ในวันที่ 11 ตุลาคมของทุกปี ถือเป็นวัน National Coming Out Day ของสหรัฐอเมริกา ที่จะสร้างความตระหนักถึงบุคคลในชุมชน LGBTQIAN+ และโอบรับทุกคนในชุมชน ซึ่งการใช้คำว่า Come Out นั้น ก็มาจากวลีที่ว่า Come out of the closet หรืออกมาจากตู้เสื้อผ้า ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวร่วมกับเพื่อนหรือครอบครัว เพื่อเปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องอัตลักษณ์ทางเพศ (sexuality) ของตัวเอง
ประวัติความเป็นมาของวัน National Coming Out Day
National Coming Out Day ก่อตั้งขึ้นในปี 1988 โดย Dr. Robert H. Eichberg นักจิตวิทยา และ Jean O’Leary นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิเกย์ เพื่อปลุกจิตสำนึกของชุมชนเลสเบี้ยน เกย์ ไบเซ็กชวล และคนข้ามเพศ (LGBT) และขบวนการสิทธิพลเมือง พวกเขาเลือกวันที่ 11 ตุลาคมเพื่อเป็นวันครบรอบของการเดินขบวนใหญ่ระดับชาติครั้งที่ 2 ที่กรุงวอชิงตันเพื่อสิทธิเลสเบี้ยนและเกย์ ซึ่งเกิดขึ้นในปี 1987 ด้วยจำนวนผู้เข้าร่วมประมาณครึ่งล้าน คนจึงเกือบห้าเท่าของการเดินขบวนครั้งแรกในปี 1979 วันออกมาแห่งชาติเป็นที่สังเกตทั่วทั้งสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ ทั่วโลก และในปี 1990 มีได้มีการเฉลิมฉลองทั่วทั้ง 50 รัฐ ในสหรัฐอเมริกา
“คนส่วนใหญ่คิดว่าพวกเขาไม่รู้จักใครที่เป็นเกย์หรือเลสเบี้ยน และจริงๆ แล้ว พวกเขารู้จัก” ซึ่งตัวของ Dr. Robert H. Eichberg ก็เคยได้กล่าวเอาไว้ในปี 1993 ตามรายงานข่าวมรณกรรมของเขาบนนิวยอร์กไทม์สที่ว่า “มันเป็นสิ่งจำเป็นที่พวกเราจะต้องเปิดตัวให้ผู้คนรู้ว่าเราเป็นใคร และเลิกใช้ความกลัวและทัศนคติที่ไม่ดีต่อคนในชุมชน LGBTQIAN+”
การคัมเอาท์คืออะไร?
การคัมเอาท์ หรือ Come out ย่อมาจาก Coming out of the closet เป็นเหมือนคำอุปมาอุปมัยที่ใช้พูดถึงคนที่เป็น LGBTQ+ และถือเป็นการเปิดเผยรสนิยมทางเพศและ/หรืออัตลักษณ์ทางเพศของตนกับผู้อื่นโดยสมัครใจ แน่นอนว่ากระบวนการนี้ถือเป็นกระบวนการที่มีความเฉพาะเจาะจงสำหรับแต่ละคน และไม่มีถูกไม่มีผิด
ตามข้อมูลของ George Chauncey นักวิชาการ ที่พูดถึงเกี่ยวกับวัฒนธรรมเกย์สมัยใหม่อย่าง Gay New York ก็ได้บอกว่า คำอุปมาอุปมัยนี้ ไม่ได้ถูกใช้โดยชาวเกย์จนถึงปี 1960 และไม่ปรากฏที่ใดเลย ไม่ว่าจะเป็นบันทึกของเกย์มูฟเมนต์ นวนิยาย ไดอารี่ หรือจดหมายของเกย์และเลสเบี้ยนด้วย ในหลายๆ ครั้ง ก็มีการใช้คำอื่นเพื่อเปรียบเทียบ อย่างเช่น การสวมหน้ากาก การถอดหน้ากาก การมัดผม หรือการปล่อยผมลง หรือการติดกิ๊บผม เป็นต้น
