ตลอดระยะเวลาสองปีที่ผ่านมา แฟนๆ Killing Eve ต่างรอแล้วรอเล่า และภาวนาว่าอย่างน้อยก็ขอให้มีเทรลเลอร์หรือคลิปเบื้องหลังบ่อยมาให้รับชมกันโดยเร็ว แน่นอนว่าในครั้งนี้ ซึ่งเป็นซีซั่นสุดท้าย เดเรคก็ไม่ปล่อยให้เราต้องรอนาน เพราะในตอนนี้ Killing Eve ซีซั่น 4 ก็ได้ฉายกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง
วันนี้เราก็ขอพาทุกคนไปตามอ่านตามรีแคปกันว่าในเอพิโสดแรกของคิลลิ่งอีฟซีซั่นสี่ จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง และบทสัมภาษณ์ในวันนี้จะเป็นใคร ก็ต้องมาตามกันให้ไว
Killing Eve Season 4 Episode 1 “Just Dunk Me”
อีฟสลัดคราบ MI6 สู่การเป็นเจ้าของบริษัทรักษาความปลอดภัย แต่ก็ยังคงตามสืบเรื่องราวเกี่ยวกับ The Twelve และตามล่าเพื่อเด็ดหัวตำแหน่งสูงๆ วิลลาแนลล์เปลี่ยนแปลงตัวเองให้กลายเป็นคนใหม่เพื่อพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นว่า เธอไม่ได้เป็นคนเฮงซวยมาจากข้างใน เหมือนที่คนอื่นว่าเอาไว้ว่าเธอคือมอนสเตอร์ ส่วนแคโรลินถูกย้ายไปยังสเปนเพื่อความปลอดภัยของเธอ แต่สุดท้ายก็วกกลับมายังลอนดอน เพื่อให้อีฟช่วยตามสืบเกี่ยวกับ The Twelve และคนที่ฆ่าเคนนี่ ลูกชายของเธอ
วิลลาแนลล์กับการพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง
หลังจากที่วิลลาแนลล์เผชิญหน้ากับสิ่งต่างๆ ในซีซั่นสาม ไม่ว่าจะเป็นการตามหาครอบครัวของเธอ การกลับไปหาแม่ โดนแม่บอกว่าเธอเป็นมอนสเตอร์ ได้เลื่อนตำแหน่ง เจอกับเฮเลน แล้วก็ยังโดนบอกว่าเป็นมอนสเตอร์ที่สวยงาม มิหนำซ้ำ อีฟยังบอกว่าหลับตาแล้วมองอนาคต ก็ยังคงเห็นแต่วิลลาแนลล์ แถมยังขอให้เธอทำให้มันหายไปอีกด้วย ความรู้สึกต่างๆ นานาล้วนแล้วแต่ผสมปนเปอยู่ในหัว จนทำให้เธอตัดสินใจหันหน้าเข้าหาพระเจ้า
การหันหน้าเข้าหาพระเจ้าอาจจะเป็นความรู้สึกของวิลลาแนลล์ที่คิดว่าเธอสามารถเป็นคนทั่วไปได้ อย่างเวลาที่มีปัญหา หลายๆ คนก็หันหน้าเข้าหาพระเจ้า เพื่อใช้ศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวและชี้ทางสว่างให้กับเรา คำถามที่น่าสนใจก็คือ แล้ววิลลาแนลล์เชื่อในศาสนาหรือเชื่อในพระเจ้ารึเปล่า? เธอก็ได้บอกเอาไว้ในตอนนี้ว่า “ฉันเชื่อในคนที่เชื่อในพระเจ้า พวกเขาเป็นคนดีสำหรับฉันที่จะอยู่รอบๆ ด้วยได้”
