หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบผลงานแฟนตาซี บู๊จัดๆ ชวนตั้งคำถามกับศาสนา การเมือง เพศ และความสัมพันธ์ของตัวละคร เราขอแนะนำให้คุณรู้จักกับซีรีส์แฟนตาซีเรื่อง Warrior Nun ทาง Netflix ที่ฉายซีซั่นแรกเมื่อปี 2020 และซีซั่นที่สองในปี 2022 ซีรีส์ดีๆ บนสตรีมมิ่งชื่อดัง แต่โปรโมตน้อยมาก จนต้องอาศัยปากต่อปากบอกต่อกัน ซีรีส์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของเด็กสาวอายุ 19 ที่ฟื้นจากความตาย และกลายเป็นนักรบแม่ชีคนใหม่ของคณะนักบวชหญิงคาทอลิกอันเป็นความลับ เพื่อต่อสู้กับปีศาจที่ต้องการจะยึดครองโลกใบนี้ วันนี้เราจะพาทุกคนไปดูเหตุผลทั้ง 7 ประการ ที่คุณควรเพิ่มซีรีส์เรื่องนี้ลงไปในลิสต์ที่ควรดูของคุณ
ตัวหลักเป็นผู้หญิง
แน่นอนว่าทุกวันนี้ ซีรีส์หลายๆ เรื่องก็มีตัวหลักเป็นผู้หญิงกันทั้งนั้น แต่สำหรับ Warrior Nun แล้ว ตัวละครหลักก็คือ Ava Silva เด็กหญิงวัย 19 ปี ที่ฟื้นจากความตาย ซึ่งก่อนหน้านี้ เธอประสบอุบัติเหตุ ทำให้เป็นอัมพาตตั้งแต่คอลงไป และการที่เธอฟื้นขึ้นมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่งนั้น คุณจะสัมผัสถึงความคิด มุมมอง และความวุ่นวายในชีวิตของตัวละครนี้ได้โดยชัดเจน
นอกจากนี้แล้ว ก็ยังมีซิสเตอร์จากคณะดาบกางเขน (Order of the Cruciform Sword) คณะนักบวชลับของศาสนจักรคาทอลิกในเรื่องนี้ แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สักเท่าไหร่ แต่โดยมากแล้วเรามักจะเห็นเป็นผู้ชายเป็นตัวหลักเสียมากกว่า แต่สำหรับ Warrior Nun นักบวชหญิงเป็นผู้ควบคุฒคณะนักบวชนี้ และอยู่ภายใต้การควบคุมของศาสนจักรคาทอลิกอีกทีหนึ่ง เหล่าซิสเตอร์นักรบเหล่านี้ย่อมอุทิศชีวิตของตัวเองเพื่อรับใช้มนุษย์และปกป้องพวกเขาจากปีศาจ วิญญาญชั่วร้าย และปกป้องนักรบแม่ชี (Warrior Nun) ผู้ได้รับมอบหมายให้ได้รับพลังอันยิ่งใหญ่ที่สืบทอดมาจากอาเรียล่า อัศวินหญิงคนแรกที่ได้รับเฮโลนั่นเอง
การใช้พลังและการเล่าถึงตำนาน
สำหรับเรื่องราวในส่วนนี้ คนที่เป็นนักรบแม่ชี หรือ Warrior Nun จะได้รับ เฮโล หรือ Halo ที่จะช่วยในการขยายพลังและความสามารถของเขา โดยพลังของคนที่ได้รับเฮโลนั้น จะสามารถทำได้หลากหลายอย่าง เรียกได้ว่าพลังของคนที่ได้รับเฮโลจะเหมือนโกงเกมมาเลย แต่อย่างไรก็ดี มีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย ซึ่งข้อเสียนั้น คุณก็ต้องไปรับชมในซีรีส์กันต่อไป
