หากจะพูดถึงภาพยนตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับโรคระบาด เชื้อไวรัสมรณะล้างโลก แต่ละคนก็คงมีภาพจำ มีเรื่องราวในใจที่แตกต่างกันไป แต่ในครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งไหนๆ เพราะภาพยนตร์ที่สร้างจากการระบาดของโคโรนาไวรัสหรือเจ้า COVID-19 ตัวร้ายที่เปลี่ยนวิถีชีวิตผู้คนไปจากเดิม ตอนนี้ไม่มีภาพยนตร์เรื่องไหนถ่ายทอดเรื่องราวผลกระทบนี้ได้สะท้อนความเป็นจริงเท่ากับเรื่อง Help อีกแล้ว
Help (TV Movie) ภาพยนตร์ความยาว 1 ชั่วโมง 38 นาที ที่สร้างเพื่อฉายทางทีวีโดยเฉพาะ ออกอากาศครั้งแรกเมื่อกันยายนปี 2021 ที่พาเราย้อนกลับไปสัมผัสผลกระทบของโคโรนาไวรัสในช่วงต้นปี 2020 ซึ่งขณะนั้นทั่วโลกยังไม่มีใครรู้จัก ไม่มีใครเข้าใจ และไร้ซึ่งวิธีการรับมือ ทำให้ทุกคนต้องอยู่กับความกังวล ความน่าสะพรึงว่าจะเอาชีวิตรอดจากวิกฤติการณ์นี้อย่างไร ผ่านมุมมอง ชีวิตและความสัมพันธ์ของผู้คนในบ้านพักคนชรา Bright Sky ใน Liverpool, UK
ช่วงก่อนที่ COVID-19 จะระบาดไม่นานนัก Sarah (รับบทโดย Jodie Comer จาก Killing Eve, Free Guy และ The Last Duel) หญิงสาวผู้ที่ถูกทุกคนในชีวิตพร่ำบอกเธอว่า ไม่เคยทำอะไรประสบความสำเร็จเลย เรียนจบด้วยเกรดที่ไม่ดีนัก ฉะนั้นตัวเลือกในการทำงานจึงมีไม่มากสำหรับเธอ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ซาร่าห์เชื่อมาตลอดว่าเธอทำได้ดีและรักที่จะทำ คือการดูแลผู้สูงอายุ เพราะเธอเคยดูแลคุณตาที่เป็นอัลไซเมอร์มาก่อน และสิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า เธอจึงเข้าอบรมหลักสูตรการดูแลคนสูงอายุ เพื่อที่มาสมัครงานเป็นผู้ดูแล (Carer) ในบ้านพักคนชรา Bright Sky ในเมือง Liverpool, UK เมื่อเริ่มงาน เธอปรับตัวและทำหน้าที่ได้ดี มีมิตรภาพเกิดขึ้นระหว่างเธอและผู้สูงอายุคนอื่นๆ หนึ่งในนั้นคือ Tony รับบทโดย Stephen Graham ชายวัยสี่สิบปลายที่มีอาการภาวะสมองเสื่อมขั้นต้น
ขณะที่ทุกอย่างในชีวิตเริ่มเข้าก็เหมือนโชคชะตาจะเล่นตลก เพราะมีข่าวเกี่ยวกับ COVID-19 แพร่เข้ามาในอังกฤษ เริ่มมีรายงานคนติดเชื้อ เสียชีวิตเป็นว่าเล่น ทำให้วิถีชีวิตของทุกคนต้องเปลี่ยนไป จากที่ลูกหลานญาติพี่น้องของผู้สูงอายุสามารถเข้ามาเยี่ยม พบปะพูดคุยกันได้ ก็ไม่สามารถทำได้อีก แล้ววันหนึ่งเริ่มมีผู้สูงอายุในบ้านนั้น มีอาการไข้สูง หายใจไม่สะดวก เหนื่อยหอบ อุปกรณ์ซัพพอร์ตต่างๆ ก็ไม่เพียงพอ ความช่วยเหลือจากภายนอกก็ไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไร แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป สถานการณ์ในบ้านนั้นจะจบอย่างไร อยากให้ทุกคนลองไปติดตามกันด้วยตัวคุณเอง
กว่าจะมาเป็น Help