เธอบอกต่อด้วยว่า “ฉันมีความเชื่อที่ว่าฉันไม่ได้เฮงซวยมาจากข้างในเหมือนอย่างที่คนอื่นๆ คิดว่าฉันเป็น และฉันสามารถพิสูจน์ได้ว่าพวกเขาผิด แต่จะทำได้เมื่อคุณล้างบาปให้กับฉัน” วิลลาแนลล์จึงอาจจะมองว่า การเข้าหาศาสนา การล้างบาป เปรียบเสมือนเครื่องมือให้เธอพิสูจน์ตัวตน ในอีกแง่ เพื่อให้เธอชนะจากสิ่งที่คนอื่นล้วนพูดกันว่าเธอเป็นมอนสเตอร์
Jodie Comer บอกว่า “วิลลาแนลล์กำลังแสวงหาการค้นพบตัวเองในทางใดทางหนึ่ง ฉันคิดว่าเธอหงุดหงิดมาก และข้องใจกับความจริงที่ว่าทุกคนคิดว่าเธอเป็นแค่เพียงสิ่งหนึ่งที่แย่และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ฉันคิดว่าเธอมองว่ามันเป็นเรื่องท้าทายนะ มันลงรายละเอียดที่ลึกกว่านั้นมากๆ เกี่ยวกับวิธีที่เธอต้องการจะให้อีฟมองเห็นเธอ เธออยู่ในภารกิจที่จะเป็นคนดี ไม่ว่าความดีคืออะไรกันแน่ และฉันคิดว่ามันไม่ชัดเจนนักว่าเธอทำอย่างนั้นเพื่อใคร”
ต่างคนต่าง(ไม่)มูฟออน
ความสัมพันธ์ของอีฟและวิลลาแนลล์นั้นเป็นเหมือนความสัมพันธ์ที่พวกเขาหมกมุ่นระหว่างกันและกันมาโดยตลอด จนกระทั่งพวกเขาหันหลังให้กันบนสะพาน (ซีซั่น 3 เอพิโซด 10) แม้ว่าพวกเขาจะหันกลับมามองกันและกัน แต่ต่างคนต่างเลือกเดินจากไปในคนละเส้นทาง วิลลาแนลล์พยายามเปลี่ยนแปลงเป็นคนใหม่ เป็นคนที่ดีขึ้นในสายตาคนอื่นๆ ส่วนอีฟกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมพร้อมกับเรื่องราวน่าหมกมุ่นเรื่องใหม่
แต่ใช่ว่าการที่พวกเขาเดินหันหลังให้กัน จะกลายเป็นการปิดประตูความสัมพันธ์ระหว่างกัน ในเอพิโซดแรกของซีซั่น 4 เราจะเห็นเลยว่า วิลลาแนลล์ก็ยังคงตามติดอีฟอยู่ตลอด แม้ว่าจะไม่เห็นตัว แต่ก็ยังส่งการ์ดเชิญไปให้อีฟฝ่าย การ์ดเชิญเข้าร่วมพิธีรับศีลล้างบาปของ Nelle Petrova แต่อีฟไม่ได้ไปเข้าร่วมงาน นั่นทำให้วิลลาแนลล์โกรธเป็นอย่างมาก แต่เธอก็พยายามที่จะข่มความรู้สึกของตัวเอง แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่พอ เมื่อเธอเข้ารับพิธีจุ่ม และหลังจากพิธี เธอตัดสินใจไปหาอีฟที่โรงแรมที่พักของเธอ
อาจจะบอกได้ว่าการที่อีฟไม่ได้ไปร่วมพิธีล้างบาปของวิลลาแนลล์ ถือว่าเป็นการที่เธอโดนอีฟปฏิเสธ ถือว่าเป็นเรื่องที่รุนแรงสำหรับเธอ อย่างน้อยก็ในด้านจิตใจ ที่เธอพยายามเปลี่ยนไป แต่อีฟไม่ได้สนใจอะไรเลย อีกทั้งยังเมินเฉยต่อการกระทำของเธอเองด้วย แต่สำหรับอีฟ การที่วิลลาแนลล์เดินทางไปหาอีฟที่โรงแรมเพื่อยกโทษให้เธอที่พลาดงานพิธี ก็ถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายสำหรับอีฟว่าเธอจะไม่อดทนต่อเกมของวิลลาแนลล์อีกต่อไป