Jodie Comer กับไอดอลในดวงใจของเธอ

| |

เมื่อพูดถึง Jodie Comer หลายคนอาจจะนึกถึงบทบาทสุดโดดเด่นอย่าง Villanelle ในซีรีส์ Killing Eve อย่างแน่นอน และกว่าจะมาเป็นเธอในทุกวันนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้ว่าผลงานการแสดงของเธอจะไม่มากเท่ากับนักแสดงหลายๆ คน แต่ก็ต้องบอกว่าเธอเองก็น่าจับตามองอย่างมาก เพราะผลงานของเธอไม่ได้หยุดอยู่แค่ซีรีส์ในจอทีวีอย่างเดียวเท่านั้น แต่เธอก็ยังมีโอกาสได้ร่วมงานกับนักแสดงและผู้กำกับชั้นนำอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ Free Guy ที่จะเข้าฉายในต่างประเทศวันที่ 13 สิงหาคมนี้ หรือจะเป็นภาพยนตร์ The Last Duel ที่จะฉายรอบปฐมทัศน์ที่งานเทศกาลหนังเมืองเวนิสในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้

โจดี้ก็เหมือนกับใครหลายๆ คนที่มีไอดอลเป็นของตัวเอง อย่างที่เธอได้บอกกับ The Sydney Morning Herald ว่าเธอมีโชว์รันเนอร์ของ Killing Eve ในซีซั่นแรก และผู้กำกับในโปรเจ็กต์ Snatches ที่เธอร่วมงานด้วยเมื่อปี 2018 เป็นแรงบันดาลใจของเธอ

Phoebe Waller-Bridge บุคคลต้นแบบของโจดี้ โคเมอร์

โจดี้ โคเมอร์ เข้าใจแก่นแท้ของการเป็นแบบอย่างเป็นอย่างดี เธอให้ความสำคัญและยกย่องบทบาทของผู้หญิงหลายๆ คนในชีวิตของเธอเอง ตั้งแต่ Phoebe Waller-Bridge นักแสดงและผู้เขียนบท Killing Eve อีกทั้งยังรวมไปถึง คนที่อาจไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้างนัก เช่น Vanessa Caswill ผู้กำกับที่เธอเคยร่วมงานเมื่อปี 2018 ในโปรเจ็กต์ Snatches ละคร monologue ที่ได้แรงบันดาลใจจากผู้หญิงในประวัติศาสตร์ ซึ่งโจดี้รับบทบาทเป็นเลขานุการในลิเวอร์พูลช่วงปี 1960 ที่กำลังพยายามทำความเข้าใจเกี่ยวกับเพศของเธอเอง

Phoebe Waller-Bridge on set ‘Killing Eve’

“พวกเธอมีบทบาทสำคัญมากเลยล่ะ” โจดี้กล่าว “นี่น่าจะเป็นอะไรที่มากกว่าแค่อยู่ในจิตใต้สำนึกของฉันเอง เป็นสิ่งที่ฉันได้รับมาโดยที่ฉันไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยซ้ำ ฉันชื่นชมพวกเธอเหล่านี้เพราะพวกเธอรู้ว่า พวกเธอเป็นใคร แล้วพวกเธอแสดงตัวตนเหล่านั้นออกมาได้อย่างเต็มที่และอิสระ”

“ลองนึกภาพดูนะ ถ้าผู้กำกับชายโมโหมากจนตะโกนใส่คนอื่นๆ ว่าต้องทำอะไร ทุกคนก็คงจะคิดว่า ‘โอเค ก็นี่เป็นวิธีการทำงานของเขา’ แต่ในทางกลับกัน ถ้าเป็นผู้หญิงบ้างล่ะประโยคนั้นคงกลายเป็น ‘เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?’ ฉะนั้นการได้เห็นผู้หญิงเหล่านี้ ยืนทำหน้าที่ตรงนี้ นี่คือสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้ฉัน พวกเธอทำงานกันได้อย่างสุดยอดมากเลย”

หนึ่งสิ่งที่ยากที่สุดสำหรับการเป็นนักแสดง นั่นคือการที่คนอื่นลงความเห็นเกี่ยวกับความสำเร็จหรือความล้มเหลว แต่สำหรับโจดี้นั้น ความคิดเห็นส่วนใหญ่เทไปทางคำชมมากกว่า เช่น The New Yorker นิยาม โจดี้ว่าเป็น “นักแสดงที่มีความมีชีวิตชีวาที่มาพร้อมกับเสน่ห์ที่ไม่อาจต้านทานได้”

“ถ้าว่ากันตามตรง ความคิดเห็นของคนอื่นๆ เคยส่งผลต่อฉันอย่างมากเลย มากกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้ คือมันค่อนข้างจะเกินจริงไปสักหน่อย เพราะว่าคุณอยู่ตรงนี้ ผู้คนจะเข้าถึงคุณได้ก็ผ่านผลงานของคุณ และพวกเขาก็สร้างความคิดเกี่ยวกับตัวตนของคุณเองขึ้นมาในหัวพวกเขา ผนวกกับตอนนี้สื่อมีอิทธิพลอย่างมาก แล้วผู้คนก็มักจะเชื่อในสิ่งที่พวกเขาได้อ่านกันเสียด้วย”

