สำหรับ Killing Eve season 3 ตอนนี้ก็เดินทางมาถึงตอนสุดท้ายกันแล้ว มันเป็นตอนสุดท้ายที่แฟนๆ ต่างกรีดร้องและคาดหวังกันไปต่างๆ นานา ยิ่งตอนจบของเอพที่ 7 ที่ดาชาโดนอีฟเหยียบจน คอนสแตนตินที่หัวใจวายเฉียบพลัน และอีฟที่ทิ้งให้ทั้งคู่อยู่อย่างนั้น เพื่อวิ่งตามหาวิลลาแนลล์ และวิลลาแนลล์โทรมาหาอีฟ พร้อมบอกว่า “เราต้องหยุดเจอกันแบบนั้นได้แล้ว มันไม่ดีสำหรับเราทั้งคู่” และแน่นอนว่า มันทำให้แฟน Villaneve อยากที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นต่อไป
I want to accept that offer
ถ้าหากใครยังจำได้ว่าใน Killing Eve ซีซั่นแรกที่แคโรลินไปหาวิลลาแนลล์ในคุกคนเดียวนั้น พวกเขาคุยอะไรกัน วันนี้มีเฉลยกันแล้ว ซึ่งเปิดตอนมาก็เป็นตอนที่วิลลาแนลล์และแคโรลินนัดเจอกันที่ Royal Albert Hall และวิลลาแนลล์บอกว่าเธออยากที่จะรับออฟเฟอร์นั้น เมื่อแคโรลินถามว่าทำไม วิลลาแนลล์ก็บอกว่าเธออยากที่จะมองหาความท้าทายใหม่ๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไปฆ่าให้กับ MI6 นะ เธอบอกว่าเธออยากจะเป็นสปายให้กับ MI6 ซึ่งแคโรลินก็บอกกับวิลลาแนลล์นะว่าเธอน่ะถูกฝึกมาเพื่อให้ทำสิ่งเดียวเท่านั้น แล้ววิลลแนลล์บอกว่าเธอสามารถเปลี่ยนตัวเองได้ ทีนี้แคโรลินก็ถามวิลลาแนลล์ว่าสมมติถ้าเกิดวิลลาแนลล์รีไทร์ล่ะ จะให้อะไรกับ MI6 ได้บ้าง เป็นอ็อกซาน่าเหรอ ไม่เห็นจะทำประโยชน์ให้กับ MI6 ได้เลย แล้วแคโรลินก็อวยพรให้วิลลาแนลล์โชคดีและเดินจากไป …
ซึ่งงานนี้คุณซูซานที่เป็นโชว์รันเนอร์ของ Killing Eve บอกว่า มันน่าแปลกมากนะสำหรับวิลลาแนลล์ เธอคิดว่าตัวเองนั้นอยู่ในการควบคุม แต่ก็เพิ่งจะมารู้ว่าเธอนั้นควบคุมไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เธอได้รับอะพาร์ตเมนต์สวยๆ เสื้อผ้าเจ๋งๆ มีเงินและไลฟ์สไตล์ที่ดี แต่เธอไม่ได้มีอะไรที่เป็นของตัวเองเลย สำหรับคนอย่างวิลลาแนลล์นั้น การควบคุมคือทุกสิ่ง แล้วหลังจากที่เธอฆ่าแม่ของตัวเองแล้ว ทุกๆ อย่างมันเปลี่ยนไปสำหรับเธอ เธอไม่ได้อยากที่จะฆ่าคนอีกต่อไป ทีนี้คุณซูซานก็บอกว่าเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใน Killing Eve ซีซั่นสี่จะเป็นยังไงต่อ พัฒนาตัวละครยังไง ซึ่งมันน่าสนใจมาก
Heart Attack