และการตบหน้าวิลลาแนลล์ ถือเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงเช่นกัน เพราะสำหรับทั้งสามซีซั่นที่ผ่านมาของ Killing Eve วิลลาแนลล์ไม่เคยยอม แต่ในเมื่อมันมาถึงตอนนี้ ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไป จนกระทั่งอีฟเอ่ยปากว่า “เปลี่ยนไปจริงๆ ด้วย”
ซานดร้าบอกว่าเธอไม่เชื่อว่าอีฟและวิลลาแนลล์อยู่ตรงข้ามกัน แต่อีฟได้รวมเอาบางส่วนของวิลลาแนลล์เข้าไปในชีวิตของเธออย่างสมบูรณ์ ส่วนลอร่า นีล โชว์รันเนอร์บอกว่า “ในตอนท้ายของซีซั่นสาม อีฟและวิลลาแนลล์ต่างอยู่ในสถานการณ์ทางอารมณ์ที่แตกต่างกันเป็นอย่างมาก เราจะเห็นได้ว่าวิลลาแนลล์ได้บอกสิ่งที่เธอต้องการออกไป เธอต้องการให้มันหยุด และนั่นก็กระตุ้นให้เธอปรารถนาที่จะเปลี่ยนแปลง สำหรับอีฟ ก็ต้องการให้มันหยุดเช่นกัน แต่นั่นเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้เธอต้องการที่จะแก้แค้น”
เธอยังบอกอีกว่า “ในแง่ของความสัมพันธ์ที่พวกเขามีต่อกัน ฉันตื่นเต้นในแง่ที่ว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ในจุดที่สามารถเข้าหากันได้อย่างง่ายดายมากกว่าเดิม แม้ว่าเกมแมวไล่จับหนูจะยังดำเนินต่อไป แต่ไม่ได้หมายความว่าต่างคนต่างไล่จับกันแล้ว ตอนนี้เหมือนกับว่าพวกเขามีเบอร์โทรศัพท์ของกันและกัน และระยะห่างระหว่างพวกเขาคือระยะห่างทางอารมณ์ความรู้สึกที่อีฟกำหนดเอาไว้ เพราะเธอรู้ถึงสิ่งที่วิลลาแนลล์มีอยู่เหนือเธอ และเธอรู้ว่าถ้าเธอปล่อยให้วิลลาแนลล์เข้ามา เธอจะไม่ทำในสิ่งที่เธอต้องการจะทำ และสิ่งนั้นคือการที่เธอจัดการกับ The Twelve เพราะงั้น ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่จึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน และความแตกต่างกันถือเป็นการย้ำเตือนไดนามิกระหว่างทั้งคู่ได้”
ความหลงใหลครั้งใหม่ของอีฟ
หลังจากที่ทั้งคู่แยกทางกันไปแล้วนั้น วิลลาแนลล์ก็พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนใหม่ ส่วนอีฟก็ใช้เวลาไปกับการตามล่า The Twelve และเปลี่ยนเป้าหมายจากที่เคยเป็นวิลลาแนลล์ ก็กลายเป็น Helene หนึ่งใน The Twelve และทำลายอค์กรอาชญากรรมระหว่างประเทศ เหมือนกับที่อีฟบอกแคโรลินเมื่อตอนที่ร้องขอให้อีฟกลับมาทำงานให้เธออีกครั้งหนึ่ง อีฟบอกว่าแคโรลินยังคงเล่นเกมหมากรุกแบบเดิมๆ ในขณะที่เธอจะจุดไฟเผากระดานหมากรุกแล้วเฝ้ามองหมากเหล่านั้นถูกเพลิงไหม้ นี่จึงกลายเป็นความหลงใหลครั้งใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม
