หลังจากที่เราได้พบกับ Rhaenyra Targaryen ในวัยผู้ใหญ่ผ่านซีรีส์ House of the Dragon เอพิโสดที่หก ก็ต้องบอกว่า Emma D’Arcy ผู้รับบทนี้ เปิดตัวได้อย่างดีและเป็นที่ประทับใจของผู้ชมจำนวนมาก เพราะด้วยความสามารถของเขาที่น่าจับตามอง อีกทั้งการเข้าถึงบทบาท ก็ทำให้แฟนๆ ตกหลุมรักทั้งตัวละครและนักแสดงนอนไบนารี่คนนี้ไปอย่างไม่ต้องคิด
แน่นอนว่าซีรีส์เรื่องนี้เล่าเรื่องราวของเจ้าหญิงเรนีร่า ทาร์แกเรียน ตั้งแต่วัยเยาว์จนกระทั่งเธอเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ และจากการพูดคุยกันของ Emma D’Arcy และ i-D เกี่ยวกับตัวละครนี้อย่างลึกซึ้ง ไปจนถึงในเรื่องของการเมืองเรื่องเพศของซีรีส์ชุดนี้อีกด้วย ซึ่งเรื่องราวของ เรนีร่า ทาร์แกเรียน ที่ดึงดูดเอ็มม่ากับบทนี้ก็คือเรื่องราวเกี่ยวกับการตระหนักถึงกฎเกณฑ์ที่มีความแตกต่างกันระหว่างผู้หญิงและผู้ชายมาตั้งแต่ในวัยเด็ก อย่างการที่เรนีร่าไม่ได้รับอนุญาตให้ขี่ Syrax มังกรของเธอ เข้าสู่สนามรบร่วมกับอา ข้อเสนอแนะทางการเมืองที่เธอมอบให้กับอนุสภาถูกปัดตกไป ไปจนถึงเรื่องสำคัญอย่างการที่ กษัตริย์วิเซริส ทาร์แกเรียน พ่อของเธอ แต่งตั้งให้เธอเป็นรัชทายาทผู้สืบทอดบัลลังก์เหนืออาณาจักรทั้งเจ็ด แต่การตัดสินใจและการเป็นทายาทนั้นก็ไม่ถูกนำไปพิจารณาอย่างจริงจัง
เอ็มม่าเองก็เผยกับทาง i-D ว่าตอนยังเด็ก เขาก็มีความรู้สึกในรูปแบบเดียวกัน “ตอนเด็กๆ ฉันหมกมุ่นอยู่กับความเป็นชาย (masculinity) กับออร่าของผู้ชาย (male aura) นะ ฉันคิดว่าตอนนั้นฉันกำลังตอบสนองต่อวิธีที่สังคมกำหนดเงื่อนไขและบริบทของผู้หญิงและผู้ชายให้มีความแตกต่างกัน และฉันเองก็ปรารถนาที่จะได้ทำในสิ่งที่ฉันคิดว่าผู้ชายก็ทำได้ด้วย” ซึ่งตัวซีรีส์ก็ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การเมืองเรื่องเพศ เป็นสิ่งที่ไม่เคยแยกออกจากกันได้เด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว นักแสดง House of the Dragon เองก็ได้ให้สัมภาษณ์ในเกือบทุกๆ บทสัมภาษณ์เกี่ยวกับปิตาธิปไตย การเป็นผู้หญิงในสังคมชายเป็นใหญ่ และการสร้างอำนาจของผู้ชายผ่านการทำลายมิตรภาพของผู้หญิงอีกด้วย
การเตรียมตัวสำหรับการรับบทเรนีร่าของ Emma D’Arcy ก็คือการย้อนกลับไปอ่านหนังสือ The Argonauts ของ Maggie Nelson
สำหรับการเตรียมตัวในบทบาทนี้ Emma D’Arcy ก็ได้พูดถึงหนังสือเล่มโปรดของเขาอย่าง The Argonauts ของ Maggie Nelson ผลงานแนวอัตชีวประวัติผสมเรื่องแต่งที่ออกมาในปี 2015 ซึ่งเป็นไดอารี่ที่เล่าเรื่องราวแนวความคิดและผลงานแบบ ทฤษฎีอัตถิภาวนิยม นำเสนอความคิดที่สดใหม่ เกี่ยวกับความปรารถนา อัตลักษณ์ ข้อจำกัดและความเป็นไปได้ของความรักและภาษา ที่เชื่อมโยงเรื่องราวความสัมพันธ์ของแม็กกี้และเฮนรี่ พาร์ทเนอร์ที่เป็นทรานส์และเจนเดอร์ฟลูอิด (genderfluid) ตลอดเส้นทางการเดินทาง ประสบการณ์การตั้งครรภ์ การสำรวจเรื่องเพศ เจนเดอร์ และครอบครัว
ตัวของเอ็มม่าก็ได้บอกว่านี่มันเป็นหนังสือที่ไม่ธรรมดาเลยล่ะ “ฉันคิดว่าควรที่จะต้องตั้งมันเอาไว้ ฉันย้อนกลับมาที่หนังสือเล่มนี้เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเดินทางผ่านความเป็นแม่ของเรนีร่า เพราะว่า Maggie Nelson เขียนเกี่ยวกับความหมายของการที่ใครบางคนรู้สึกว่าตัวเองมีบางอย่างที่ขัดแย้งกับกรอบ heteronomative แต่เขาเองก็เดินทางผ่านเส้นทางนี้ด้วยกัน ฉันคิดว่านะ แบบผ่าน heteronomative patriarchy เพราะงั้น มันก็เลยให้ความรู้สึกที่ว่า มันเหมาะสมมากๆ กับเรื่องราวนี้”