โปรเจ็กต์นี้เป็นการโคจรกลับมาเจอกันอีกครั้งของทั้งโจดี้และสตีเฟน หลังจากที่ทั้งคู่เคยถ่ายทำซีรีส์ Good Cop ด้วยกันเมื่อ 9 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้สตีเฟนเห็นความสามารถของโจดี้และแนะนำเธอให้เอเจนท์ของเขา ซึ่งก็คือเอเจนท์คนปัจจุบันของโจดี้เช่นกัน ความสัมพันธ์ของพี่ชายน้องสาวชาวลิเวอร์พูลคู่นี้มองหาจังหวะร่วมงานกันมานาน จนในที่สุดเวลานั้นก็มาถึง ซึ่งความบังเอิญก็คือ ทั้งคู่ต่างไม่รู้ว่าตัวเองต่างติดต่อไปหา Jack Thorne นักเขียนบทละครทางฝั่งอังกฤษที่มีรางวัลการันตีอย่าง BAFTA TV มาแล้ว จาก This Is England ’90, National Treasure, The Virtues, His Dark Maerials ฯลฯ หากใครเป็นสายภาพยนตร์คงเคยผ่านตาจาก The Secret Garden และ Enola Holmes หรือถ้าคุณเป็นแฟนแฮร์รี่พอตเตอร์แล้วมีโอกาสได้อ่านบทละครเวที Harry Potter and the Cursed Child คุณก็เคยสัมผัสงานเขาแล้วเช่นกัน
“มันค่อนข้างเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่แสนพิเศษเลยล่ะที่ฉัน สตีเฟน และแจ็คอยากทำโปรเจคร่วมกัน” โจดี้บอกกับ The Guardian “ช่วงที่ฉันยังแอคทีฟทวิตเตอร์อยู่ ฉันเมสเสจไปหาแจ็คเพื่อบอกว่า รอร่วมงานด้วยอยู่นะ” เธอบอกด้วยท่าทีเขินๆ ในขณะที่ทางสตีเฟนเองบังเอิญนั่งข้างแจ็คในงานประกาศรางวัลช่วงปี 2020 เลยถามว่า “แจ็ค คุณมีแผนจะทำอะไรหรือยัง ถ้าหากยัง ช่วยผมหน่อยสิ ผมอยากให้คุณเขียนบทอะไรสักอย่างสำหรับผมและโจดี้” เขาตอบผมกลับมาว่า “บังเอิญมากนะรู้ไหม เพราะโจดี้กำลังอยากทำโปรเจ็กต์สักอย่างที่เซ็ตในลิเวอร์พูลอยู่พอดี”
เรื่องราวที่จะบอกเล่าต้องเป็นความจริง
สตีเฟนเผยว่าเรื่องราวในบ้านพักคนชราไม่ได้เป็นตัวเลือกแรกที่จะทำใน Help ก่อนหน้านี้เราแค่วางแผนเพียงแค่บอกเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ของพี่ชายน้องสาวเพียงเท่านั้น แต่แล้วแจ็คมีความคิดว่า เรื่องราวที่จะนำเสนอต้องจริงมากพอและต้องดีทัดเทียมกับระดับฝีมือของทั้งสตีเฟนและโจดี้ที่จะมาถ่ายทอดให้ ซึ่งหลังจากหาแรงบันดาลใจสักระยะ ก็มีข้อมูลเชิงสถิติในอังกฤษรายงานออกมาว่า ตั้งแต่ช่วงมีนาคม-มิถุนายนปี 2020 เคสการเสียชีวิตจากโควิดประมาณ 48,500 คน ซึ่ง 40% เป็นคนในบ้านพักคนชรา และสิ่งที่รัฐบาลทำมีเพียงการสนับสนุน PPE ซึ่งคิดเป็น 10% ของความต้องการเท่านั้น ซึ่งหากอิงจากผลงานก่อนๆของแจ็ค เขามักสะท้อนเรื่องการเมืองและสังคมอยู่แล้ว เขาจึงไม่รอช้าร่างสคริปต์แรกส่งให้ทุกคน หลังจากได้อ่านแล้วทุกคนต่างลงความเห็นว่า นี่แหละคือเรื่องราวที่ทุกคนควรได้รับรู้
หลังจากได้ร่างสคริปต์มาแล้วแจ็คได้ติดต่อไปยัง Marc Munden ซึ่งทั้งสองเคยร่วมงานกันมาก่อน มาร์กก็ตัดสินใจมากำกับให้ทันทีเพราะชีวิตของเขาก็มีประสบการณ์เกี่ยวข้องกับบ้านพักคนชราเองด้วย เขาให้สัมภาษณ์ว่า “นับเป็นโอกาสอันดี ในที่สุดก็มีคนบอกเล่าเรื่องราวของเจ้าหน้าที่ในบ้านพักคนชราเสียที ผมอยากให้หนังเรื่องนี้เป็นเหมือนจดหมายขอบคุณความลำบากของพวกเขาด้วย” ส่วนทางโจดี้บอกว่า “ส่วนตัวฉันเอง ฉันนับถือในการใช้เสียงที่มีอยู่เพื่อส่งสารที่สำคัญออกไป ซึ่งโปรเจ็กต์นี้เป็นครั้งแรกที่ฉันได้มีบทบาทร่วมตั้งแต่แรกเริ่ม มันมีใจความสำคัญแฝงอยู่ ซึ่งมันอาจจะหดหู่ น่ากลัวและอึดอัด แต่นี่คือการส่งเสียงที่แท้จริง เพื่อแทนเสียงคนที่ไม่สามารถออกมาพูดได้” สตีเฟนเสริมว่า “ยิ่งย้อนกลับไปช่วงเวลานั้น เราไม่รู้ว่านี่คืออะไร เรารู้เพียงว่ามันแย่ มันอันตราย แต่เราไม่รู้จักการรับมือกับมัน นี่แหละความน่ากลัวที่แท้จริง”