แต่ในขณะเดียวกัน คอนสแตนตินเองก็ได้เตือนอีฟว่า ถ้าเธอถลำตัวเข้าไป เธอจะไม่รอดออกมา อีฟก็บอกว่า ขอบคุณพระเจ้า นั่นไม่ใช่ว่าอีฟไม่รู้ตัวว่าเธอกำลังเล่นกับอะไร เพียงแต่เธอรู้ตัวดี และเธอพร้อมรับความเสี่ยงนั้น เช่นเดียวกับที่เธอลงสนามตามล่าวิลลาแนลล์ แม้กระทั่งใช้ตัวเองเป็นเหยื่อล่อให้วิลลาแนลล์ออกมา เธอก็ยอมทำ
ความสูญเสียของ Carolyn Martens
อย่างที่เราเห็นมาตลอดสามซีซั่น แคโรลินเป็นคนที่ก้าวนำหน้าใครๆ ถึง 10 ก้าว (อ้างอิงจากคำพูดของโชว์รันเนอร์ Laura Neal) และสิ่งที่เธอชอบก็คือการที่เธอมีข้อมูลมากกว่าใครๆ แต่หลังจากที่แคโรลินสูญเสียลูกชายของเธอ ‘เคนนี่’ ในซีซั่นที่ 3 กลับมาในซีซั่น 4 เธอยังต้องสูญเสียตำแหน่งเก้าอี้ของเธอไป และถูกย้ายให้ไปประจำการที่สเปน สิ่งที่เราเคยเห็นมาในซีซั่นก่อนๆ ทั้งลำดับชั้น ทั้งอำนาจของเธอ กลับมาในตอนนี้กลับหายไปเกือบหมด เธอจะกลับขึ้นมายังตำแหน่งของตัวเองได้อีกหรือไม่ และใครคือสาเหตุของการเสียชีวิตของเคนนี่ เธอเฝ้ามองมันอย่างห่างๆ และพยายามที่จะกลับเข้าสู่สนามอีกครั้งหนึ่ง เธอจะกลับมาลงสนามได้อีกครั้งหรือไม่ และจะเกิดอะไรขึ้นต่อ ก็ต้องมารอติดกันกันต่อไป
พระเจ้าของวิลลาแนลล์
ในตอนท้ายที่วิลลาแนลล์ได้พบกับพระเจ้า พระเจ้าของวิลลาแนลล์ปรากฎตัวออกมาในร่างของเธอที่มีหนวดเครา สวมชุด Sacred Heart (พระหฤทัยของพระเยซู) พร้อมกับรองเท้าบูทส้นสูงสีทอง นั่นเป็นนิมิตที่เธอเห็นเพียงคนเดียว และอาจจะเป็นจุดเปราะบางของเธอก็ว่าได้ การที่โดนอีฟปฏิเสธ เมย์ก็กลัว ทำให้เธอไม่สามารถหันหน้าไปพึ่งใครได้แล้ว แม้กระทั่งคอนสแตนติน นั่นอาจจะหมายความว่าเธอต้องการที่จะหาเครื่องยืนยันว่าเธอเองก็เป็นคนดี และมีเพื่อนอยู่ข้างกาย
แล้วทําไมวิลลาแนลล์ถึงมองตัวเองเป็นพระเยซูล่ะ? Laura Neal โชว์รันเนอร์ของ Killing Eve ซีซั่น 4 ก็ได้บอกว่า เธอชอบที่จะใส่อารมณ์ขันเหนือจริงลงไปในรายการ “มันสมเหตุสมผลนะสำหรับฉันที่มองจากมุมมองของตัวละคร วิลลาแนลล์เป็นคนที่แสดงเก่งใช่ไหมล่ะ แล้วเธอก็อ่อนไหวต่อการแสดงละครมาก และจินตนาการของเธอก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กันเลย”
