ก่อนหน้าการเปิดตัวภาพยนตร์ Black Widow ของ Marvel มีผู้คนจำนวนมากตั้งคำถามถึงอนาคตของ Scarlett Johansson ใน Marvel Cinematic Universe และถ้าพูดถึงชะตากรรมของเธอใน Endgame ก็อาจเป็นไปได้ว่ามันเป็นจุดจบของตัวละครของเธอ แต่อย่างที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าพวกเขาสามารถนำตัวละครกลับมาได้ทุกเมื่อ แต่หลังจากข่าวการฟ้องร้องของเธอต่อดิสนีย์ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์และการตอบโต้อย่างรุนแรงของสาธารณชนต่อคดีนี้ ทาง Giant Freakin Robot ก็ได้ออกมาบอกว่า เขามีแหล่งข่าววงในที่เชื่อถือได้บอกว่า Disney (อาจจะ)ได้ยุติความสัมพันธ์และโครงการในอนาคตกับ Scarlett Johansson รวมไปถึงข้อตกลงใหม่ในภาพยนตร์ Tower of Terror ที่สการ์เล็ตจะกำกับและรับบทนำด้วย
Disney ยกเลิกโปรเจ็กต์กับ Scarlett Johansson
นั่นก็หมายความว่า Disney ตั้งใจที่จะไม่ไปต่อกับโปรเจคที่พวกเขาได้ประกาศต่อสาธารณะไปแล้วก่อนหน้านี้ เช่น Tower of Terror และยังตีความได้อีกว่าโปรเจคก่อนหน้านี้ของสการ์เล็ตกับทางดิสนีย์เองก็จะถูกเก็บเป็นความลับมากยิ่งขึ้น เกิดคำถามค้างคามากมาย ไม่ว่าจะเป็น ก่อนหน้าที่จะมีการฟ้องร้องเกิดขึ้นมาร์เวลมีแผนการอะไรสำหรับ Black Widow บ้าง เรามีโอกาสที่จะได้เห็นตัวละครของเธออีกหรือไม่?
เช่นเดียวกัน ก่อนการเดินหน้าฟ้องร้องของสการ์เล็ต Kevin Feige ได้พูดคุยถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ไว้ว่า เขากระตือรือร้นที่จะได้ชมภาพยนตร์เดี่ยวของเธอ ในขณะที่พูดถึงเรื่องนั้นและอนาคตของเธอกับ Marvel Cinematic Universe เขาปฏิเสธที่จะให้คำมั่นว่านักแสดงจะมีอนาคตอย่างไรกับทางบริษัท เควินให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้กับ Entertainment Tonight ว่า “เธอเป็นโปรดิวเซอร์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ เธอเป็นคนเดียวที่นำ Cate Shortland ผู้กำกับที่น่าทึ่งมาให้เรา และผมตื่นเต้นที่จะทำงานร่วมกับเธอต่อไปในอนาคตถ้าหากว่ามันเป็นไปได้ ถ้าเราโชคดีมากพอ” บทสัมภาษณ์ดังกล่าวเผยแพร่ไปแล้วเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2021 น่าแปลกใจที่สิ่งต่างๆ เหล่านั้นเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
ในส่วนของสการ์เล็ตเองก็ค่อนข้างจะตกใจเช่นกัน แม้ว่าเธอจะเป็นผู้ฟ้องร้องคดี แต่คำตอบของดิสนีย์ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ก่อนที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเข้าฉาย เธอได้พยายามพูดคุยกับดิสนีย์เกี่ยวกับสัญญาของเธอ ซึ่งรวมถึงโบนัสที่ผูกติดอยู่กับบ็อกซ์ออฟฟิศด้วย เนื่องจาก Disney ตัดสินใจเปิดตัว Black Widow ในโรงภาพยนตร์พร้อมๆ กับทาง Disney+ ในเวลาเดียวกัน ในช่วงที่มีการระบาดใหญ่ของโควิดทั่วโลก แน่นอนว่ามันส่งผลกับรายได้จากบ็อกซ์ออฟฟิศและส่งผลต่อค่าจ้างของเธอเช่นเดียวทีมงานและนักแสดงคนอื่นๆที่ได้ทำสัญญาในแบบเดียวกัน ในฐานะนักแสดงเจ้าของบท ถ้าเธอเรียกร้องให้ดิสนีย์มาเจรจาสัญญาได้สำเร็จก็จะส่งผลกระทบไปยังคนอื่นๆ และเธอก็ถือว่ามีอิทธิพลมากในวงการนี้
อย่างไรก็ตาม ดิสนีย์ได้ทำการเมินเฉยต่อเธอ พร้อมกับปล่อย Black Widow ในโรงภาพยนตร์พร้อมๆ กับทาง Disney+ และแม้ว่าภาพยนตร์จะทำรายได้ได้ดีสำหรับการเปิดตัวในช่วงการระบาดใหญ่ของโรค แต่ก็ทำได้ไม่ดีนักในบ็อกซ์ออฟฟิศ ดังนั้นเมื่อดิสนีย์ปฏิเสธที่จะฟัง เธอจึงทำการยื่นฟ้อง
เพื่อตอบโต้ต่อการยื่นฟ้องของสการ์เล็ตดิสนีย์ได้ออกแถลงการณ์ ในใจความที่ดูถูกนักแสดงสาว ราวกับเธอนั้นเสแสร้ง พวกเขาบอกว่าพวกเขาจ่ายเงินให้เธอเพียงพอแล้ว พวกเขาบอกเป็นนัยว่าเธอไม่มีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจต่อการระบาดใหญ่ทั่วโลกที่เกิดขึ้นในขณะนึ้ โดยพวกเขากล่าวว่า “คดีนี้น่าเศร้าและค่อนข้างน่าผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเธอเพิกเฉยต่อผลกระทบทั่วโลกอันน่ากลัวและยืดเยื้อของการระบาดใหญ่ของ COVID-19” คล้ายกับเป็นการกล่าวโทษและทำให้ภาพลักษณ์ของเธอดูแย่ ผู้คนล้วนแล้วแต่กำลังเจรจาสัญญาใหม่ รวมถึงสภาพการทำงานและเงินเดือนทุกวัน การเจรจาเพื่อทำสัญญาในแต่ละครั้งนั้นเหล่านี้มีความสำคัญมากกว่าเดิม เนื่องจากการระบาดของโรคในขณะนี้ได้เปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมในการทำงาน ทั้งยังต้องเปลี่ยนวิธีการถ่ายทำภาพยนตร์และการเปิดตัวของ Black Widow ทำไมดิสนีย์กลับเพิกเฉยต่อการเจรจาสัญญาใหม่?
แต่อย่างไรก็ดี ตอนนี้เราก็ต้องรอความคืบหน้าและข้อมูลจากทั้งสองฝั่งก่อนว่าในที่สุดแล้ว ดิสนีย์จะยังคงไปต่อกับโปรเจ็กต์ของสการ์เล็ตหรือไม่ แต่ถ้าไม่ ก็อาจจะทำให้ความน่าเชื่อถือของดิสนีย์ลดน้อยลงไปกว่าเดิม และนอกจากจะเป็นภาพลักษณ์ที่แย่แล้ว ก็ยังเป็นการกระทำแบบเด็กๆ อีกด้วย ที่ตัดสินใจจะเดินหนีและปฏิเสธที่จะพูดคุยกับคนที่ทำงานด้วยกัน
source:
- https://www.giantfreakinrobot.com/ent/exclusive-scarlett-johansson.html