
“เคทเป็นคนที่ทำให้ฉันเห็นถึงความสำคัญของการสนับสนุนและซัพพอร์ตเพื่อนร่วมงาน การปล่อยให้ตัวเองอ่อนแอและสร้างสิ่งที่เป็นความจริงนั้น ต้องอาศัยการให้และการรับฟังเป็นอย่างมาก ฉันหวังจะได้พบกับเธออีกครั้งและขอบคุณที่เธอเป็นคนซัพพอร์ตคนอื่นแบบนี้”
ประสบการณ์จาก Willow
Willow ซีรีส์แฟนตาซีผจญภัยจาก Lucasfilm ที่เล่าเรื่องราวการผจญภัยของผู้วิเศษ ผู้กล้า อัศวิน และเด็กแห่งคำทำนาย ผู้รอดชีวิตจากแม่มดผู้ชั่วร้าย ที่เต็มไปด้วยความบันเทิง แต่ในขณะเดียวกัน ก็ยังคงบอกเล่าจักรวาลอันกว้างใหญ่ ที่ชวนให้คุณสัมผัสความมหัศจรรย์และความน่าสนใจกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตัวของ Ruby Cruz รับบทเป็น Princess Kit Tanthalos เจ้าหญิงแห่งเทียร์แอสลีน บุตรของราชินีซอร์ช่าและแมดมาร์ติแกน
แต่สำหรับบทบาทนี้ เดิมที่ไม่ใช่ของ Ruby Cruz แต่เป็นของ Cailee Spaeny เพื่อนร่วมงานจากซีรีส์ Mare of Easttown แต่ตารางงานของเธอกลับไม่ลงตัว บทบาทนี้ก็เลยมาตกอยู่ที่รูบี้นั่นเอง “โปรเจ็กต์นี้เข้ามาในชีวิตของฉันครั้งแรกผ่านเพื่อนของฉัน [Cailee Spaeny] แล้วฉันก็แบบ ‘นี่มันเป็นโอกาสที่โคตรเจ๋งเลย’ แต่อะไรหลายๆ อย่างก็ไม่ได้ลงตัวสำหรับเธอ ทั้งตารางงานนู่นนี่นั่น แล้วพอฉันต้องไปออดิชั่น ฉันก็แบบ ‘อะไรกันเนี่ย โปรเจ็กต์นี้มันเข้ามาในชีวิตของฉันด้วยเหตุผลบางอย่าง เพราะงั้นฉันก็ควรที่จะรับงานนี้ดีกว่า’ นี่คือสิ่งที่ฉันรู้สึก” และบทบาทนี้ก็คือหนึ่งในประสบการณ์ที่พิเศษของรูบี้อีกด้วย “ฉันอยู่กับคิทมาเกือบหนึ่งปีในชีวิต และค้นพบตัวตนของเธอเหมือนกับที่เธอค้นพบต้วเอง”
ตัวละครของคิทที่เราเห็นผ่านซีรีส์ ก็จะเป็นตัวละครที่แข็งนอก แต่เปราะบาง เป็นคนที่ดูแข็งกร้าว แต่จริงๆ แล้วกลับเต็มไปด้วยบาดแผลที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้ รูบี้ ครูซ บอกว่าตัวละครนี้เป็นตัวละครที่พิเศษมากๆ และเธอก็ตื่นเต้นที่ทุกคนจะได้พบและทำความรู้จักกับคิท “คิทเป็นตัวละครที่ซับซ้อน และยอดเยี่ยมมากๆ ที่ได้เล่นเป็นคนที่พูดจาโผงผาง ไม่กลัวที่จะพูดจาตรงไปตรงมาและขวานผ่าซาก และฉันคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่เธอสอนฉันอย่างมากมายที่จะอยู่ในหัวแบบนั้น และการที่เป็นหญิงสาวที่ทรงพลังและแข็งแกร่ง มันก็สนุกจริงๆ แต่ฉันคิดว่าผู้คนจะเชื่อมโยงกับเธอเพราะว่าเธอเป็นคนที่ซับซ้อน ยุ่งเหยิง และทำผิดพลาด แล้วเธอก็พาตัวเองไปอยู่ในพื้นที่ที่ตึงเครียดแบบนั้น เธอต้องเรียนรู้จากสิ่งต่างๆ เหล่านี้ และนั่นก็เป็นสิ่งที่มีความเป็นมนุษย์มาก ฉันหวังว่าผู้คนจะได้เห็นตัวเองในนั้น ฉันรู้ว่าฉันอยากที่จะเห็นเจ้าหญิงดิสนีย์ที่มองว่าใครทำผิดอยู่บ่อยๆ เพราะว่ามันยากที่จะยอมรับนะว่าตัวเองคิดผิด”
