อย่างที่รู้กันว่า Little Women เองก็ได้รับรางวัล Best Costume Design จากเวทีออสการ์มาแล้ว ก็ต้องยกความดีความชอบให้กับ Jacqueline Durran คอสตูมดีไซเนอร์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งเธอก็ได้บอกว่าเธอพยายามที่จะเอาความสดใหม่ใส่เข้าไปให้เหมาะกับฉากในสมัยศตวรรษที่ 19 “ฉันพยายามคิดให้มากขึ้นเกี่ยวกับ เด็กผู้หญิงที่อยู่ในครอบครัวที่มีความคิดติดดิน ชีวิตของพวกเขาในชนบท การใช้ชีวิตของพวกเขา และส่วนที่เราได้รู้ว่าครอบครัวนี้ใช้ชีวิตกันอย่างไร ฉันพยายามนำบริบททั้งหมดมาตีความเกี่ยวกับเครื่องแต่งกาย” เธอกล่าว “ฉันคิดว่ามันเป็นการนำชีวิตใหม่เข้ามาสู่สาวยุควิคตอเรียน ทำให้เป็นแบบวิคตอเรียน แต่ไม่ใช่ในแบบที่เราเคยเห็น”
Greta Gerwig บอกว่า Jacqueline Durran คือคอสตูมดีไซเนอร์คนแรกที่เธอคิดถึง “ฉันคิดว่าเธอเป็นคนแรกๆ เลยที่ฉันนึกถึงและอยากจะทำงานด้วย เราเริ่มต้นกันเร็วมากๆ ฉันสามารถบินไปลอนดอนแล้วใช้เวลาเป็นวันๆ กับเธอได้เลย ไม่ว่าจะเป็นนั่งทวนไอเดีย ค้นคว้า พูดคุย และพัฒนาภาษาเพื่อใช้งานร่วมกันเลยล่ะ”
ความแตกต่างของชุดสำหรับตัวละครใน Little Women
“คอนเซปต์ของครอบครัวมาร์ชของพวกเราก็คือ พวกเขาออกจะเป็นครอบครัวฮิปปี้ที่แปลก และเป็นอิสระ พวกเขาแตกต่างจากคนอื่นๆ พวกเขาทำเสื้อผ้าของตัวเอง และดูไม่เหมือนกับผู้หญิงทั่วไป แต่เพื่อที่จะสร้างสิ่งนั้นได้ คุณต้องรู้ก่อนนะว่าผู้หญิงคนอื่นๆ หน้าตาเป็นอย่างไร มันจึงเป็นเรื่องราวของการสร้างโลก และสร้างสาวๆ บ้านมาร์ชขึ้นมา” แจ็คเกอลีนเผย
สำหรับเครื่องแต่งกายนั้น เกรต้าบอกว่าเธอกับแจ็คเกอลีนได้แรงบันดาลใจมาจากรูปถ่ายของ Julia Margaret Cameron และภาพวาดของ Winslow Homer และที่สำคัญเลยก็คือ แจ็คเกอลีนได้รับมอบหมายให้พัฒนาดีไซน์ของแต่ละคนให้แตกต่างกันออกไป แต่ต้องส่งเสริมกันและกันในฉากที่พวกเขาอยู่ร่วมกัน เธอบอกว่าลักษณะนิสัยของแต่ละคนถือเป็นสิ่งสำคัญ แล้วหลังจากนั้นก็นำมารวมกัน แม้มันจะไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ได้เป็นระเบียบ แต่มันคือตัวแทนของพวกเขาในฐานะพี่น้อง” ซึ่งเธอก็ได้ยกตัวอย่างให้เห็นชัดอย่างในฉากที่พวกเขาไปชายหาดด้วยกัน เธอบอกเอาไว้ว่านั่นคือความรู้สึกที่แท้จริงของอเมริกาอิมเพรสชันนิสม์บริเวณฝั่งตะวันออก ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ทั้งสีสัน แสง และเสรีภาพ ที่สาวๆ มีอยู่บนชายหาด
Meg
