หลังจากที่วิลลาแนลล์กลับมาฆ่าคนอีกครั้งหนึ่ง และอีฟตามหาตัวของเฮเลนจนเจอ ในเอพิโสดที่สามของ Killing Eve ก็มาพร้อมกับเรื่องราวที่ชวนอบอุ่นหัวใจ และแน่นอนว่านั่นก็อาจจะทำให้ใจของคุณเจ็บปวดมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะคนที่อินกับซีรีส์ชุดนี้ โดยเฉพาะเรื่องราวของวิลลาแนลล์ ที่บอกได้เลยว่า ความปวดใจนั้น มันหนักหนาสุดๆ
the intensity between you two
ความสัมพันธ์ระหว่างวิลลาแนลล์และอีฟเปลี่ยนไป หลังจากที่เราได้เห็นใน Killing Eve ซีซั่นที่สี่ ช่วงสองเอพิโสดแรก ที่อีฟพยายามเมินเฉยกับสิ่งที่วิลลาแนลล์เปลี่ยนไป แต่มาถึงเอพิโสดที่สอง เราจะเห็นได้ว่า วิลลาแนลล์เปลี่ยนไป เราเห็นความเหนื่อยล้าในตัวของเธอ ความพยายามที่จะเป็นคนดี ความพยายามที่จะทำตัวเหมือนคนปกติคนอื่นๆ ซึ่งหลังจากที่เธอได้ทำการฆ่าสองพ่อลูกในแคมป์แล้วนั้น การฆ่าครั้งนั้นของเธอ ดูไม่มีความเป็นมืออาชีพ เมื่อเทียบกับสถานการณ์ที่ผ่านๆ มาของเธอ แต่เราก็อาจจะเข้าใจได้ว่า วิลลาแนลล์เปลี่ยนไป และสิ่งที่เคยเป็น อาจจะถูกกดเอาไว้ข้างในลึกๆ ทำให้ตัวของเธอเองตกเป็นข่าว
ในเอพิโสดนี้ วิลลาแนลล์เดินทางมายังห้องของอีฟในโรงแรม (ที่พบกันในเอพิโสดแรก) เพื่อรออีฟอยู่ที่นั่น เปลี่ยนชุดเรียบร้อย เธอขอพักอยู่ที่นั่น ส่วนอีฟพยายามที่จะไม่สนใจ เพราะเธอเหนื่อยกับเกมที่วิลลาแนลล์กำลังเล่นอยู่ แม้อีฟจะเห็นสภาพของชุดแล้ว แต่ก็ไม่คิดจะถามกลับ ทั้งที่วิลลาแนลล์พยายามจะให้อีฟโต้ตอบกับเธอ ถึงกับถามว่า “คุณจะตบฉันอีกมั้ย” แล้วพออีฟตอบว่าไม่และถามว่าคราวนี้อะไรอีกล่ะ มันน่าจะทำให้เธอรู้สึกเหมือนโดนผลักไส
แถมตอนที่บอกไปว่าต้องการความช่วยเหลือ ก็โดนแซะกลับว่าทำไมไม่ขอจากพระเยซูล่ะ แถมเดินข้ามเสื้อผ้าของวิลลาแนลล์ราวกับจงใจ นอกจากนี้แล้ว วิลลาแนลล์ก็สังเกตเห็นมือของอีฟ พอเธอถามไป ก็โดนถามกลับเรื่องของเสื้อผ้า พอวิลลาแนลล์ขออยู่ห้องสักคืน อีฟก็บอกว่าช่วยกลับออกไปก่อนที่เธอจะกลับมาได้ไหม แม้ว่าจะดูเหมือนเข้มแข็ง แต่อีฟก็เปราะบางอยู่ไม่น้อย
The assassin and the therapist (and her ex)