“แล้วมันก็สมเหตุสมผลอย่างมาก โดยเฉพาะในบรรยากาศที่ร้อนรุ่มแบบนี้” ลอร่า นีล บอก “สถานที่ที่ล้อมรอบตัวเธอด้วยรูปเคารพต่างๆ ภายในโบสถ์ ถ้าเธอจะต้องจินตนาการถึงรูปเคารพทางศาสนาที่จะชี้นำเธอ การที่เธอจินตนาการถึงตามแบบของตัวเอง มันก็เลยดูเหมาะกับเธอ เพราะว่าวิลลาแนลล์มีปมพระเจ้า (God complex หรือผู้ที่ไม่เชื่อในพระเจ้า แต่ด้วยกระทำอย่างเย่อหยิ่งจนเขาอาจเชื่อว่าตนเองเป็นพระเจ้าหรือถูกกำหนดให้กระทำโดยพระเจ้า) และความเอาแต่ใจของวิลลาแนลล์ด้วย มันก็เลยสมเหตุสมผลที่เธอจะฉายเอาภาพส่วนนั้นของตัวเองออกไป ทำให้เราสามารถเห็นตัวละครที่แยกจากกันได้เลย”
Q&A with Laura Neal
Laura Neal โชว์รันเนอร์ของ Killing Eve season 4 ก็ได้ร่วมพูดคุยกับ Insider เกี่ยวกับซีรีส์คิลลิ่งอีฟที่จะฉายซีซั่น 4 เป็นซีซั่นสุดท้าย พวกเขาพูดคุยกันในฐานะที่ลอร่า นีล จะต้องมารับหน้าที่เขียนบทนำ ต่อจาก Suzanne Heathcote ที่เป็นโชว์รันเนอร์ของซีซั่นสาม และนั่นถือเป็นความกดดันเป็นอย่างมากที่จะทำตอนจบที่น่าพอใจสำหรับโชว์เรื่องนี้ ลอร่าบอกว่า “ฉันเป็นแฟนตัวยงของซีรีส์เรื่องนี้ก่อนที่ฉันจะเข้ามาร่วมงานด้วยในซีซั่นสาม เพราะงั้น มันก็เลยเป็นเรื่องสำคัญสำหรับฉันมากๆ ที่จะได้ทำตอนจบที่น่าพอใจให้กับแฟนๆ นั่นเอง”
นอกจากนี้แล้ว ลอร่ายังบอกด้วยว่า Phoebe Waller-Bridge ยังมีส่วนร่วมในซีรีส์เรื่องนี้มากๆ เป็น executive producer พร้อมที่จะช่วยเหลือเสมอ โดยเฉพาะในเอพิโสดสุดท้าย ลอร่าบอกว่า “เราไม่ได้ทำมันผ่านเธอ ฟีบี้อยู่ท็อปของสคริปต์ทั้งหมด แต่ไม่ได้เข้ามาจอยเป็น co-writer ด้วย”
และแม้ว่าหนังสือ Killing Eve เล่มสุดท้ายจะตีพิมพ์เมื่อเดือนเมษายน 2020 ลอร่าก็ตัดสินใจที่จะไม่อ่านหนังสือเล่มนั้น เพราะว่าเธอไม่อยากที่จะได้รับอิทธิพลจากหนังสือมากจนเกินไป “แต่ว่า Luke Jennings ผู้เขียน ก็มีส่วนร่วมในซีรีส์อย่างมากเลยนะ เขาเข้ามาร่วมในห้องนักเขียนบ้างสองสามครั้งนี่แหละ”
สำหรับการเขียนสคริปต์ในช่วง pendamic นั้น ถือว่าพวกเขาต้องเปลี่ยนรูปแบบการทำงานอย่างจริงจัง ลอร่าบอกว่า พวกเขาเข้าห้องนักเขียนได้แค่สองสัปดาห์ก่อนที่สหราชอาณาจักรจะประกาศล็อกดาวน์ พวกเขาก็เลยต้องเปลี่ยนจากห้องส่วนตัวเป็นห้องเสมือนจริงแทน “สคริปต์ทั้งหมดเขียนขึ้นโดยมีจุดประสงค์ว่าพวกเราจะไปต่างประเทศเหมือนที่พวกเราเคยทำ และทำทุกอย่างเหมือนที่เคยทำ เพราะงั้น บางอย่างก็ต้องเปลี่ยนไปจริงๆ” เธอยังบอกด้วยว่าเธอดีใจที่จะไม่ได้ต้องทำให้เหมือนเป็นโชว์เกี่ยวกับโควิดด้วย