นอกจากนี้แล้ว ก็ยังเล่าไปถึงตำนานเก่าแก่ที่มีการบันทึกไว้ ของผู้ก่อตั้งคณะดาบกางเขน เกี่ยวกับเฮโลอีกด้วย แน่นอนว่าตอนนี้เรื่องราวดำเนินมาถึงซีซั่นสองแล้ว การเล่าเรื่องราวตำนานนั้น ก็จะถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่งด้วยกัน ทั้งฝั่งผู้รับเฮโล และฝั่งผู้มอบเฮโล รวมไปถึงการเชื่อมโยงถึงภพและมิติอื่น รวมไปถึงนรกและสวรรค์อีกด้วย
วิชวลเอฟเฟกต์ไม่ไก่กา
หลายครั้งที่เรารับชมซีรีส์แฟนตาซี พวกซีจีเอย วิชวลเอฟเฟกต์เอย มันค่อนข้างจะไม่เนียน หรือบางครั้งชมภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แต่ซีจีลอยมากๆ สำหรับซีรีส์ Warrior Nun ทีมวิชวลเอฟเฟกต์อย่าง The Embassy ก็ได้บอกเอาไว้ว่าพวกเขาเริ่มออกแบบแนวคิดมาตั้งแต่ช่วงเริ่มขั้นตอนการผลิตจนสินสุดการถ่ายทำ และทำงานร่วมกับทีมต่างๆ โดยเฉพาะในซีซั่นสองที่จะเต็มไปด้วยฉากบู๊ ฉากต่อสู้กับ Tarasks และ Wraiths ปีศาจร้าย ไปจนถึงการใส่ซีจีในฉากโหดๆ การเปลี่ยนชิ้นส่วนของร่างกายต่างๆ เป็นต้น รับรองได้เลยว่า ดูแล้วไม่หงุดหงุดเรื่องเอฟเฟกต์แน่นอน
คอสตูมและฉากต่อสู้
เราจะสังเกตเห็นหลายครั้งว่าในผลงานแอคชั่น ชุดของผู้หญิงจะต้องดูเซ็กซี่ รัดรูป เห็นทรวดทรง และทำให้หลายๆ ครั้งหลายเป็น sex object ของผู้ชมได้ง่ายๆ แต่สำหรับ Warrior Nun ก็ได้มีการออกแบบให้เสื้อผ้าสามารถพลิ้วไหวและเคลื่อนตัวได้ถนัดยิ่งกว่าชุดที่นักบวชหญิงคาทอลิกสวมใส่ เพื่อพร้อมสำหรับการต่อสู้ในแต่ละครั้ง รวมไปถึงช่องสำหรับใส่อาวุธที่แตกต่างกันออกไป เพราะซิสเตอร์แต่ละคนก็มีความถนัดที่แตกต่างกัน
นอกจากนี้แล้วสำหรับฉากต่อสู้ ก็ต้องบอกว่าในซีซั่นแรก จะมีฉากลองเทคแอคชั่นที่ยาวนานของตัวละครอย่างซิสเตอร์เบียทริซให้พวกเราได้รับชมกัน ในสำหรับซีซั่นสองนั้น ฉากแอคชั่นไม่ได้จำกัดอยู่แค่ซิสเตอร์คนใดคนหนึ่งเป็นหลัก แต่เปิดโอกาสให้ผู้ชมได้เห็นฝีไม้ลายมือของแต่ละคนว่ามีความเก่งกาจในด้านใดกันบ้าง อีกทั้งตัวนักแสดงยังให้สัมภาษณ์อีกด้วยว่า พวกเธอได้แสดงซีนต่อสู้เองในฉากเหล่านั้นกว่า 80% อีกด้วย แม้ว่าจะมีนักแสดงสตั๊นท์คอยซัพพอร์ตก็ตาม
ศาสนา vs. วิทยาศาสตร์