วิลลาแนลล์ติดต่อกับมาร์ตินโดยอ้างชื่อของอีฟในการติดต่อเพื่อขอเข้าพบ วิลลาแนลล์บอกกับมาร์ตินว่าเธอต้องการที่จะเข้ารับการบำบัด แน่นอนว่าเธอต้องการทำการบำบัดที่นี่ ตอนนี้ เวลานี้ ซึ่งสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจก็คือ เธอไม่ชอบความรู้สึกของตัวเองที่รู้สึกแย่ๆ ตลอดเวลา มันไม่ใช่สิ่งที่ปกติสำหรับวิลลาแนลล์ มาร์ตินก็ซักถามไปเรื่อยๆ ว่าอะไรที่ทำให้เธอเป็นแบบนั้น อย่างการที่วิลลาแนลล์ฆ่าคนไปสองคน หลังจากที่พยายามอย่างหนัก และเธอก็ได้บอกว่าเธอคือสีรุ้งที่อยู่ในโลกสีเบจที่น่าเบื่อแบบมาร์ติน ปกติเธอรู้ว่าเธอต้องการอะไร ต้องการใคร แต่ในตอนนี้ เธอกลับไม่รู้อะไรเลย แถมยังไม่ไว้ใจในความคิดของตัวเองอีกด้วย
“การเปลี่ยนแปลง มันไม่ได้ง่ายตลอดหรอกนะ ความรู้สึกที่เหมือนอึ อาจจะเป็นเรื่องที่ดีก็ได้นะ มันเป็นสัญญาณว่าคุณกำลังอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนแปลง”
Dr. Martin Watson (Killing Eve, season 4 episode 3)
วิลลาแนลล์ถามมาร์ตินว่าคิดว่าเธอเกิดมาเป็นแบบนี้รึเปล่า เขาก็ถามเธอกลับ ซึ่งสิ่งที่เขาบอกกับวิลลาแนลล์ว่า “สิ่งที่คุณรู้สึก มันสำคัญกว่าสิ่งที่ผมคิดนะ และผมก็ไม่เชื่อว่าคุณจำเป็นที่จะต้องเกิดมาเป็นไซโคพาธถึงจะทำตัวแบบนั้นได้ เพราะอย่างพวกทหารรับจ้าง เขาก็ถูกฝึกมาให้ทำแบบนั้น” แล้วเขาก็ถามวิลลาแนลล์กลับว่า อยากเป็นแบบนั้นรึเปล่า ก่อนจะบอกกับเธอต่อ “คุณรู้ไหมว่ามีไซโคพาธกี่คนที่มาบอกกับผมว่าไม่อยากเป็นไซโคพาธ … ไม่มีเลย พวกไซโคพาธจะรู้สึกว่าตัวเองอยู่เหนือกว่าเหมือนกับว่าเป็นพระเจ้า และปกติพระเจ้าก็ไม่คิดว่าตัวเองต้องเปลี่ยนนะ ผมคิดว่านี่แหละมีความหวัง”
คำถามของมาร์ตินที่เกี่ยวข้องกับอีฟ ทำให้วิลลาแนลล์คิดก่อนตอบมากกว่าคำถามอื่นๆ อย่างคำถามที่ว่า อยากมีอำนาจเหนืออีฟเหรอ ซึ่งตัวของมาร์ตินก็บอกกับวิลลาแนลล์ว่า “ในความสัมพันธ์ที่ดี คุณจำเป็นที่จะต้องยอมให้ตัวเองอ่อนแอด้วยนะ และยอมให้ใครสักคนมามีอำนาจแบบนั้นเหนือคุณ” ซึ่งวิลลาแนลล์ก็บอกว่า “อีฟก็มี แล้วเธอก็ทำลายทุกอย่างไป” พอมาร์ตินถามว่าแล้วทำไมตัวเองถึงไม่มูฟออนล่ะ วิลลาแนลล์ก็บอกแบบเดิมว่า นั่นมันเป็นการทำลายทุกอย่างไปนะ
สิ่งที่วิลลาแนลล์ต้องการจากอีฟก็คือการที่ได้ใช้ชีวิตด้วยกัน “อยากที่จะดมกลิ่นผิวของเธอ อยากจะฟังเรื่องน่าเบื่อที่ทำในทุกๆ วัน เรื่องที่เธอไม่อยากจะเสียเวลาเล่าให้ใครฟังเพราะมันน่าเบื่อโคตรๆ แต่สำหรับฉันมันคงจะน่าทึ่งเพราะว่านั่นคืออีฟไง เพราะลึกๆ แล้ว เราเข้าใจกัน”
และระหว่างที่เธอพูด รอยยิ้มก็เต็มไปทั่วใบหน้า นี่คือสิ่งที่วิลลาแนลล์ต้องการ สิ่งที่เธอพูดเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ล้นออกมา ความรู้สึกที่เธอโหยหามาเนิ่นนาน เหมือนอย่างที่วิลลาแนลล์ได้บอกกับคอนสแตนตินว่าอยากที่จะมีใครสักคนดูหนังด้วยกัน ใช้ชีวิตด้วยกัน และคนๆ นั้นก็คืออีฟ แถมวิลลาแนลล์ยังบอกอีกด้วยว่าอีฟคือสายรุ้งที่สวมรองเท้าบูทสีเบจ