ลุงคอนสแตนตินหัวใจวายแล้วโดนจับเข้าโรงพยาบาล ดันเป็นโรงพยาบาลเดียวกับดาชา ทีนี้ลุงแกก็หนีพยาบาลออกมาเพื่อมาบอกลาดาชา ทีนี้ดาชาก็ฟ้องเลยว่าเป็นอย่างนี้เพราะวิลลาแนลล์และโพลาสทริคนผู้หญิง ทีนี้ลุงแกก็โมโหเลย ถามกลับไปว่า ก็สมควรไหมล่ะ ดาชาพยายามฆ่าวิลลาแนลล์เลยนะ! แล้วก็เทศน์กันไปกันมาว่าแบบ ดาชาน่ะพยายามบังคับให้วิลลาแนลล์เล่นตามกฎของตัวเอง ส่วนดาชาก็บอกว่าเธอมัน old-school ลุงแกก็แย้งเลยว่า old-fashioned ต่างหาก ให้ตายสิ ดาชาก็ไม่ยอมแพ้ บอกลุงแกว่าเนี่ย The West ทำให้แกซอฟต์ลงนะ วิลลาแนลล์ก็จะกลายเป็นพวกไอ้ขี้แพ้เหมือนกับแกนั่นแหละ แล้วแบบ หลังจากด่ากันจบ ดาชาก็ขอให้ลุงคอนสแตนตินอยู่ข้างๆ น่าจะเพราะรู้ตัวเองอยู่แล้วแหละว่าไม่น่าจะรอด ดาชาบอกลุงแกว่า ฉันอยากให้ลูกชายมาอยู่ด้วยจัง แต่ก็รู้กันอยู่ว่าคอนสแตนตินเป็นคนยังไง ลุงแกบอกดาชาว่า ป้าต้องหยุดคิดถึงลูกชายนะ เลิกคิดถึงรัสเซียไปเลย ป้าจะตายในห้องนี้นี่แหละ ก่อนที่ลุงคอนสแตนตินเดินจากไป ดาชาก็ถามว่าถ้าแกไม่ชอบที่ฉันจัดการกับวิลลาแนลล์ ทำไมแกไม่ทำอะไรเลยล่ะ เราทั้งคู่ควรที่จะถูกเบลมนะ แล้วก็ สิ้นใจ
Tea Dance
วิลลาแนลล์และอีฟนัดเจอกันที่ลานน้ำชาและการเต้นรำ พี่อีฟแกถามวิลลาแนลล์ว่าทำไมถึงนัดเจอกันที่นี่ วิลลาแนลล์บอกว่า เธอฆ่าคนที่บริเตนที่แรกก็คือที่นี่ บอกรายละเอียดการฆ่าเอาไว้เรียบร้อยเลย พี่เขาก็หันมามองเลยนะ วิลลาแนลล์ก็ชวนอีฟคุยว่าถ้าเกิดเธอปฏิเสธนะ ลองคิดดูสิว่าเธอจะไปเป็นอะไร อาจจะเป็น interior designer มั้ง พี่อีฟแกก็พูดติดตลกว่าถ้าทำจริงก็คงช่วยไม่ให้พี่แกปวดหัวใจหลายครั้งหลายคราวแน่ๆ ทั้งคู่ก็นั่นนั่งมองเขาเต้นแทงโก้ พี่อีฟก็เล่าให้วิลลาแนลล์ฟังว่าเนี่ยนิโคอยู่โรงพยาบาลนะ ดาชาเอาเสียมเสียบคอแล้วทำให้ดูเหมือนว่าเป็นฝีมือเธอ แต่วิลลาแนลล์เหมือนไม่ได้ฟัง เธอถามกลับไปหาอีฟว่าเคยคิดถึงเรื่องเก่าๆ บ้างรึเปล่า อีฟบอกตลอดเวลา มันเป็นสิ่งที่คิดถึงตลอดเวลาเลย
วิลลาแนลล์ก็บอกกับอีฟขณะที่นั่งดูคนอื่นๆ เต้นรำว่าพวกเขาดูมีความสุขนะ มันแบบเป็นอิสระ อีฟก็บอกว่าเต้นรำมันก็ทำให้เป็นแบบนั้นนั่นแหละ วิลลาแนลล์ก็บอกว่าเธออยากรู้สึกแบบนั้น พอพูดถึงความรู้สึก อีฟก็ถามกลับเลยเหมือนรู้ว่าเเกิดบางอย่างขึ้นกับวิลลาแนลล์
อีฟชวนวิลลาแนลล์เต้นรำ แต่เธอบอกไม่ชอบ อีฟก็บอกว่าไม่ชอบเหมือนกัน แต่ก็ดีไม่ใช่เหรอที่จะได้ลองสิ่งใหม่ๆ ถามว่าวิลลาแนลล์ไปมั้ย ก็ไปนั่นแหละ เดินเข้าไปกลางวงแบบกล้าๆ กลัวๆ ทีนี้ก็ไม่รู้ว่าใครจะเป็นคนเต้นนำ ยิ่งเต้นก็ยิ่งแนบชิด (เธอเอ้ย เหมือนกับว่าน้องเขาโหยหาความรู้สึกที่เป็นอิสระและได้สัมผัสกับความรัก) ที่เหลือไปดูกันเอง บอกเลยว่าหวานซะ เหมือนฉากบอกรักกลายๆ
