“สิ่งที่ House of the Dragon ทำได้ดีก็คือการที่อธิบายถึงโครงสร้างของปิตาธิปไตยที่ [Rhaenyra และ Alicent] อาศัยอยู่ภายในนั้น ที่มันกำลังพยายามผลักดันให้เกิดช่องว่างระหว่างพวกเขา นั่นคือวิธีที่คุณรวบรวมอำนาจของผู้ชาย และยังคงทำให้ผู้หญิงดูอ่อนแอกว่านั้นคือการทำลายมิตรภาพที่สร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และทำให้เกิดจินตนาการของความเป็นจริงใหม่เกิดขึ้น” Emma D’Arcy ผู้รับบท เจ้าหญิงเรนีร่า ทาร์แกเรียน ให้สัมภาษณ์กับ Vogue ถึงจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในซีรีส์ House of the Dragon ที่มันเกิดขึ้นจากปิตาธิปไตยที่ครอบงำสังคม อีกทั้งยังส่งผลเสียทั้งต่อตัวละครหลักอย่างเรนีร่าและอลิเซนต์ และตัวละครชายอื่นๆ ที่ยังคงติดหล่มปิตาธิปไตยนี้ด้วย
Patriarchy ระบบชายเป็นใหญ่ เห็นได้ใน House of the Dragon
Patriarchy / ปิตาธิปไตย / ระบบชายเป็นใหญ่ คือ ระบบที่เอื้อให้เพศชายหรือความเป็นชาย มีสิทธิและอำนาจเหนือกว่าเพศอื่น ดูมีความเป็นผู้นำสูง อีกทั้งยังนิยมชมชอบลูกชายมากกว่าลูกสาว รวมไปถึงวัฒนธรรมการข่มขืนที่ผู้หญิงไม่ยินยอมในการร่วมเพศ ทั้งที่ใช่หรือไม่ใช่ภรรยาของตน และหลายๆ ครั้ง ผู้ชายบางส่วนก็ยังคิดว่าตัวเองไม่ถูกกดทับจากปิตาธิปไตย แต่จริงๆ แล้วผู้ชายก็ถูกกดทับได้เช่นกัน
อย่างในซีรีส์ชุดนี้ที่ คริสตัน โคล ชายหนุ่มบ้านๆ ที่เข้ามาคัดเลือกเป็นอัศวิน จนเป็นราชองครักษ์ของกษัตริย์วิเซริส เขาเองก็ยังคงติดหล่มปิตาธิปไตยอยู่ เพราะว่าในโลกที่ปิตาธิปไตยยังคงปกคลุม ระบบชนชั้นก็ยังคงทำงานอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของอำนาจ ฐานะ ชาติตระกูลเอง ก็ยังเป็นหนึ่งในปัญหาและปัจจัยหลัก ที่ทำให้เกิดการกดทับ ทำให้เขาต้องกดดันตัวเองอย่างหนัก และหนำซ้ำ ยังไปกดทับคนอื่น เพื่อให้ตัวเองได้รับการยอมรับ และประคับประคองสถานะของตัวเองในโลกนั้นต่อไปเรื่อยๆ
“จุดเริ่มต้นของทุกสิ่งที่เกิดขึ้น คือบาดแผลและความบอบช้ำที่เกิดขึ้นกับทั้งสองคนตั้งแต่แรกเริ่มของเรื่อง และบาดแผลเหล่านี้ ก็กลายมาเป็นกลไกที่ขับเคลื่อนพฤติกรรมในภายหลัง และเมื่อมีความเจ็บปวดพื้นฐานมานิยามคุณ การให้อภัยก็ถือเป็นเรื่องใหญ่ แม้กระทั่งกับคนที่เคยเป็นคนที่มีความสัมพันธ์อย่างอลิเซนต์ที่มีต่อเรนีร่า” Emma D’Arcy ให้สัมภาษณ์กับ Vogue เกี่ยวกับจุดเริ่มต้นของเรื่องราวต่างๆ นานาที่เกิดขึ้นในซีรีส์ชุดนี้
แม้ว่าในอดีต แฟรนไชส์ Game of Thrones จะได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากการใช้และการปกป้องการใช้ความรุนแรงทางเพศเพื่อสื่อถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แต่สำหรับ House of the Dragon นั้น ทาง executive producers ก็ได้ยืนยันว่าซีรีส์เรื่องนี้จะไม่ผลิตซ้ำความผิดพลาดในอดีตด้วยการแสดงความรุนแรงต่อผู้หญิงบนหน้าจอ
