“ที่เห็นว่าผูกพัน เพราะมันเป็นเรื่องจริง” มิลลี่จาก Stranger Things พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่าง 11 และเบรนเนอร์ ในซีรีส์

| |

บทความนี้กล่าวถึงเนื้อหาในซีรีส์ Stranger Things season 4

แฟนๆ ซีรีส์ Stranger Things ก็คงจะคุ้นหน้าคุ้นตากับ Matthew Modine หรือ ดร.เบรนเนอร์ กันอย่างแน่นอน เพราะนี่คือตัวละครที่โผล่มาตั้งแต่ซีซั่นแรก และอยู่กับ Eleven มาตั้งแต่ต้น ยิ่งไปกว่านั้น เหล่าเด็กๆ ที่มีพลัง โดยเฉพาะอีเลฟเว่น (ที่รับบทโดย Millie Bobby Brown) เรียกเขาว่า ป๊ะป๋า นั่นเอง

การพบกันของทั้งคู่นั้นถือเป็นสิ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะว่า Matthew Modine ได้พบกับ Millie Bobby Brown เป็นครั้งแรก ตอนที่มิลลี่อายุแค่เพียง 11 ปีเท่านั้น ในตอนนั้น มิลลี่กำลังเตรียมตัวสำหรับการถ่ายทำในซีซั่นแรก เธอสวมชุดเดรสผู้ป่วย อยู่ภายในสถานที่ถ่ายทำ ในขณะเดียวกัน Matt และ Ross Duffer ก็พาแมทธิวเข้ามาภายในห้องเพื่อทักทายเธอ แมทธิวบอกกับ Tudum ว่า “พี่น้องดัฟเฟอร์ดูตื่นเต้นมาก ตอนที่จะพาผมมาทำความรู้จักกับเด็กที่มีความสามารถเช่นเธอ (Millie Bobby Brown) พวกเขามีความสุขมากกับงานที่เธอทำ ผมน่ะเคยทำงานร่วมกับเด็กๆ มาก่อนแล้ว แน่นอนว่าผมรู้วิธีการทำงานร่วมกับเด็กๆ เป็นอย่างดีเลยล่ะ”

ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครนั้น ก็จำเป็นที่จะต้องใช้ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกันจริงๆ เพื่อให้คนดูเชื่อว่าพวกเขาทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและผูกพันกันมากจริงๆ ซึ่งตัวมิลลี่ก็คอนเฟิร์มว่า “ความสนิทสนมของพวกเรามันเป็นเรื่องจริงนะ ที่มันดูน่าเชื่อถือแบบนั้นเพราะว่ามันคือของจริง” นอกจากนี้แล้ว Ross Duffer ผู้สร้างซีรีส์ก็ได้บอกด้วยว่านอกฉากพวกเขาสนิทกันมาก “ตั้งแต่ซีซั่นแรกแล้ว ทั้งแมทธิวและมิลลี่สนิทสนมกันมากจริงๆ หลายๆ อย่างที่เกี่ยวกับดร.เบรนเนอร์ก็ยังคงเป็นปริศนานะ แต่พวกคุณจะได้รู้จักตัวตนของเขามากขึ้นในซีซั่นนี้ และพวกเขาก็สนุกกันมากที่ได้ทำงานร่วมกันใน Stranger Things ซีซั่น 4 มันเห็นได้ชัดเลยล่ะ”