และเมื่ออีฟพบว่าวิลลาแนลล์แอบเอา iPad ของเธอมานัดมาร์ติน ก็ทำให้เธอรีบออกไปหามาร์ตินโดยทันที หลังจากนั้น อีฟมาถึงวิลลาแนลล์ก็บังเอิญทำมาร์ตินร่วงใส่โต๊ะ หัวกระแทกทั้งขอบโต๊ะัและพื้น ทำให้ทั้งคู่ตกใจเป็นอย่างมาก และวิลลาแนลล์บอกว่าเธอต้องการที่จะบำบัด แล้วอีฟก็บอกว่า “ทำไมไม่นัดคิวล่ะ แต่แบบนั้นก็จะไม่ได้ความสนใจจากฉันสินะ” วิลลาแนลล์ก็บอกว่า ไม่เห็นต้องมาเลย แล้วพออีฟบอกว่าเธอมาเพราะว่ามาร์ติน นั่นก็ทำให้วิลลาแนลล์งอนไปเลย ดูได้จากท่านั่งที่มั่นใจในตอนแรก แล้วกลับไปนั่งพิงตัวงอ ก่อนที่อีฟจะเดินไปนั่งด้วย
จนกระทั่งอีฟถามวิลลาแนลล์ว่าเคยฟังนิทานเรื่องกบกับแมงป่องไหม แล้ววิลลาแนลล์ก็บอกว่า บางทีอีฟอาจจะเป็นแมงป่องก็ได้ ก่อนที่จะหยิบมือข้างที่อีฟเป็นแผลขึ้นมาดู และเพลง Accountable ก็ดังขึ้นมา หลังจากนั้น ตำรวจก็บุกเข้ามาในบ้านเพื่อจับตัววิลลาแนลล์ไป ถ้าเป็นเมื่อก่อน วิลลาแนลล์ก็คงจะหนีไปก่อนที่ตำรวจจะเข้ามาจับตัวเธอ แต่ในครั้งนี้ เธอยอมให้จับแต่โดยดี และไม่ละสายตาจากอีฟไปเลยแม้แต่น้อย และอีฟก็มองวิลลาแนลล์จนลับสายตาไปเช่นกัน
สิ่งที่วิลลาแนลล์ทำอาจจะเป็นเพราะสิ่งที่มาร์ตินบอกว่า “ในความสัมพันธ์ที่ดี คุณจำเป็นที่จะต้องยอมให้ตัวเองอ่อนแอด้วยนะ และยอมให้ใครสักคนมามีอำนาจแบบนั้นเหนือคุณ” การที่วิลลาแนลล์ยอมโดนจับ คือการที่ยอมให้อีฟเข้ามามีอำนาจเหนือเธอ แต่นั่นก็ดูเหมือนการทรยศอยู่ไม่น้อย ที่เธอไว้ใจในตัวอีฟ และไม่คิดว่าอีฟจะทำแบบนี้กับเธอ
แต่สำหรับอีฟแล้ว การจับวิลลาแนลล์ไป อาจจะเป็นความคิดที่ดีที่จะฝังทุกอย่างและล็อกทุกอย่างเอาไว้ ไม่ให้มันออกมาปั่นป่วนความรู้สึกของเธอ อย่างตอนที่เจอกับวิลลาแนลล์ในห้องของตัวเองเมื่อตอนต้นเอพิโสด และเพลง Strange Effect ก็ถูกเปิดขึ้นมา และปิดลงพร้อมๆ กับการที่อีฟปิดประตูห้อง ซึ่งเพลงนั้นเคยถูกใช้ในซีซั่นที่ 3 เอพิโสดที่ 3 เช่นเดียวกับเอพิโสดนี้
Finding the Twelve
อีฟและยูซุฟก็ยังตามหาเฮเลนอยู่ แน่นอนว่าเธอได้เบาะแสมาบางอย่าง จากเมื่อคราวที่ไปหาเฮเลนที่ปารีส เธอได้เลขทะเบียนมา แล้วก็ได้พบกับเฟอร์นันด้าที่เพิ่งโดนเฮเลนทิ้งมา เธอก็เลยออกอุบายว่าโดนแฟนสาวทิ้งผ่านโทรศัพท์ เพื่อให้เข้าถึงตัวเฟอร์นันด้า และค้นหาข้อมูลที่เธอต้องการ
