หลายคนอาจจะคิดว่า อำนาจกับผู้หญิง คือสิ่งที่ไปด้วยกันไม่ได้ แม้ว่าพวกเธอจะสามารถทำทุกอย่างได้เช่นเดียวกับผู้ชายก็ตาม แต่ก็นั่นแหละ พวกเขาก็ยังคงพยายามกันผู้หญิงออกจากตำแหน่งเหล่านั้น ไม่เว้นแม้แต่ในซีรีส์ House of the Dragon ที่เมื่อ Princess Rhaenyra Targaryen ถูกวางให้เป็นรัชทายาทคนถัดไปต่อจาก King Viserys Targaryen สงครามกลางเมืองจึงเกิดขึ้น
ผู้หญิง คือหนึ่งในบุคคลที่ถูกกีดกันจากตำแหน่งใหญ่โต โดยเฉพาะยุคกลาง ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจใน House of the Dragon ผู้หญิงอีกเช่นกัน ที่โดนกัดกันจากตำแหน่งผู้นำอาณาจักร ซึ่งเรื่องราวในซีรีส์ก็จะเล่าเรื่องราวของครอบครัว Targeryen และครอบคลุมเรื่องราวของสงครามกลางเมืองที่จะแย่งสิทธิ์ในการขึ้นครองบัลลังก์เพื่อปกครองอาณาจักรทั้งเจ็ด ซึ่งตัวของ Princess Rhaenyra Targaryen ก็เป็นลูกคนโตของ King Viserys Targaryen และถูกวางให้เป็นรัชทายาทคนต่อไปจากกษัตริย์วิเซริส แต่เมื่อเป็นผู้หญิงแล้ว กลับถูกกีดกันจากการขึ้นรับตำแหน่ง เหมือนดังเช่นที่ Princess Rhaenys Targaryen หรือ ราชินีไร้บัลลังก์ (The Queen Who Never Was) ได้กล่าวเอาไว้ว่า “บุรุษยอมจุดไฟเผาแผ่นดิน ดีกว่ายอมเห็นสตรีขึ้นครองบัลลังก์เหล็ก”
ซึ่งนี่ถือเป็นสิ่งที่เราได้เห็นในเทรลเลอร์เลยว่า เรนีราไม่ใช่เจ้าหญิงในแบบที่คนอื่นคิด แม้ว่าประชาชนเวสเทอรอสจะมอบนาม ‘the Realm’s Delight’ ให้กับเธอ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ เพราะแทนที่เธอจะใช้เวลาไปกับการเรียนเย็บปักถักร้อยหรือฝึกพูดสุนทรพจน์ แต่เธอกลับทำหน้าที่ราวกับเป็นลูกชาย อย่างการถือแก้วให้กับบิดาหรือว่าขี่มังกรของบิดาของเธอ ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว เจ้าหญิงยังประกาศเอาไว้อย่างชัดเจนว่า “เมื่อฉันเป็นราชินี ฉันจะสร้างสิ่งใหม่” ซึ่งเห็นจะเห็นได้ชัดตั้งแต่ในเทรลเลอร์เลยว่า House of the Dragon ก็จะพาเราไปสำรวจถึงการกีดกันทางเพศที่เกิดขึ้นและฝังรากลึกในสังคม โดยเฉพาะในยุคกลาง อีกทั้งยังเน้นย้ำในความเป็นไปไม่ได้ของผู้หญิงที่จะสืบทอด ‘บัลลังก์เหล็ก’ ด้วยเช่นกัน