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีการนองเลือด การตัดอวัยวะ การต่อสู้แบบประชิดตัว สนามรบที่เกลื่อนไปด้วยร่างไร้วิญญาณ และฉากเซ็กซ์ที่ชวนให้ตั้งคำถาม แต่ตามที่ Emma D’Arcy ก็ได้อธิบายเอาไว้ว่า “ความแตกต่างพื้นฐานประการหนึ่งก็คือ นี่คือซีรีส์ที่สร้างขึ้นมาจากผู้หญิงสองคน ที่พยายามเล่าเรื่องผ่านมุมมองของพวกเขา ทันในนั้น คุณก็จะพูดถึงมุมมองที่แตกต่างออกไป” เขายังพูดต่ออีกว่า “นี่เป็นซีรีส์ที่พาไปเห็นถึงความรุนแรงของปิตาธิปไตย แทนที่จะมองว่าเป็นมันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเรื่องราวแฟนตาซี ฉันไม่คิดว่ามันเป็นการยกย่องหรือสร้างโรแมนติไซส์ให้กับนักล่าและการกดขี่ แต่มันเป็นการพูดถึงว่าพวกเขาอยู่ตรงนั้น”
และสำหรับความสัมพันธ์ระหว่างเรนีร่าและเดม่อนนั้น พวกเขาก็สร้างมันขึ้นมาในรูปแบบเดียวกัน อีกทั้งยังเสริมสร้างความรุ่งเรืองให้กับทาร์แกเรียนอีกด้วย “แต่เรนีร่าสังเกตเห็นตั้งแต่เนิ่นๆ แม้ว่าจะรู้สึกว่าตัวเองคล้ายกับผู้ชายคนนี้ แต่กฎเกณฑ์ที่นำไปใช้กับเขานั้น ก็แตกต่างอย่างสิ้นเชิง”
Milly Alcock บอกกับ Nylon Magazine มิลลี่พูดถึงความสัมพันธ์ของเรนีร่าและอลิเซนต์ และการที่พวกเขารับบทเป็นผู้หญิงที่ทุกคนต่างจ้องมอง เอาไว้ว่า “ฉันคิดว่ามันเขียนไว้บนนั้นหมดแล้วนะ แล้วเอมิลี่กับฉันก็เข้าใจมันอย่างรวดเร็วเลยล่ะว่าความสัมพันธ์นี้คืออะไรกันแน่ และเราจำเป็นที่จะต้องแสดงความรักแบบไม่มีเงื่อนไขที่พวกเขามีให้กัน เมื่อพวกเรามองเห็นพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสองตอนแรก เพราะงั้น เมื่อมิตรภาพค่อยๆ เลือนหายไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้ชมก็เลยใส่ใจกับมัน เพราะฉันคิดว่า การประชดประชันที่ฉันพบได้ในการแสดงออกผ่านซีรีส์เรื่องนี้ว่ามันก็คือ ปิตาธิปไตย ความเกลียดชังผู้หญิง (Misogyny) และรวมไปถึงพฤติกรรมมุ่งร้ายต่อผู้หญิงที่คนในสังคมไม่รู้ตัว (Internalized misogyny) ที่ผู้หญิงสองคนนี้ถูกบังคับให้เผชิญหน้ากันด้วย พวกเขาถูกบังคับให้ต้องขัดแย้งกันเอง ด้วยการเลือกของผู้ชาย”
เธอยังบอกอีกด้วยว่าแฟนๆ เรื่องนี้เป็นอะไรที่น่าตลกมากๆ “สิ่งที่ฉันพบว่ามันค่อนข้างที่จะตลกก็คือ แฟนคลับของนักแสดงอย่าง อลิเซนต์ตอนเด็ก และเรนีร่าตอนเด็ก ว่าแบบพวกเขาไม่ถูกกัน แล้วเลือกกันว่าใครดีกว่ากัน และโดยการตัดสินใจส่วนใหญ่มาจากผู้ชาย ฉันก็เลยคิดว่ามันเป็นเรื่องน่าตลกจริงๆ”
Sources:
- Eisenstein, Zillah R. (1981). The radical future of liberal feminism. New York, Longman.
- https://themomentum.co/feature-myths-of-gender-equality/
- https://www.vogue.com/article/emma-darcy-house-of-the-dragon-interview
- https://www.nylon.com/entertainment/milly-alcock-house-of-the-dragon-fandom-interview