สำหรับการรับบทเป็นคิท เจ้าหญิงดิสนีย์คนแรกที่เป็นเควียร์ (แบบตะโกน) นั่นถือเป็นก้าวกระโดดที่ยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะในวงการบันเทิงที่ยังขาดการนำเสนอความเป็นเควียร์ที่เหมาะสม “ในวงการนี้มันยังขาดการนำเสนอความเป็นเควียร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับแฟนผลงานแฟนตาซี มันก็เลยเป็นเหตุผลที่ว่าเรื่องราวของพวกเขา [คิทและเจด] มีความสำคัญต่อเรื่องนี้เป็นอย่างมาก” เธอเสริมต่อว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครของฉัน ‘คิท’ และเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ ‘เจด’ มันเป็นการเล่าเรื่องราวของผู้หญิงสองคนที่ตกหลุมรักกันได้สวยงามมากๆ มันมาพร้อมกับความยุ่งเหยิง ความสับสน ความกลัว และแน่นอนว่ามันถูกเบี่ยงเบนความสนใจไปกับการต่อสู้ปีศาจและเกมจิตวิทยา”
“ฉันคิดว่าสำหรับเรา ในฐานะของเควียร์ การได้รับโอกาสที่ได้มาสำรวจมิตรภาพของเควียร์ผ่านจอมันเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากๆ แล้วมันก็อาจจะสร้างความสับสนให้กับคิทก็ได้ เขาตั้งคำถามกับหลายๆ อย่างเมื่อเติบโตขึ้น อยากที่จะอยู่กับคนนี้มั้ย หรืออยากที่จะเป็นแบบคนนั้น นั่นเป็นสิ่งที่ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าเควียร์หลายๆ คนก็เผชิญหน้ากับสิ่งนั้นมาด้วย”
ซึ่งการรับบทบาทนี้ ที่ตัวละครเป็นเควียร์ ถือเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่สำหรับรูบี้มากๆ เธอบอกกับ Photobook Magazine ว่า “การที่สามารถถ่ายทอดความสัมพันธ์แบบเควียร์ที่แท้จริงแบบนี้ถือเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่สำหรับฉัน ถ้าเกิดฉันโตมากับเจ้าหญิงอย่างคิท ที่คอยสนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเพื่อนสนิท ฉันคิดว่าฉันน่าจะเข้าใจตัวเองมากขึ้นเร็วกว่านี้มาก การได้เห็นตัวเองเป็นตัวแทนสิ่งนี้คือสิ่งที่มีค่ามหาศาล และการได้เห็นสิ่งที่ส่งผลต่อผู้ชมจำนวนมากถือเป็นรางวัลที่คุ้มค่ามากๆ สำหรับข้อมูลประชากรจำนวนมาก ทั้งเรื่องของเชื้อชาติไปจนถึงเพศ ไปจนถึงความก้าวหน้าของเราในการเป็นตัวแทนของคนเล็ก มันให้จุดหมายกับสิ่งที่ฉันจะทำเป็นหลัก”
BOTTOMS