“ฉันว่าเมื่อคุณโตขึ้น คุณจะกังวลกับเรื่องพวกนี้น้อยลง พวกเรามักจะใช้ชีวิตแล้วมีช่วงที่ทำให้รู้สึกว่า เราหลงทางแล้วก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร แต่ในตอนนี้ ฉันรู้สึกว่า ฉันรู้ตัวเองเป็นใคร แล้วทริกที่ฉันพบคือ บางครั้งเราก็ไม่ควรสนใจว่าคนอื่นจะคิดกับเรายังไง”

โจดี้กล่าวถึงการสนทนาระหว่างเธอเองกับฟีบี้ในช่วงแรกของการถ่ายทำคิลลิ่งอีฟซึ่งได้เปลี่ยนมุมมองของเธอ “ตอนนั้นพวกเราคุยกันเกี่ยวกับเสียงวิพากย์วิจารณ์ ความคิดเห็นต่างๆ แล้วฉันพูดกับฟีบี้ว่า ‘ถ้าเราอ่านคำวิจารณ์ในด้านดีๆ ไปแล้ว เราก็ต้องอ่านคำวิจารณ์ที่แย่ๆด้วยเช่นกัน’ แต่ฟีบี้ตอบกลับมาว่า ‘ไม่ต้อง ก็ช่างมันสิ’ หลังจากนั้น ฉันก็รักฟีบี้มากขึ้นไปอีก ทั้งๆ ที่ฉันคิดว่ามันมากไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว”

Jodie Comer กับความเป็นส่วนตัวบนโลกโซเชียล

โจดี้ค่อนข้างเว้นระยะความเป็นส่วนตัวกับสื่อ เธอมักจะไม่พูดถึงชีวิตส่วนตัวในการให้สัมภาษณ์ที่ไหนมากนัก ดังนั้นสื่อต่างๆ จึงคาดเดากันไป (เธอมีข่าวว่ามีความสัมพันธ์กับนักกีฬาลาครอสชาวอเมริกัน James Burke แต่ก็ไม่เคยให้สัมภาษณ์ที่ไหนเป็นทางการ) “เรื่องความเป็นส่วนตัวเป็นที่สิ่งฉันเคารพยึดถือ แล้วมันก็เป็นสิ่งที่ฉันอยากจะรักษาไว้แบบนั้น” เธอให้สัมภาษณ์ไว้กับนิตยสาร Marie Claire เมื่อปีที่แล้ว

แม้ว่าในตอนนี้ อินสตาแกรมของโจดี้ โคเมอร์ จะมีผู้ติดตามถึง 1.8 ล้านคน โซเชียลมีเดียของเธอนั้นก็ยังคงความเป็นเธอไว้อย่างแท้จริง แต่ก็มีความธรรมชาติของโซเชียลมีเดียอยู่ด้วย “มันเป็นสิ่งที่เราก็ต้องยอมรับมัน” เธอกล่าว “สำหรับฉัน แพลตฟอร์มสาธารณะและอินสตาแกรมของฉันเอง มักจะโฟกัสไปที่ผลงานของตัวเองมากกว่า แต่บางครั้งฉันก็โพสเรื่องส่วนตัวนะ แต่จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อฉันรู้สึกสบายใจที่จะทำมันจริงๆ”

“ฉันคอยชั่งใจอยู่ตลอดระหว่างสิ่งที่ฉันควรจะทำ กับสิ่งที่ฉันสบายใจที่จะทำ บางคนอาจจะรับมือกับมันได้เป็นอย่างดี อาจรู้สึกว่ามันง่าย แต่ฉันไม่คิดแบบนั้น ฉันคงเป็นคนคิดมากเกินไปนั่นแหละ แต่แน่นอนว่าทุกคนก็ต้องมีความรับผิดชอบด้วย คุณคงไม่โพสช่วงเวลาที่คุณมี มินิ-เบรคดาวน์บนโซฟาใช่มั้ยล่ะ นี่แหละคือสิ่งที่ฉันพยายามจะสื่อ”

เธอยังบอกต่อไปอีกว่า “ฉันว่า ในตอนนี้ผู้คนเต็มไปด้วยเรื่องของตนเอง ฉันเล่นโยคะเมื่อวันก่อนแล้วคุณครูโยคะของฉันเปิดเพลงทำสมาธิในช่วงท้าย แล้วก็มีผู้ชายคนนึงพูดขึ้นมาว่า พวกเราได้สูญเสียความช่างสงสัยไปแล้ว”

“ซึ่งฉันเห็นด้วยนะ ในตอนเด็ก เราโตมาเราช่างถาม ช่างสงสัย อยากเข้าใจในทุกๆ สิ่ง ทุกอย่างช่างดูใหม่แปลกตา แต่เมื่อเราอายุมากขึ้น เราสูญเสียสิ่งเหล่านั้นไป” 

Free Guy ขอสักที พี่จะเป็นฮีโร่ | ตัวอย่างที่ 2 (Official ซับไทย)

Free Guy เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ต่างประเทศวันที่ 13 สิงหาคมนี้

Source:

  • https://www.smh.com.au/culture/movies/jodie-comer-from-tv-s-sexiest-villain-to-big-screen-geek-hero-20210728-p58dop.html

Previous

Rowan Blanchard และ Auli’i Cravalho นำแสดงในหนังเควียร์เรื่อง Crush

Exclusive: Disney ได้ตัดความสัมพันธ์และยกเลิกโปรเจ็กต์ทั้งหมดกับ Scarlett Johansson

Next