อีฟก็ได้พูดคุยกับเฟอร์นันด้าเกี่ยวกับตัวของเฮเลน ทั้งลักษณะท่าทางของเธอ ความสัมพันธ์ แล้วก็แลกเปลี่ยนกันในเรื่องราวต่างๆ จนกระทั่งเฟอร์นันด้าถามถึงแฟนที่เพิ่งบอกเลิกผ่านโทรศัพท์ แน่นอนว่าอีฟหมายถึงวิลลาแนลล์ เพราะสิ่งต่างๆ ที่เธอพูดออกไปนั้น ทั้ง “ชอบบงการ” “เห็นแก่ตัว” “คิดไปเอง” ซึ่งเฟอร์นันด้าก็บอกอีฟว่า คนแบบนี้ให้ทิ้งไปเถอะ เพราะเขาจะเล่นเกมตลอด และเขาจะสามารถเล่นเกมได้ ก็ต่อเมื่ออีฟลงไปเล่นด้วย
หลังจากที่อีฟได้ข้อมูลที่ต้องการแล้ว เธอก็รีบออกมา พร้อมกับหยิบหนังสือพิมพ์ที่มีรูปของวิลลาแนลล์แปะอยู่หน้าแรกมาด้วย ซึ่งสิ่งที่อีฟกับยูซุฟได้ข้อมูลมาก็คือชื่อของสามีเก่าของแฟนเก่าเฮเลน นั่นก็คือ ลารส์ เมเยอร์ และอีฟเองก็ติดต่อไปยังเฮเลนเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน
ส่วนฟากของแแคโรลิน เธอก็ยังคงทำงานร่วมกับวลาด เพื่อตามหาสมาชิกของเดอะทเวลฟ์ที่ถูกฆ่าหรือตามล่าอยู่ แน่นอนว่าเธอยังคงอยู่ที่รัสเซีย แน่นอนว่าพวกเขาพูดคุยเกี่ยวกับเหยื่อที่เป็นสมาชิกของเดอะทเวลฟ์ และเชื่อมโยงไปที่สก็อตแลนด์ และเมื่อแคโรลินตัดสินใจที่จะไปสก็อตแลนด์ วลาดก็ได้บอกกับเธอว่าเขาจับตัวเจ้าหน้าที่รัสเซีย หนึ่งในสมาชิกเดอะทเวลฟ์ที่รอดชีวิตมาได้ ตอนนี้อยู่ที่เซฟเฮาส์ที่คิวบา เธอก็เลยอาสาไปที่คิวบาแทน
New kid tried to kill
หลังจากที่เราได้รู้จักแพมในเอพิโสดที่สอง เราก็จะได้เห็นเด็กใหม่ของเฮเลน ที่ไม่เคยได้ฆ่าคนมาก่อน และสิ่งที่เธอทำก็คือ เธอจัดการกับ เอลเลียต พี่ชายของเธอที่พูดไม่ดีใส่ อ้างเรื่องเก่าๆ มาพูด และนั่นก็ทำให้แพมรู้สึกไม่พอใจ เอลเลียตพยายามที่จะวางตัวมีอำนาจเหนือกว่า เธออยากที่จะออกจากบ้าน เพียงแต่เฮเลนบอกว่า เธอยังไม่พร้อม ซึ่งสิ่งที่แพมเป็น ก็คือสิ่งที่คนอื่นมองข้ามเธอ และนั่นเป็นข้อได้เปรียบ เพราะเมื่อเธอไม่ได้โดดเด่น ก็ยิ่งทำให้เธอกลายเป็นเก่งที่หาตัวจับได้ยาก สุดท้ายแล้ว แพมก็ถูกส่งตัวให้ไปอยู่กับคอนสแตนตินเพื่อทำการฝึก หลังจากที่เธอบอกกับเฮเลนว่าฆ่าพี่ชายตัวเองไปแล้ว เฮเลนก็เลยหาทางจัดการปัญหานี้ต่อ
Q&A with Anjana Vasan & Laura Neal