เพราะว่าเธอไม่อยากที่จะสูญเสียความยิ่งใหญ่และความทะเยอทะยานไป “นั่นเป็นส่วนหนึ่งของคิลลิ่งอีฟที่ทำให้คิลลิ่งอีฟเป็นคิลลิ่งอีฟ เพราะงั้น เราก็เลยรู้เสมอว่า สิ่งเหล่านั้นจะต้องคงอยู่ เราแค่ต้องหาวิธีทำโดยที่ไม่ต้องออกจากลอนดอน” ลอร่ายังบอกด้วยว่าในซีซั่นนี้พวกเขาวางแผนจะไปคิวบา แต่สุดท้ายก็ต้องเปลี่ยนไปที่ Margate เมืองชายทะเลของอังกฤษแทน พวกเขาถ่ายฉากคิวบาที่นั่นแทนไปที่คิวบาจริงๆ
ในฉากแรกที่เราจะได้เห็นอีฟลงจากมอเตอร์ไซค์ดูคาติแล้วเดินเข้าไปจัดการกับคอนสแตนติน ตอนแรกหลายๆ คนอาจจะคิดว่าเป็นวิลลาแนลล์ แต่เมื่อถอดหมวกแล้ว ทุกคนล้วนแต่แปลกใจที่ว่านั่นคืออีฟ โพลาสทรี ซึ่งตัวของ ลอร่า นีล ได้บอกเอาไว้ว่า “มันอยู่ตรงนั้นตั้งแต่แรกๆ เลยจริงๆ มันเป็นหนึ่งในไอเดียแรกๆ ของเอพิโสดนี้ และฉันดีใจมากๆ ที่เราพยายามทำมันออกมาได้ ฉันคิดว่ามันสามารถบอกได้มากเลยเกี่ยวกับอีฟ และจุดที่เธอยืน หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นวิลลาแนลล์จนกระทั่งเห็นว่าเป็นอีฟ เราอาจจะบอกได้ว่า นี่คืออีฟ ที๋โอบรับด้านของวิลลาแนลล์ของตัวเองในที่สุด และเธอกำลังทำแบบนั้นโดยที่ไม่ละอายเลย อันที่จริงนั่นทำให้ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากๆ ถ้าอีฟอาศัยอยู่ในส่วนหนึ่งในจิตใจของวิลลาแนลล์ล่ะ นั่นจะพาอีฟไปถึงไหนตลอดเอพิโสดที่เหลือ”
รีแคป Killing Eve Season 4 Episode 2 “Don’t Get Eaten”
รีแคป Killing Eve Season 4 Episode 3 “A Rainbow in Beige Boots”
รีแคป Killing Eve Season 4 Episode 4 “It’s Agony and I’m Ravenous”
Sources:
- https://collider.com/killing-eve-season-4-showrunner-laura-neal-interview/
- https://tvline.com/2022/02/27/killing-eve-recap-season-4-premiere-sandra-oh-jodie-comer-video/
- https://variety.com/2022/tv/news/killing-eve-season-4-premiere-jodie-comer-jesus-villanelle-1235191262/
- https://www.bbcamerica.com/blogs/play-by-play-of-killing-eve-season-4-ep-1-eve-is-no-longer-with-mi6-villanelle-has-found-god-carolyn-is-in-a-safe-house–1052313
- https://www.insider.com/killing-eve-will-eve-die-2022-2
- https://www.newsweek.com/villanelle-jesus-jodie-comer-killing-eve-season-four-episode-one-1682636