แน่นอนว่าเรื่องนี้ก็ต้องมีการพูดถึงมุมมองของศาสนาและวิทยาศาสตร์ และใน Warrior Nun ก็หยิบมันมาใช้เพื่อเล่าเรื่องราวที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ทั้งตัวศาสนจักรคาทอลิก ที่กำลังพยายามสร้างภาพจำให้กับผู้ศรัทธาและรับรองว่าไม่มีสิ่งประดิษฐ์หรือวัตถุเหนือธรรมชาติอยู่ในมือของคนธรรมดาหรือคนในวงการวิทยาศาสตร์ และควบคุมพร้อมชักจูงความเชื่อความศรัทธาของพวกเขาให้ขึ้นตรงต่อศาสนจักรคาทอลิก
แต่ในขณะเดียวกัน ทางฟากของนักวิทยาศาสตร์ ก็ต้องการที่จะเปิดเผยว่าศาสนจักรนั้นมีการเก็บซ่อนความลับอยู่ในนั้น พวกเขาเองก็เชื่อว่ามีสิ่งประดิษฐ์ที่สามารถเปิดประตูเชื่อมสู่มิติอื่นทั้งในโลกเบื้องล่างหรือแม้แต่สวรรค์ ก็สามารถตรงไปถึงได้ อีกอาจจะสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการรักษาโรคให้กับโลกใบนี้ได้อีกด้วย แต่อย่างไรก็ดี นี่ถือเป็นข้อห้ามของศาสนจักร และพยายามที่จะมีการปกปิดข้อมูลนี้ไม่ให้ถูกเปิดเผยออกไป
การค้นหาเรื่องราวของตัวเอง
เอวา เด็กสาวผู้ที่เป็นอัมพาตตั้งแต่คอลงมา และเสียชีวิตลงในตอนแรก กลับกลายว่าเขาได้ฟื้นคืนชีพอีกครั้ง และการเดินทางครั้งใหม่ของเธอก็เริ่มต้นขึ้น แต่มันก็ดูจะยากกว่าที่คิด เธอตัดสินใจที่จะวางแผนจะใช้ชีวิตอย่างเด็กวัยรุ่นทั่วไปที่เธอไม่เคยมี แต่สุดท้ายแล้ว เธอก็ยังคงต้องเลือกเส้นทางเดินของตัวเอง ว่าจะยอมรับในโชคชะตาของเธอ หรือหลบเลี่ยงและหลีกหนีจากสิ่งนั้นไป
และสิ่งที่สำคัญที่สุดของเรื่องนี้นอกจากการปกป้องพวกพ้องและการต่อสู้ปีศาจ ก็คือการยอมรับและเข้าใจในตัวตนของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาเรื่องราวในอดีตของตัวละครผู้ได้รับเฮโล การยอมรับในตัวตนและสิ่งที่เกิดขึ้น ไปจนถึงการเปิดรับความรักในแง่มุมต่างๆ ซีรีส์เรื่องนี้ก็สามารถพาเราไปสู่จุดนั้นได้ และอาจจะเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งซีรีส์ที่เล่าเรื่องราวของตัวละครแซฟฟิคได้อย่างสวยงามไม่แพ้เรื่องอื่นๆ เลยล่ะ
มิตรภาพ ความสัมพันธ์ของตัวละคร
สิ่งสุดท้ายที่อยากจะพูดถึงในซีรีส์ชุดนี้ก็คือ ความสัมพันธ์ของตัวละคร ที่นานวันเข้า ยิ่งทำให้ผู้ชมตกหลุมรักในตัวละครทุกๆ ตัวได้ไม่ยาก ทั้งการเล่าเรื่อง บท และตัวนักแสดงที่ถ่ายทอดออกมานั้น ทำให้ผู้ชมอย่างเราๆ อยากที่จะติดตามเรื่องราวต่อๆ ไปได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวการใช้ชีวิตของเอวา ซิสเตอร์เบียทริซ ซิสเตอร์คามิลล่า แมรี่ปืนโหด ซิสเตอร์ลิลิธ คุณแม่อธิการ คุณพ่อวินเซนต์ คาร์ดินัลดูเร็ตตี้ จิลเลี่ยน และอีกหลายคน