ระหว่างการถ่ายทำในซีซั่นแรกของพวกเขานั้น แมทธิวสนิทกับครอบครัวมิลลี่มากๆ จากตอนแรกที่ย้ายไปอยู่ที่เกสต์เฮาส์กับครอบครัวของมิลลี่แค่เพียง 3 วัน แล้วก็กลายเป็น 3 เดือน “เราเปลี่ยนชื่อเกสต์เฮาส์เป็น Modine House เลย” มิลลี่บอกกับ Tudum นอกจากนี้แล้ว แม่ของมิลลี่ก็ยังทำอาหารเย็นให้พวกเขาทั้งคู่หลังจากวันที่ถ่ายทำอย่างยาวนานในกองถ่าย “ถ้าวันไหนแมทธิวเหนื่อยๆ เราก็จะขับรถกอล์ฟไปที่บ้านพร้อมกับอาหารพร้อมกับเขียนโน้ตเล็กๆ แปะว่าเรารักเขาด้วย” เธอยังเล่าต่ออีกด้วยว่า “เราสองคนมีโร้ดทริปเล็กๆ ด้วยกันนะ เราขับรถจากจอร์เจียไปฟลอริด้า แวะร้านขายของตามข้างทาง เจอกับแฟนๆ ด้วยนะ พวกเขาแอบแปลกใจหน่อยๆ ที่เห็นพวกเราอยู่ด้วยกัน แล้วเราก็ไปถ่ายรูปด้วยกันในช่องขายซีเรียล ฉันยังเก็บรูปพวกนั้นเอาไว้อยู่เลย”

แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่าง ดร.เบรนเนอร์ และ อีเลฟเว่น จะมีความตึงเครียดไปบ้าง แต่แมทธิวก็พบว่าแฟนๆ ไม่ได้ต่อต้านความสัมพันธ์แบบพ่อลูกระหว่างพวกเขาทั้งคู่เลย “พวกเขาชอบความสัมพันธ์ระหว่างป๊ะป๋ากับอีเลฟเว่นนะ พวกเขาบอกประมาณว่า คุณไม่ควรทำร้ายเธอในซีซั่น 4 นะ พวกเขาไม่ได้เกลียดกัน แต่ว่าอยู่ในความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนมากๆ ผมว่าดร.แบรนเนอร์ก็ยังคงมีสัญชาตญาณของความเป็นพ่อที่คอยช่วยเหลือและปกป้องเธอนั่นแหละ”

อย่างในพาร์ทแรกของ Stranger Things ซีซั่น 4 ก็ได้มีการเล่าเรื่องราวและย้อนอดีตระหว่างป๊ะป๋าและอีเลฟเว่น การกลับเข้าไปอยู่ในห้องทดลองเช่นเดียวกับซีซั่นแรก ซึ่งแก่นของซีซั่น 4 ก็คือ ‘จุดเริ่มต้นของจุดจบ’ เราต้องกลับไปยังจุดเริ่มต้นและขุดลึกลงไปในอดีตของอีเลฟเว่น และมันจะไม่เกิดขึ้นหากไม่มีป๊ะป๋า “เขาบังคับให้เธอย้อนอดีตและทบทวนสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งส่วนหนึ่งของความทรงจำของเธอนั้นไม่เป็นความจริง” แมทธิวบอก เพราะว่าภายหลังการต่อสู้ที่ Starcourt Mall อีเลฟเว่นสูญเสียพลังของตัวเองไป และความหวังเดียวที่จะฟื้นพลังกลับมาได้ก็คือการที่เธอต้องเชื่อใจดร.เบรนเนอร์อีกครั้งหนึ่ง และเป็นอีกครั้งที่อีเลฟเว่นจะต้องพาตัวเองไปยังสถานที่ลับสุดยอดลึกลงไปใต้ดิน เธอต้องเข้ารับการฟื้นฟูพลังของเธอด้วยการหวนคิดถึงบาดแผลของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด เมื่อความทรงจำของเธอรวมถึงสิ่งมีชีวิตที่อันตรายถึงตาย การฆาตกรรมอันโหดร้าย ไปจนถึงคำถามของเบรนเนอร์ที่ถามเธอว่า ‘เธอทำอะไรลงไป’ คอยวนเวียนอยู่ในหัวของเธอแบบนั้น