ผลงานใหม่ของรูบี้ที่ถือเป็นผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกนั้น เธอร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่อง Bottoms ของ Emma Seligment ผู้กำกับ Shiva Baby ที่ได้ Rachel Sennott กลับมาร่วมงาน รวมไปถึง Ayo Edebiri (Big Mouth) ที่มาร่วมแสดงด้วย เรื่องนี้เกี่ยวกับ เควียร์สองคนในโรงเรียนไฮสกูลที่ร่วมกันตั้ง fight club ขึ้นมา เพื่อที่ตัวเองจะได้มีเซ็กซ์ก่อนเรียนจบ
ตัวของรูบี้ก็ตื่นเต้นกับผลงานนี้เป็นอย่างมาก “ทั้งเรเชลและเอ็มม่าเป็นคนที่อัจฉริยะสุดๆ ฉันชื่นชมพวกพวก แล้วพวกแเขาก็เป็นไอดอลของฉันเลยก็ว่าได้ ฉันรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของผลงานเหล่านี้ของพวกเขา”
แน่นอนว่าการร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ถือว่าเป็นความท้าทายของเธอเป็นอย่างมาก “นี่เป็นสิ่งที่มีความหมายกับฉันตลอดไปเลย มันเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของฉัน มันเกย์มากๆ แล้วมันก็เป็นโอกาสที่ดีที่ได้ร่วมงานกับนักสร้างหนังและนักแสดงรุ่นใหม่ที่ฉันชื่นชมเลยล่ะ” เธอเสริมต่อด้วยว่า “ความฝันของฉันคือการได้สร้างหนังตลกนะ แล้วเมื่อฉันจินตนาการถึงสิ่งนี้ ฉันก็จะเห็นเพื่อนสนิทของตัวเองและตัวของฉันอยู่ในนั้นด้วย มันน่าสนใจเลยล่ะที่เราได้รับการว่าจ้างให้เล่นตลกกับกลุ่มคนแปลกหน้า แน่นอนว่าฉันลงเอยด้วยการพบกับคนที่สนุกที่สุดที่ฉันรู้จัก แล้วก็ได้เจอกับผู้คนที่น่าทึ่ง มันสวยงาม และสำคัญกับชีวิตด้วย แต่บางครั้งการเข้าสังคมมันก็ยากนะ เป็นเรื่องน่าสนใจที่เราจะต้องเรียนรู้แล้วปล่อยตัวสบายๆ ในตอนแรก เพื่อให้รู้สึกปลอดภัยพอที่จะแสดงความตลกออกมาได้ มันเป็นความท้าทายอีกหนึ่งอย่างคือการที่ฉันผ่านการเลิกราในช่วงที่ถ่ายทำเรื่องนี้ ฉันต้องแบ่งความรู้สึกที่ซับซ้อนของฉันเอาไว้ ฝังมันลงไป แล้วก็ถ่ายทำทุกวัน เป็นคนตลก แต่เปล่าเลย ฉันแน่ใจว่าหลายๆ คนสามารถรีเลทกับมันได้ ไม่ว่าจะเป็นนักแสดง พนักงานบริการ คนที่ต้องทำงานกับเด็ก การทำให้มันเป็นเรื่องส่วนตัวและเป็นคนที่เปิดใจอยู่ตลอดเวลา ก็อาจจะเป็นเรื่องยากในบางครั้ง”
sources:
- https://collider.com/willow-ruby-cruz-interview-disney-plus/
- https://comicbookmovie.com/fantasy/willow-interview-dempsey-bryk-airkand-ruby-cruz-kit-tease-their-unique-sibling-dynamic-exclusive-a198034
- https://laconfidentialmag.com/ruby-cruz-willow-interview
- https://screenrant.com/willow-dempsey-bryk-ruby-cruz-interview/
- https://www.latimes.com/entertainment-arts/tv/story/2022-12-21/willow-disney-lgbtq-kit-jade-love-story
- https://www.photobookmagazine.com/features/ruby-cruz