สำหรับเสื้อผ้าของเม็ก ผู้ที่เฝ้าฝันถึงความสุขในบ้าน แจ็คเกอลีนบอกว่านั่นท้าทายอย่างมาก เพราะว่าบ้านมาร์ชนั้นค่อนข้างจะยากจน แต่เม็กเป็นคนที่มีความทะเยอทะยาน เธอจึงหยิบเอาข้อมูลจากการวิจัยของเธอมาใช้ และหยิบเอาเครื่องแต่งกายแนวโรแมนติกในยุคกลางหรือยุคฟื้นฟูศิลปะแบบกอธิคเข้ามาใช้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ลูกไม้ทำมือ เพื่อสะท้อนความรู้สึกของความซื่อสัตย์ ไม่เห็นแก่ตัว และแฟชั่นร่วมสมัยเอาไว้ในตู้เสื้อผ้าของเม็ก และสิ่งที่ตรงข้ามกับลุคของเม็กในชีวิตประจำวันเลยก็คือการเข้าร่วมงานเลี้ยงเต้นรำในบอสตัน ซึ่งเม็กก็ได้แสร้งทำตัวเป็นคนอื่น และเด็กผู้หญิงที่นั่นก็เรียกเธอว่าเดซี่ ชุดที่จะหยิบมาใช้ก็คือชุดที่ทำจากผ้าไหม เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงการออกนอกโลกเก่า (เพราะว่าเด็กๆ บ้านมาร์ชไม่เคยได้สวมชุดผ้าไหมเลย นอกจากตอนเด็ก) และสาวๆ ต่างสวมชุดสีพาสเทลแนวเดียวกันหมด และเพื่อเพิ่มความรู้สึกที่แบบว่า เป็นการเปิดตัวของเม็กในงานเต้นรำ แจ็คเกอลีนจึงเลือกเฉดสีจำนวนมาก เพื่อเลือกให้เหมาะกับเอ็มม่า วัตสัน มากที่สุด และสีชมพูอ่อนก็เหมาะกับเธอมากๆ
Jo
ตรงกันข้ามกับเสื้อผ้าของเม็ก เครื่องแต่งกายของโจนั้นจะเป็นแบบทอมบอย แจ็คเกอลีนเลือกที่จะเก็บชุดสีแดงและสีน้ำเงินเอาไว้ก่อน เพราะว่าโจไม่สวมเสื้อผ้าร่วมกับพี่สาว แต่กลับเลือกที่จะแลกเปลี่ยนเสื้อผ้าแบบบอยอิชกับลอรี่แทน “มันเป็นการแสดงให้เห็นว่าพวกเขาสนิทสนมกันมากเพียงใด และโจอยากที่จะเป็นผู้ชายมากแค่ไหน แล้วลอรี่เองก็ระบุตัวตนกับโจได้มากน้อยเพียงใด และนั่นเป็นเพียงภาพตัวแทนของพวกเขาในช่วงเวลานั้น” แจ็คเกอลีนบอกว่าเธอได้ทำเสื้อแจ็คเก็ตและเสื้อกั๊กที่นักแสดงทั้งสองสวมระหว่างการถ่ายทำ “โจมักจะชอบทำตัวเหมือนสวมกางเกงขายาวตลอดเวลา แม้ว่าเธอจะไม่ได้สวมก็เถอะ”
เกรต้าบอกว่า สีของโจคือสีแดง “สีแดงมันมาจากหนังสือ นั่นเป็นสีของเธอ มันแสดงถึงความโกรธขึ้ง ความหลงใหล ความใคร่ และความทะเยอทะยาน เมื่อเธอยังเป็นเด็ก เธอสามารถสวมชุดสีแดงสว่าง หรือกระโปรงชั้นในสีแดสงสว่างได้ตลอดเลย แต่พอโตขึ้น มันลดลงเหลือแค่ผ้าเช็ดหน้าสีแดงสดรอบคอของเธอแค่นั้น
สำหรับลุคของโจเมื่อเข้าไปอยู่ในเมืองใหญ่ และพยายามทำตัวให้เป็นนักเขียน แจ็คเกอลีนก็คิดเช่นกันว่าจะทำยังไงให้เด็กอายุ 18 ที่ย้ายเข้าไปนิวยอร์ก และอยากที่จะเป็นผู้ใหญ่ แต่ก็ยังคงความเป็นตัวเองได้อยู่ เธอจึงตัดสินใจทำเสื้อเชิ้ตและหมวกให้ดูเป็นลุค androgynous นั่นมีความคล้ายกับหมวกของผู้ชายมาก แต่อย่างไรก็แล้วแต่ ผู้หญิงเองก็สวมหมวกเหล่านั้นด้วยเช่นกัน “ฉันเลือกเครื่องแต่งกายที่มีความเป็นบอยอิช จากเสื้อผ้าของผู้หญิงนั่นแหละ”