Anjana Vasan ผู้รับบทแพม ให้สัมภาษณ์กับ CBR เกี่ยวกับบทบาทของเธอใน Killing Eve season 4 เธอบอกว่าเธอเป็นแฟนตัวยงของซีรีส์เรื่องนี้เลย และได้ดูทุกซีซั่น บวกกับเป็นแฟนคลับนักแสดงในเรื่องด้วยเหมือนกัน ซีรีส์เรื่องนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และการที่เธอได้เข้ามาเป็นส่วนร่วมด้วย ก็ทำให้เธอตื่นเต้นเป็นอย่างมาก สำหรับบทบาทแพม เธอบอกว่า เธอมีไอเดียเกี่ยวกับตัวละครนี้และสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับนักเขียนเธอรู้ว่า ตัวละครนี้กำลังจะไปที่ไหน และแม้กับตัวละครของเธอเอง ก็ยังค่อยๆ ก่อตัวขึ้นมา และเธอเองก็ไม่รู้ด้วยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เพราะว่าเธอจะได้รับสคริปต์เมื่อเริ่มถ่ายทำตอนต่อไป ซึ่งเธอก็พยายามเป็นอย่างมากที่จะไม่ทำพลาด เพื่อให้แน่ใจว่าทำหน้าที่ได้อย่างดีมากที่สุด
สำหรับตัวละครแพม อัญชนาบอกว่า Laura Neal บอกกับเธอตั้งแต่เนิ่นๆ เกี่ยวกับตัวละครแพมว่า “มันเหมือนกับการที่คุณเดินไปตามชายทะเล เห็นเปลือกหอยเล็กๆ เหล่านั้น แล้วหยิบขึ้นมาอันหนึ่ง และเห็นสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ อยู่ใต้เปลือกหอย และนั่นก็คือแพม เธอเป็นคนที่รู้สึกว่าตัวเองมีตัวเล็กๆ และมีจิตวิญญาณ แต่ก็เป็นผู้รอดชีวิตในตอนท้ายของวัน”
นอกจากนี้แล้ว อัญชนาบอกว่าตัวละครของเธอมีทั้งอีฟและวิลลาแนลล์อยู่ในตัว “สำหรับฉันแล้ว แพมเป็นคนที่มีทั้งอีฟและวิลลาแนลล์อยู่ในตัวที่มีบุคลิกที่แตกต่างกันอย่างมาก แต่สิ่งที่เธอต่อสู้ด้วยความรู้สึกนั้นเป็นการต่อสู้แบบเดียวกัน ฉันคิดว่ามันน่าสนใจที่จะสะท้อนทั้งสองคนออกไป เธอก็มีการเปลี่ยนแปลงภายในนั้นเช่นกันตลอดทั้งซีซั่นเลย ฉันคิดว่ามันน่าสนใจมากๆ ที่ได้เล่นเป็นใครสักคนที่ไม่ใช่แค่ทำอย่างเดียวกันในทุกๆ ครั้งที่ได้เจอ ทุกๆ ครั้งที่คุณได้พบแพม มันจะมีความแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นลักษณะทางกายภาพ หรือในแบบที่เธอเป็น”
สำหรับตัวละคร Hélène ลอร่า นีล บอกว่าเธอตื่นเต้นที่จะได้เห็นเฮเลนมากยิ่งขึ้น เพราะว่าพวกเธอเป็นแฟนผลงานของ Camille Cottin “ฉันคิดว่า ในบทบาทของเฮเลน มันเป็นการเลือกโดยต้องการที่จะสะท้อนการเผชิญหน้าของอีกและวิลลาแนลล์ในช่วงแรกๆ แล้วสิ่งที่ทำให้ฉันตื่นเต้นก็คือ ปฏิกิริยาของอีฟต่อผู้หญิงที่อันตรายแบบนี้อย่างที่เธอมีวิลลาแนลล์มาสามซีซั่นแล้ว อะไรที่ทำให้เธอเปลี่ยนไป แล้วการเปลี่ยนแปลงนั้นส่งผลต่อวิธีที่เธอเข้าหาผู้หญิงประเภทนี้ได้อย่างไร นั่นเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากๆ ที่จะได้เห็นการเดินทางของอีฟและตัวตนของเธอในตอนนี้ เมื่อเทียบกับสิ่งที่เธอเป็นในตอนซีซั่นแรก ฉันยังคิดว่า มันยังมีบางอย่างที่อีฟจะลองใช้ตัวตนใหม่ของเธอกับเฮเลน