ฉากที่ไม่พูดถึงไม่ได้ใน Help
สำหรับใครที่มีโอกาสได้ดูเรื่องนี้แล้วจะรู้เลยว่า ความน่ากลัว ความอึดอัด ความโมโหที่ตัวเองที่ทำอะไรได้ไม่มากนัก แล้วไหนจะโมโหการบริหารงานของเหล่าผู้มีอำนาจที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้ในทันทีนั่นอีก ทุกอารมณ์ที่สุดแสนจะจุกอกและบีบคั้นหัวใจ ถูกมัดรวมและสื่อออกมาให้เราชมในรูปแบบของฉาก Long Take ความยาว 26 นาที ซึ่งเท่าที่หาข้อมูลและรีแอคชั่นมาจากหลายๆ แหล่ง ทุกคนต่างยกให้เป็นฉากขึ้นหิ้งของภาพยนตร์เรื่องนี้เลย เราอยากให้ทุกคนได้สัมผัสด้วยตัวเองจริงๆ แล้วคุณจะเข้าใจ
นอกจากนั้น อีกหนึ่งฉากที่ไม่พูดไม่ได้คือการ Break the Forth Wall ในช่วงท้ายที่ซาร่าห์หันมามองกล้องตรงๆ แล้วพูดฉะการทำงานของรัฐ ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความสูญเสียที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ ใครต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ทั้งด้านการบริหารจัดการทรัพยากรเพื่อความปลอดภัยของบุคลากรทางการแพทย์ กระทั่งสิทธิต่างๆ ของประชาชนเองที่ควรได้รับ โอกาสในการได้รับการรักษา ได้รับการเข้าสิทธิต่างๆ ควรมีอย่างเท่าเทียมและเพียงพอ ไม่ควรต้องมีใครไม่ได้รับมันเพียงเพราะว่าคุณสมบัติที่มีมันไม่ตรงกับมาตรฐานที่รัฐกำหนดไว้ เพราะว่าทุกครั้งที่เมื่อถามไป ก็มักจะได้คำตอบว่า มันอยู่นอกเหนือการควบคุมทำงานของภาคส่วนเรา ซึ่งต่างคนก็ต่างโบ้ยไปมาว่า ‘ไม่ๆ นี่ไม่ใช่หน้าที่ฉัน’ หากทุกคนพูดแบบนี้แล้วคนที่ต้องก้มหน้ารับกรรมคือประชาชนในประเทศงั้นหรือ
นี่เองคือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อใช้สื่อนำเสนอความจริง ความจริงที่ไม่ว่าอยู่ที่ไหนของโลกใบนี้ก็เชื่อมโยงกับเหตุการณ์นี้ได้ จริงจนถึงขั้นที่ผู้ชมบางคนไม่สามารถดูได้จนจบ เพราะหวนทำให้พวกเขานึกถึงช่วงเวลาที่ต้องสูญเสียคนที่รักให้กับวิกฤติครั้งนี้ Help ยังนับว่าเป็นจดหมายแทนคำขอบคุณถึงเจ้าหน้าที่ในบ้านพักคนชรารวมไปถึงบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าทุกคนว่า เราได้รับรู้ถึงความพยายามและสิ่งที่พวกเขาทำและเราขอบคุณพวกคุณทุกคนจากใจจริง และท้ายที่สุด Help ยังแสดงถึงอิสรภาพในการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐ เป็นตัวแทนเสียงของประชาชนที่กำลังประสบปัญหาและกำลังตั้งคำถามเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับสังคม
ก่อนจากกัน อย่างที่บอกไว้ว่า เรื่องนี้เซ็ตที่ลิเวอร์พูลซึ่งเป็นบ้านเกิดของนักแสดงนำทั้งคู่ จึงไม่น่าแปลกใจที่ตัวละครจะพูดคุยด้วยสำเนียงสเกาซ์ หากแฟนๆ คนไหนยังไม่เคยได้ยินโจดี้พูดด้วยสำเนียงของตัวเองอย่างเต็มรูปแบบแล้วล่ะก็ แนะนำว่าเรื่องนี้ไม่ควรพลาด
Help ฉายทาง Channel 4 (UK) , Acorn TV (US)
Sources:
- https://decider.com/2022/01/31/help-acorn-tv/
- https://www.theguardian.com/tv-and-radio/2021/aug/22/jodie-comer-and-stephen-graham-on-friendship-football-and-their-new-care-home-drama-help