หากพูดถึงศิลปินที่น่าจับมองมากที่สุดในตอนนี้ ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า Olivia Rodrigo ต้องเป็นหนึ่งในนั้นอย่างแน่นอน หลายคนรู้จักเธอจากอัลบั้ม SOUR ที่มีเพลงสุดฮิตอย่าง drivers license, deja vu และ good 4 u ที่ถล่มทุกชาร์ต ทุกสถิติของวงการเพลง โดยอัลบั้มของเธอมียอดสตรีมใน Spotify ทะลุ 2 Billion เป็นที่เรียบร้อย ถือว่าเป็นการแจ้งเกิดในฐานะศิลปินเดี่ยวได้ดีทีเดียว
ในอีกด้านหนึ่งของวงการบันเทิง เธอเองก็เป็นนักแสดงที่น่าจับตามองทีเดียว หลายคนน่าจะรู้อยู่แล้วว่า โอลิเวีย ร็อดริโก เป็นนักแสดงเด็กจากดิสนีย์ ซึ่งบทบาทที่ทำให้เธอเป็นที่รู้จักในฐานะนักแสดง คือบท Paige Olvera ในซีรีส์ Bizaardvark ของดิสนีย์ ในช่วงปี 2016 – 2019 แน่นอนว่าเป็นบทที่ทำให้หลายคนรู้จักเธอ แต่ซีรีส์เรื่องนี้อาจไม่ได้ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรมากนัก ก่อนที่เธอจะได้รับบทบาทใหม่อีกครั้งในซีรีส์เรื่อง High School Musical: The Musical: The Series ของ Disney+
HIGH SCHOOL MUSICAL THE MUSICAL THE SERIES
เมื่อพูดคำว่า High School Musical ทุกคนจะร้องว่า “อ๋อ” อย่างแน่นอน เรื่องราวของ Troy Bolton (รับบทโดย Zac Efron) นักกีฬาดาวเด่นของโรงเรียนพบรักกับ Gabriella Montez (รับบทโดย Vanessa Hudgens) และทั้งคู่ก็อยากจะแสดงละครเวที เชื่อว่าทุกคนที่เกิดก่อนปี 2000 ต้องเติบโตมากับภาพยนตร์ชุดนี้ เช่นเดียวกับตัวละครในซีรีส์ชุดนี้
ซีรีส์ชุดนี้เล่าถึงเรื่องราวของโรงเรียนมัธยม East High School ในเมือง Salt Lake ที่ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง High School Musical — การมาของอาจารย์ศิลปะคนใหม่ Miss Jenn (รับบท Kate Reinders) ทำให้ชมรม Drama กลับมามีชีวิตอีกครั้ง และเมื่ออาจารย์คนใหม่ต้องการนำ High School Musical มาสร้างใหม่ในรูปแบบละครเวที ในขณะนั้นเอง สมาชิกของชมรมมีเรื่องราวหลายอย่างเกิดขึ้น
Nini Salazar-Roberts (รับบท Olivia Rodrigo) และ Ricky Bowen (รับบท Joshua Bassett) แยกทางกันในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ริคกี้พยายามง้อขอคืนดีนินิ โดยการมาออดิชั่นบทของ Troy Bolton แข่งกับแฟนใหม่ของนินิที่ชื่อ E. J. Caswell (รับบท Matt Cornett)
ซีรีส์ชุดนี้ไม่ใช่การรีเมค หรือภาคต่อของ High School Musical – นินิไม่ใช่กาเบรียลล่า และริคกี้ไม่ใช่ทรอย โบลตัน ทุกตัวละครต่างมีเรื่องราวเป็นของตัวเอง แต่ก็ยังคงกลิ่นอายความเป็น High School Musical ผ่านบทเพลงเก่าๆ ที่จะทำให้เราหวนคิดถึงต้นฉบับ ไม่ว่าจะเป็น Stick to the Status Quo, Get’cha Head In the Game, Breaking Free และ We’re All in This Together ผนวกเข้ากับเพลงออรินัลใหม่ๆ ทำให้ซีรีส์ชุดนี้มีทั้งความอบอุ่นและความสดใหม่ไม่ต่างจากเดิม
อีกหนึ่งความน่าสนใจของซีรีส์นี้ คือ นักแสดงส่วนใหญ่อายุระหว่าง 16 – 22 ปี ซึ่งถือว่ามีความใกล้เคียงกับคำว่า High School มากๆ (เมื่อเทียบกับซีรีส์วัยรุ่นหลายๆ เรื่อง) ทำให้การเล่าเรื่องมีความเรียล ถ่ายทอดชีวิตในช่วงวัยรุ่นออกมาได้ดี รวมทั้งความหลากหลายทางเชื้อชาติของนักแสดงนั่นเอง
สามารถรับชม High School Musical: The Musical: The Series ได้ที่ Disney+ Hotstar (เข้าไทยวันที่ 30 มิถุนายน 2021) โดยซีซั่นแรกมีทั้งหมด 10 ตอน และซีซั่น 2 จะมีทั้งหมด 12 ตอน
สมัครดิสนีย์พลัส ฮอตสตาร์ ได้ที่นี่