ก่อนที่จะลองกับวิลลาแนลล์ด้วยเหมือนกัน เหมือนกับพฤติกรรมของอีฟต่อบุคคลเหล่านี้ อย่างอีฟจะมีพฤติกรรมอย่างไรกับบุคคลนี้เมื่อเธอทิ้งเรื่องราวในอดีตกับสิ่งที่เธอเคยมีกับวิลลาแนลล์ มันน่าตื่นเต้นมาก ฉันคิดว่ามันเป็นไดนามิกที่สนุกจริงๆ เลยล่ะ นอกจากนี้แล้ว เราก็ยังมีช่วงเวลาดีๆ ในการพลิกไดนามิกระหว่างตัวละครทั้งสองตัว และการสร้างความตึงเครียดระหว่างพวกเขาเช่นกัน ฉันคิดว่าทุกคนคงอยากรู้ว่าแบบ แล้วอีฟกับผู้หญิงที่อันตรายละ มันจะเป็นยังไง แล้วเฮเลนก็มอบเรื่องราวตรงนี้ให้เราได้สำรวจคำถามเหล่านั้น”
นอกจากนี้แล้ว ลอร่า นีล ยังบอกถึงฉากแรกที่พวกเขาได้พบกันในซีซั่นสี่ก็คือฉากที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกันในตู้กระจก ซึ่งมันเป็นการอ้างอิงถึงฉากในอควาเรียมของ Romeo + Juliet ของ Baz Luhrman ลอร่าบอกว่า นั่นคือความจงใจเลยล่ะ “มันเป็นตัวเลือกในการกำกับของ Stella Corradi ผู้กำกับเอพิโสดที่ 1 และ 2 และฉันคิดว่ามันอยู่ในหัวของเธออย่างแน่นอน มันไม่ต้องสงสัยเลยว่าอีฟและวิลลาแนลล์จะได้รับชะตากรรมในทางใดก็ทางหนึ่ง และไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม ฉันคิดว่ามันชัดเจนมากๆ สำหรับทุกคนนะ ฉันก็ลเยคิดว่า มันเป็นการหยิบมาใช้โดยเจตนาเลยล่ะ”
แล้วสำหรับตอนจบของซีรีส์ล่ะ ลอร่า นีล บอกว่า ในตอนจบของ Killing Eve เธออยากจะให้มันรู้สึกถึงชัยชนะ ความรุ่งโรจน์ และความพึงพอใจ “แต่ในแง่ของสิ่งที่จะเกิดขึ้นจริงๆ ในตอนจบ เราได้คุยกันในทุกๆ เวอร์ชั่นที่เป็นไปได้ และเราคิดจริงๆ เกี่ยวกับมัน และได้มีการพูดคุยกันมาตลอดเลย แล้วเราก็กลับมาดูมันเรื่อยๆ เราอยากให้แน่ใจว่าสิ่งที่ทำลงไปมันถูกต้อง มีการทดสอบไปเรื่อยๆ กระตุ้นมัน และพวกเราสนุกกับการทำอย่างนั้นมาก และในที่สุด สิ่งที่เราคิดขึ้นมาก็รู้สึกเหมือนกับตอนจบที่แท้จริง
รีแคป Killing Eve Season 4 Episode 1 “Just Dunk Me”
รีแคป Killing Eve Season 4 Episode 2 “Don’t Get Eaten”
รีแคป Killing Eve Season 4 Episode 4 “It’s Agony and I’m Ravenous”
Sources:
- https://www.cbr.com/killing-eve-new-assassin-discusses-season-4-chaos-interview/
- https://www.bbcamerica.com/blogs/killing-eve-q-and-a-head-writer-laura-neal-spills-on-villanelle-s-imaginary-friend-and-the-90s-film-allusion-you-may-have-missed–1052926
- https://www.youtube.com/watch?v=kNzQCcAxdhg