นอกจากนี้แล้ว แจ็คเกอลีนยังจับคู่เสื้อผ้าของโจด้วยชุดเดรสผ้าฝ้ายหลวมๆ และกระโปรงผ้าวูลธรรมดา คู่กับเสื้อกั๊กผู้ชายและเสื้อเชิ้ตคนทำงานแบบมีปก ส่วนเสื้อแจ็กเกตสไตล์ทหารของเธอนั้น ก็ใส่สวมเป็นเกราะกำบัง เวลาเธอนั่งเขียนหนังสือใต้แสงเทียนบนห้องใต้หลังคา เธอต้องการที่จะให้แจ็กเก็ตตัวนี้ดูเหมือนชิ้นส่วนที่โจขโมยมาเพื่อตัวเอง เธอบอกว่า “นั่นอาจจะเป็นของที่พ่อหรือของที่เด็กๆ ทิ้งไว้ที่บ้านก็ได้ และนั่นก็เป็นเหมือนกับว่าโจกำลังจัดชุดยูนิฟอร์มการเขียนของเธอเอง”
ซึ่งแจ็กเก็ตสไตล์ทหารของโจนั้นมาจากไอเดียของเซอร์ช่าและแจ็คเกอลีน เกรต้าบอกว่าทั้งสองคนเป็นคนช่วยกันคิดว่าโจจะสวมอะไรตอนเขียนหนังสือ เกรต้าบอกด้วยว่า “แจ็กเกตทหารมันมาจากแจ็กเกตจริงๆ ช่วงทศวรรษที่ 1840 โจน่าจะหามาจากถุงผ้าหรืออะไรสักอย่าง และนั่นก็เลยทำให้เซอร์ช่ามาพร้อมกับไอเดียที่ว่า เวลาโจเขียน มันเหมือนกับแคมเปญทหาร ที่เธอจะยึดครองอวกาศนั่นเอง”
Beth
เบธ เป็นสาวคนเดียวที่ไม่เคยออกจากบ้านในวัยเด็กของเธอเลย และเธอก็ไม่เคยเปลี่ยนสไตล์ของตัวเองอย่างมีนัยสำคัญ แน่นอนว่าเธอสวมเสื้อผ้าของโจสองสามอย่าง และหลังจากเธอตาย โตก็สวมแจ็กเก็ตของเบธเอาไว้ราวกับจะห่อหุ้มตัวเองเอาไว้ในความทรงจำอันอบอุ่นของน้องสาวของเธอ “เบธเปรียบเสมือนตัวแทนของบ้าน ครอบครัว และความเป็นบ้าน” นั่นจึงทำให้แจ็คเกอลีนเลือกที่จะเก็ลสีชมพูไปจนถึงน้ำตาลเอาไว้เป็นสีหลักเพื่อให้เห็นถึงความอบอุ่นและนุ่มนวล
“โจและเบธไม่เคยสวมคอร์เซ็ตเลย เม็กก็สวมบ้างในบางครั้ง แต่เอมี่สวมคอร์เซ็ตตลอดเวลา” แจ็คเกอลีนบอก เธอยังเสริมด้วยว่า โจเองก็ยังเลี่ยงที่จะสวมสุ่มกระโปรงด้วย แม้ว่าในตอนแรกนั้นเธอจะตั้งใจจะให้โจใส่เข้าไปก็ตาม และเมื่อเธอพยายามแบบนั้น มันก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่าพวกเขาก้าวออกไปจากตัวละครของเธอมากเกินไป
Amy
ด้วยสายตาของศิลปิน เอมี่เองก็ได้ขยายความงามไปถึงตู้เสื้อผ้าอันไร้ที่ติ “เอมี่ต้องการที่จะเป็นคนที่ทันต่อแฟชั่นและอยู่ในสไตล์เหล่านั้นตลอดเวลา เธอเป็นคนหนึ่งที่มีเงินมากขึ้น มีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้นไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง เธอเป็นคนที่ใกล้ชิดกับแฟชั่นร่วมสมัยมากกว่าใครๆ” ซึ่งเราจะเห็นได้ตั้งแต่วัยเด็กของเธอ ที่เธอมักจะลองเสื้อผ้าใหม่ๆ ตัดแต่งหรือยุ่งกับผมของตัวเอง หรือวุ่นวายกับการกดจมูกของตัวเอง และแน่นอนว่าวัยเด็กของเธอ เสื้อผ้าของเอมี่ก็ดูสวยหรูที่สุดกว่าทุกๆ คน แต่เมื่อเธอไปยุโรป เธอสามารถซื้อเสื้อผ้าด้วยเงินของป้ามาร์ชได้ และแต่งตัวให้เรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