ย้อนกลับมาที่ตัวซีรีส์ ในช่วงเวลาที่ Emma D’Arcy รับบทเป็นเจ้าหญิงเรนีร่า รัชทายาทผู้ครองบัลลังก์เหนืออาณาจักรทั้งเจ็ด จะตรงกันข้ามกับสิ่งที่เรนีร่าในช่วงวัยรุ่น (รับบทโดย Milly Alcock) ที่มีความดื้อด้านและปฏิเสธทุกสิ่งทุกอย่างที่ใครก็ตามต่างคาดหวังเอาจากเธอ ซึ่งในช่วงวัยผู้ใหญ่นั้น เราจะเห็นว่าเจ้าหญิงอยู่ในจุดที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าการแต่งงานกับ Laenor Velaryon ลูกพี่ลูกน้องของเธอ (เลนอร์เป็นเกย์ และทั้งคู่ก็มีความสัมพันธ์แบบเปิด (open relationship)) และในเอพิโสดที่หกที่เรนีร่าต้องบอกลา เซอร์ ฮาร์วิน สตรอง (รับบทโดย Ryan Corr) ชายคนรักและ(อาจจะเป็น)พ่อของลูกๆ ของเรนีร่า ที่ต้องออกจากเมืองเพราะการกระทำของเขา ซึ่งเอ็มม่าก็ได้บอกว่า “เธออยู่ในจุดที่ต้องปรามตัวเองอย่างหนัก พยายามที่จะใช้ชีวิตและเอาตัวรอดภายใต้ระบบ(ชายเป็นใหญ่)นั้น และมันอาจจะเป็นครั้งแรกที่เราเห็นเลยว่าเธอพยายามที่จะประนีประนอม” แต่นั่นก็ดูเหมือนจะเป็นการสุมไฟให้ลุกโชนขึ้น “ฉันคิดว่าเธอพยายามทำให้มันเบาบางลงนะ เธอพยายามทำสิ่งที่ไหลไปตามนำ ทำไปตามครรลอง แต่น่าเสียดาย ที่มันมาพร้อมกับความบอบช้ำทางจิตใจที่มันจะชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อเดินทางมาถึงตอนจบของเอพิโสดที่เจ็ด”
นอกเหนือจากหนังสือของ Maggie Nelson แล้ว Emma D’Arcy ก็ยังให้เครดิตกับวิกผมบลอนด์ยาวของเรนีร่าที่เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เขาเข้าถึงบทบาทได้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม “พาร์ทใหญ่ๆ ของการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นภายในรถเทรลเลอร์สำหรับแต่งหน้า ฉันพบว่าวิกผมมันสามารถเปลี่ยนแปลงตัวตนได้อย่างน่าเหลือเชื่อเลยล่ะ มันส่งผลนะ ทั้งต่อพฤติกรรม ท่าทางของคุณ วิธีที่คุณอ่าน ขนาดคนที่เห็นก็ยังรู้ได้ว่าคุณแตกต่างไปจากเดิม ในฐานะมนุษย์น่ะนะ เราเชี่ยวชาญในการอ่านภาพที่เกิดขึ้นแม้เพียงเล็กน้อยก็ยังมองเห็น เพราะงั้น เวลาที่ฉันออกจากรถเทรลเลอร์แต่งหน้า ฉันก็จะรู้สึกแตกต่างไปจากเดิมทันทีเลยล่ะ วิกนั้นมันเวิร์กสุดๆ”
ท้ายที่สุด Emma D’Arcy ก็ได้บอกกับ i-D เกี่ยวกับเรื่องราวของเรนีร่าใน House of the Dragon ซีซั่นแรกว่า “นี่คือหนึ่งในการยอมรับตนเองให้ได้ในโลกที่มันเต็มไปด้วยความรุนแรง อยุติธรรม และโลกที่ชายเป็นใหญ่ยังคงครอบล้อมสังคมเอาไว้ “การเดินทางของเธอในครั้งนี้คือการทำความเข้าใจว่า แท้จริงแล้ว เปลวเพลิง ความต้องการ ความหิวกระหาย และความอยากได้อยากมี เป็นสิ่งที่อยู่ในสายเลือดของเธอ มากกว่าที่จะเป็นการหยุดยั้งเธอจากการที่เธอโอนอ่อนต่อสังคม แท้จริงแล้วมันคือสิ่งที่ทำให้แน่ใจว่าเธอจะอยู่รอดภายใต้ระบบที่ต้องการจะดูถูกดูแคลน ควบคุม และเป็นบ่อนทำลายเธอ”
Sources:
- https://i-d.vice.com/en/article/5d3wmn/emma-darcy-house-of-the-dragon-interview
- https://ewthailand.blogspot.com/2016/06/q-with-maggie-nelson-on-our-shared-shelf.html
- https://thailand.kinokuniya.com/The_Argonauts/bw/9781555977351