ในตอนจบของ Stranger Things ซีซั่น 4 พาร์ท 1 ก็ได้เปิดเผยให้เห็นถึงบุคคลที่ถูกกักขังอยู่ใน Hawkins Lab และเป็นตัวการของเวคน่าและความเลวร้ายที่เกิดขึ้นในซีซั่น 4 (รับบทโดย Jamie Campbell Bower) ในความเป็นจริงแล้ว เขา คือต้นเหตุของเหตุการณ์นองเลือดของอีเลฟเว่น แต่ว่าดร.เบรนเนอร์ก็ไม่เคยได้มีโอกาสบอกกับเธอตรงๆ เพราะว่ามันคือความจริงที่โหดร้ายนั่นเอง

ซึ่งการถ่ายทำในซีซั่นสี่นั้น แมทธิวและมิลลี่ก็ได้สร้างสัญญาณระหว่างกันเพื่อทำการเช็กความรู้สึกของอีกฝ่าย ซึ่งจะช่วยให้พวกเขารู้สึกปลอดภัยได้มากขึ้นนั่นเอง อย่างการที่พวกเขากระพริบตาให้กันระหว่างการถ่ายทำ ไปจนถึงการพูดว่า ฉันรักคุณ ระหว่างการถ่ายทำฉากเหล่านั้น นอกจากนี้แล้ว พวกเขายังสร้าง backstory ของตัวละครร่วมกัน แม้ว่ามันจะไม่ได้เห็นผ่านหน้าจอ แต่มิลลี่ก็ได้บอกว่า “คุณต้องสร้าง ‘ความทรงจำ’ สำหรับความสัมพันธ์พวกนั้นด้วย เราทำมันด้วยกัน เพราะอยากให้มันมีความน่าเชื่อถือ เราสร้างท่าทางร่วมกัน อย่างการที่ป๊ะป๋าเอานิ้วมาแตะที่ปลายจมูกของเอล แล้วอะไรแบบนั้นด้วย”

นอกจากการแตะจมูกน่ารักๆ แล้ว แมทธิวก็ยังมอบคำแนะนำต่างๆ ให้กับมิลลี่อีกมาก มิลลี่ก็ได้บอกด้วยว่า “อีเลฟเว่นเป็นคนที่มีการแสดงออกมากมาย ทั้งด้านอารมณ์และทางร่างกาย เพราะงั้น ฉันก็ควรที่จะต้องดูแลร่างกายของตัวเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ”

และใน Stranger Things ซีซั่น 4 พาร์ท 2 ก็จะมีฉากปะทะอารมณ์ระหว่าง ดร.เบรนเนอร์ และ อีเลฟเว่น และนั่นเป็นครั้งแรกเลยที่พี่น้องดัฟเฟอร์ลงมาให้คำแนะนำด้วยตัวเอง ทั้งคู่บอกด้วยว่าพวกเขาประทับใจกับการแสดงของมิลลี่และแมทธิวในตอนที่ 8 และ 9 เป็นอย่างมาก แมท ดัฟเฟอร์ ได้ให้สัมภาษณ์บอกว่า “ผมคิดว่ามันเป็นการแสดงที่ดี่สุดของทั้งคู่ที่เคยได้ทำมาเลย”

สำหรับซีซั่น 5 ซึ่งได้รับการยืนยันแล้วว่าจะเป็นซีซั่นสุดท้ายของซีรีส์ชุดนี้ คาดว่าจะเริ่มการถ่ายทำในเร็วๆ นี้

คุณสามารถรับชม Stranger Things ทั้งสี่ซีซั่นได้ทาง Netflix

สเตรนเจอร์ ธิงส์ (Stranger Things) 4 | ตัวอย่างชุด 2 | Netflix

source:

  • https://www.netflix.com/tudum/articles/stranger-things-season-4-millie-bobby-brown-matthew-modine-interview
Previous

ชวนดู What Did You Eat Yesterday: The Movie “เมื่อวานคุณทานอะไร?”

Jodie Comer กับเคล็ดลับในการบำรุงผิวให้ดูสุขภาพดีและสดชื่นยิ่งขึ้น

Next