Marmee
แจ็คเกอลีนบอกว่าเครื่องแต่งกายของมาร์มีนั้นยากที่สุด “ฉันได้แรงบันดาลใจมาจากแม่ของ Louisa May Alcott และลอร่า เดิร์น ก็ตีความว่า มาร์มีควรเป็นผู้หญิงที่ติดดิน แม้ว่าเธอจะมาจากครอบครัวที่ดีจากชายฝั่งตะวันออกก็ตาม เธอมีความเป็นผู้ใหญ่และเป็นคนสำคัญในชุมชน “การเลือกเสื้อผ้าของเธอจึงจำเป็นที่จะต้องมีความเป็นวิคตอเรียนอยู่หน่อยๆ เพื่อให้ตัดกับเด็กๆ แต่ก็ยังคงความหัวก้าวหน้าเอาไว้ด้วย การเลือกเสื้อผ้าและคู่สีจึงเป็นเรื่องยาก ถ้าหากเธอสวมเสื้อคลุมสีเข้ม เราก็ต้องเพิ่มริบบิ้นสีแดงเข้าไป เพื่อให้เห้นว่ามาร์มีเป็นคนที่ไม่ทำตามข้อกำหนดนั้นๆ”
Laurie
ส่วนตัวของลอรี่ อย่างที่เรารู้กันว่าทิมมี่เป็นคนที่มีสไตล์ที่โดดเด่นตลอดเวลา และใน Little Women เขาก็ยังสามารถเลือกเสื้อผ้าของเขาเองได้เช่นกัน แจ็คเกอลีนออกว่าเสื้อผ้าและชุดสูททั้งหมดล้วนแล้วถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อให้เหมาะกับทิโมธีโดยเฉพาะ “เราได้รับอนุญาตให้ตัดชุดใหม่ เพราะว่าแจ็กเกตแบบบ็อกซี่ในยุค 1860 ดูไม่เหมาะกับทิโมธีเท่าไหร่ การแสดงภาพที่เขาเป็นคนที่ไม่ถือขนบธรรมเนียมใดๆ และเป็นพาร์ทเนอร์ของโจคือสิ่งสำคัญสำหรับเรา ฉันเตรียมเครื่องแต่งกายต่างๆ ของเขาเอาไว้ และเมื่อทิโมธีแต่งตัว เขาก็จะตัดสินใจว่าจะสวมชุดนั้นอย่างไร และนั่นก็ทำให้มันดูสดใหม่มากๆ มีหลายครั้งที่เขาควรจะต้องสวมแจ็กเก็ต แต่ว่าเขาไม่ต้องการ เราทุกคนล้วนรู้กฎเกณฑ์ต่างๆ นะ แต่ว่าเราก็ต่างแหกกฎที่ตัวเองต้องการด้วย” แจ็คเกอลีนยังบอกด้วยว่า เกรต้าให้ทิมมี่ค้นคว้าเรื่อง British Teddy Boys ไปพร้อมๆ กับการอ่าน Baudelaire ซึ่งทิโมธีเองก็ได้บอกด้วยว่า Little Women เป็นหนังเรื่องเดียวที่เขาสามารถเลือกชุดหลายๆ แบบให้กับตัวเอง อย่างตอนที่อยู่ในรถเทรลเลอร์ เกรต้าก็ได้ให้โอกาสทุกคนในการค้นหาตัวเองว่าคาแรคเตอร์ของตนนั้นต้องการที่จะแต่งตัวแบบไหน และให้โน้ตเมื่อทีมนักแสดงต้องการมัน
การแชร์เสื้อผ้าระหว่างโจและลอรี่