ในปัจจุบันนี้ การคัมเอาท์ ถือเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และกล้าหาญเป็นอย่างมาก เพราะในสังคมก็ยังมีการกัดกันหรือไม่ได้เข้าใจคนในชุมชน LGBTQIAN+ ในหลายๆ แง่มุม จนอาจจะทำให้เกิดความกลัว ความวิตกกังวล และความรู้สึกอื่นๆ อีกมากมายตามมาได้ภายหลัง การที่เขาตัดสินใจที่จะเปิดตัวกับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง นั่นหมายความว่าเขาตัดสินใจอย่างหนัก และเต็มไปด้วยความกล้าหาญที่จะกล้าพูดออกไป
หากมีคนเลือกมาคัมเอาท์กับคุณ ควรจะทำตัวอย่างไร
อันดับแรกที่ควรจะต้องให้ความสำคัญเลยก็คือ หากมีคนตัดสินใจมาคัมเอาท์กับคุณ แสดงว่าคุณมีความสำคัญต่อพวกเขา ทำให้เขามั่นใจได้มากๆ ว่าเมื่อเขาคัมเอาท์กับคุณแล้ว มิตรภาพก็ยังเหมือนเดิม และได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องเพราะส่วนใหญ่แล้วเราก็มักจะพบกับคำถามที่ถูกถามต่อๆ มา และรวมไปถึงการถูกปฏิเสธและสูญเสียมิตรภาพที่ดีที่เคยเป็นมาด้วยเช่นกัน
สิ่งที่ควรทำเมื่อมีคนมา come out
- ขอบคุณที่มาบอก ขอบคุณที่เชื่อใจเรา แล้วเอาเรื่องนี้มาบอกกับเรา
- กอด (ถ้าอีกฝ่ายอนุญาต)
- เคารพความเป็นส่วนตัวของเขา
- เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับคอมมูนิตี้และปัญหาที่พวกเขาเจอ นั่นจะช่วยให้เราสามารถทำความเข้าใจและสนับสนุนเพื่อนได้ดีขึ้น แต่ห้ามลืมเลยว่าประสบการณ์ของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน
- ควรที่จะต้องถามว่า มีอะไรที่ทำให้คุณได้บ้างมั้ย
สิ่งที่ไม่ควรทำเมื่อมีคนมา come out
- ไม่ควรตอบโต้ในทางที่ไม่ดี: อันนี้ต้องใส่ใจเป็นอย่างมาก เพราะถ้าหากเราตอบโต้ออกไปในรูปแบบที่ไม่ดี นั่นถือเป็นการทำร้ายพวกเขา ทำให้พวกเขารู้สึกถูกปฏิเสธ และอาจส่งผลต่อสุขภาพจิตอีกด้วย
- ไม่ควรบอกว่าแบบ ฉันว่าแล้วว่าเธอต้องเป็น ฉันรู้มาตั้งนานแล้ว
- ไม่ควรไปป่าวประกาศบอกคนอื่นว่าเขาเป็นอะไร เพราะนั่นเป็นเรื่องของเขาว่าเขาจะตัดสินใจบอกคนอื่นเมื่อไหร่ ด้วยวิธีไหน
- ไม่ควรบีบให้เขาต้องคัมเอาท์ออกมา
- ไม่ควรบอกว่า มันไม่ได้สำคัญสำหรับฉันนะ แต่ควรบอกว่า ขอบคุณที่วางใจที่จะบอกกับฉัน หรือบอกว่า มันไม่ได้เปลี่ยนความรู้สึกที่เคยมีมาก่อนเลย หรือว่าพูดในเชิงบวกแทน
Sources:
- https://nationaltoday.com/national-coming-out-day/
- https://www.apa.org/pi/lgbt/resources/coming-out-day
- https://www.cbc.ca/kids/articles/what-is-national-coming-out-day
- https://www.mentalfloss.com/article/50405/what-origin-phrase-come-out-closet
- https://www.nytimes.com/1995/08/15/obituaries/robert-eichberg-50-gay-rights-leader.html