Emma D’Arcy ผู้รับบทเจ้าหญิงเรนีรา ทาร์แกเรียน ก็ได้บอกกับ The Hollywood Reporter เกี่ยวกับตัวละครของเขาว่า “Rhaenyra ต่อสู้มาตลอดกับความหมายของการเป็นผู้หญิงและเป็นคนนอกตั้งแต่ต้นอีกด้วย เธอกลัวการถูกขังให้อยู่กับความเป็นแม่ (motherhood) และรู้ดีว่าจุดที่เธอยืนจะแตกต่างออกไป ถ้าหากเธอเป็นผู้ชาย” เขายังเสริมต่ออีกด้วยว่า “ฉันเป็นนอนไบนารี่ แล้วก็พบว่าตัวเองทั้งถูกดึงดูดและขับไล่ออกจากความเป็นชายและความเป็นหญิง และฉันคิดว่าฉันสามารถหยิบมันมาใช้อย่างจริงจังได้”
นอกจากนี้แล้ว นาม ‘the Realm’s Delight’ ที่ประชาชนชาวเวสเทอรอสมอบให้กับ เจ้าหญิงเรนีรา ทาร์แกเรียน ก็เปรียบเสมือนการดูถูกเหยียดหยามอยู่ไม่น้อย แม้ว่าตัวของเขาเองจะมองว่า เรนีรา เปรียบเสมือน ‘การผลักขอบของความเป็นแม่’ ให้กว้างออกไป เขาอธิบายว่าเธอหมกมุ่นอยู่กับความเป็นชายมากแค่ไหน ความเท่าเทียมในความเป็นชาย ไปจนถึงอิสระภาพ “เธอเป็นคนที่รู้สึกขัดแย้งกับวิธีที่โลกมองเธอ แม้กระทั่งนาม ‘the Realm’s Delight’ ที่พวกเขามอบให้กับเธอ มันก็บ่งบอกเป็นนัยถึงความเฉยเมย แบบการเป็นเป้าของการดูถูกจากผู้คนด้วย” เขาเสริมด้วยว่า “มันเหมือนกับว่าเธอมี doppelgänger ที่อีกฝ่ายเป็นผู้ชาย ที่สามารถเข้าถึงทุกสิ่งที่เธอปรารถนา และรู้สึกว่าเป็นของเธอ”
ความสัมพันธ์ระหว่างเธอและ Prince Daemon Targaryen ผู้เป็นอาของเธอ และรัชทายาทผู้สืบทอดบัลลังก์หากไม่มีสมาชิกทาร์แกเรียนคนใหม่ถือกำเนิด เอ็มม่าได้บอกกับ EW ว่า “ในบางแง่ พวกเขาก็เหมือนผ้าผืนเดียวกัน แต่ก็จะมีกฎบางข้อสำหรับพวกเขาที่แตกต่างไปจากเดินอย่างสิ้นเชิง”
สิ่งที่ทำให้ตัวของ Emma D’Arcy ให้ความสนใจเกี่ยวกับตัวละครของเขา Princess Rhaenyra Targaryen ก็คือ เรื่องของความเป็นหญิงและบทบาททางเพศที่สังคมกำหนดเอาไว้ให้ “ฉันคิดว่ามีอยู่สองสิ่งที่ทำให้เรนีราเป็นตัวละครที่ฉันสนใจ หนึ่งเป็นเพราะว่าเธอเป็นผู้หญิงและไม่เคยคิดคาดหวังว่าจะได้เป็นรัชทายาท ไม่เคยได้อยู่ในโต๊ะสนทนา และทุกอย่างก็พังทลายลงเมื่อเธอได้รับมรดกที่ทุกคนไขว่หา และอีกอย่างหนึ่งก็คือ เธอเป็นคนที่ฉันไม่เห็นด้วยกับบทบาททางเพศของเธอเป็นผลมาจากตำแหน่งที่เธอได้รับ ฉันคิดว่าฉันสนใจคำถามเกี่ยวกับเจนเดอร์ทั้งหมดนั่นเลย”
House of the Dragon เข้าฉาย 22 สิงหาคมนี้ ทาง HBO GO
Sources:
- https://ew.com/tv/house-of-the-dragon-cover-story-game-of-thrones-enters-new-age/
- https://www.hollywoodreporter.com/tv/tv-features/inside-house-of-the-dragon-trailer-cast-1235182776/