ในหนังสือ ตัวของโจนั้น สวมเสื้อผ้าของผู้ชาย และคร่ำครวญถึงความเป็นหญิง และใน Little Women มิตรภาพระหว่างโจและลอรี่ก็พิสูจน์ให้เห็นถึงความสัมพันธ์แบบต่างเพศกันอีกด้วย “โจเป็นผู้หญิงที่มีชื่อเป็นผู้ชาย ส่วนลอรี่ก็เป็นเด็กผู้ชายที่มีชื่อของผู้หญิง” เกรต้าได้บอกเอาไว้ “ในทางใดทางหนึ่ง พวกเขาเป็นฝาแฝดของกันและกัน” และแน่นอนว่าสิ่งที่เชื่อมโยงกันระหว่างพวกเขา นั่นก็คือตู้เสื้อผ้านั่นเอง พวกเขาแลกเปลี่ยนเสื้อผ้ากันตลอดทั้งเรื่อง” เกรต้ายังเสริมด้วยว่า “พวกเขารู้จักกันก่อนที่พวกเขาจะยึดโยงกับเจนเดอร์ ไม่ผิดหรอกที่เราจะเรียกเซอร์ช่าว่าหล่อและบอกว่าทิโมธีว่าสวย พวกเขาทั้งคู่มีความเป็น androgynous เหมือนกัน และนั่นก็ทำให้ตัวละครของพวกเขาสมบูรณ์แบบ”
การที่โจและลอรี่แชร์เสื้อผ้ากันใส่นั้นก็เป็นสิ่งที่วางแผนเอาไว้ อย่างที่ได้บอกไปนั้น แจ็คเกอลีนเล็งเห็นถึงความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างโจและลอรี่ “นั่นเกี่ยวกับความใกล้ชิดของพวกเขาเช่นกัน ที่มันแน่นแฟ้นมากๆ และสิ่งนี้ก็ถือเป็นจุดสำคัญของเรื่องอีกด้วย” แต่เธอก็ยังบอกว่านั่นถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก ที่จะคิดว่าให้สวมอะไร และที่ไหน แต่เธอก็ตัดสินใจเอาไว้ว่าจะให้เห็นเสื้อกั๊กสีทองที่มีลายสีแดงที่ลอรี่สวมก่อน เพื่อให้ผู้ชมจำเสื้อกั๊กที่โจสวมได้ในภายหลัง ซึ่งทิมมี่และเซอร์ช่าต้องแชร์เสื้อกั๊กตัวนี้ร่วมกัน และในซีนอื่นๆ ก็มีเครื่องแต่งกายสำหรับทั้งสองคนนี้อีกด้วย แจ็คเกอลีนบอกว่า แม้ว่าไซส์ของทั้งคู่จะมีขนาดใกล้เคียงกัน แต่ว่าทิโมธีก็ยังสูงกว่าเซอร์ช่ามาก จนควรที่จะมีเสื้อตัวยาวกว่า มากกว่าเสื้อตัวสั้น”
สามารถรับชม Little Women (2019) ได้ทาง HBO Go
Sources:
- https://ew.com/movies/little-women-costumes/
- https://fashionista.com/2020/02/little-women-jacqueline-durran-costume-designer-career
- https://www.harpersbazaar.com/culture/film-tv/a30835038/little-women-costume-designer-jacqueline-durran-interview/
- https://www.indiewire.com/2020/01/little-women-greta-gerwig-jacqueline-durran-costumes-1202200002/
- https://www.newyorker.com/culture/on-and-off-the-avenue/how-jacqueline-durran-the-little-women-costume-designer-remixes-styles-and-eras
- https://www.sonypictures.com/movies/littlewomen
- https://www.vogue.com/article/little-women-movie-costume-designer-jacqueline-durran-interview
- https://www.newyorker.com/culture/on-and-off-the-avenue/how-jacqueline-durran-the-little-women-costume-designer-remixes-styles-and-eras