สำหรับตัว Damon Thomas ผู้กำกับบอกว่าเขาอยากที่จะให้ซีนนี้มันออกมาในฟีลเดียวกับใน The Shining ที่แจ็กอยู่ในบาร์ของโรงแรม ผู้คนกำลังเต้นรำ และเหมือนกับโลกที่ไร้กาลเวลา โรแมนติกและดูผิดตา เขาเซ็ตฉากนี้ขึ้นที่ Rivoli Ballroom มันถือเป็นซีนที่มีคุณภาพมากๆ โดยเฉพาะกับวิลลาแนลล์ที่เป็นตัวละครที่ไม่เคยแสดงออกทางอารมณ์มาก่อน เธอมองเห็นผู้คนในมุมมองที่เปลี่ยนไป อย่างที่เมื่อก่อนเธอมองเห็นผู้คนถึงจุดจบของชีวิต แต่หลังจากที่เธอฆ่าแม่ของตัวเองแล้วนั้น มันไม่เหมือนเดิมอีกเลย คุณดามอนอยากที่จะให้พวกเขาใช้ชีวิตในช่วงเวลานั้นและทำให้บรรยากาศดูมัวหมองหน่อยๆ วิลลาแนลล์หลุดไปในความคิดที่เกี่ยวกับความสุขของผู้คน และการเติบโตไปด้วยกันในหนาทงที่แท้จริง ไม่ใช่แฟนตาซี เหมือนในตอนจบของซีซั่น 2 ที่เธอบอกว่า ‘เฮ้ ไปอลาสก้ากัน ฉันจะทำสปาเกตตีให้กิน’ เธอเปลี่ยนไป และอีฟมองเห็นได้ มันเป็นการเต้นรำที่โรแมนติกเอามากๆ แต่ก็ถูกขัดจังหวะจนได้
ทีนี้ถ้ายังจำกันได้ ในตอนที่ 7 ก่อนมีนักฆ่าคนใหม่โผล่มาอย่าง Rhian บอกว่าเฮเลน่าอยากพบ เธอก็เลยไป แต่ก็ต้องบอกว่าความสัมพันธ์ของสองคนนี้มันก็คือคนหนึ่งพยายามทำตัวให้เป็นตัวเอง อีกคนหนึ่งก็คือพยายามทำตัวให้ซีเรียส แต่แล้วก็นะ ถามว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น มันก็คือพยายามที่จะวางอำนาจเหนือคนอื่น ถามว่าวิลลาแนลล์เขายอมรึเปล่า อย่างที่รู้ๆ กันว่าวิลลาแนลล์เป็นคนที่ชอบเอาชนะ แต่ก็จะเห็นได้ว่าน้องเกิดอาการแพนิกขึ้นหลังจากนั้น น้องยังคงรู้สึกไม่กล้าที่จะลงมือทำ พอตั้งสติได้ก็ทำในสิ่งที่เธอต้องทำ
Daughter and Mother
คราวนี้แม่ลูกเขาเขียนจดหมายและอ่านให้กันฟัง เอาจริงๆ เลยก็คือทั้งซีซั่นเราเห็นได้ว่าแคโรลินและเจอราดีนนั้นฝ่ายหนึ่งพยายามที่จะเข้าหาแม่มากกว่าเดิม ส่วนแม่ก็พยายามตีตัวออกห่างไปเรื่อยๆ
แต่ก็ต้องบอกว่าลับหลังเจอราดีนนั้น แคโรลินก็ยังคงเป็นแม่ที่รักลูกอยู่เสมอ เธอพยายามที่จะค้นหาว่าใครเป็นคนฆ่าลูกชายของเธอ เธอไม่ใช่คนที่ไม่มีหัวใจเหมือนที่เจอราดีนและทุกคนมองเห็น แม้ว่าเธอจะยอมรับได้ว่าลูกชายของเธอตายไปแล้ว แต่ถึงจุดนั้นเธอก็คงจะเคลียร์กับตัวเองได้แล้ว
What about Kenny
สำหรับ Killing Eve ซีซั่นสาม เอพสุดท้าย เหมือนจะไขแล้วว่าเคนนี่ไปเจอใครก่อนตาย เขาออกมาพบกับคอนสแตนติน ถามเลยว่ามันจะเกิดอะไรต่อ ก็ต้องบอกว่าแคโรลินก็พยายามตามหาความจริงว่าใครฆ่าลูกชายของเธอ ในห้องนั้นมีทั้งแคโรลิน คอนสแตนติน พอล อีฟ และวิลลาแนลล์ ต้องบอกว่างานนี้ก็คืองานเคลียร์ปัญหาระหว่างแคโรลิน คอนสแตนติน และพอล ซึ่งแคโรลินบอกว่าถ้าอีฟและวิลลาแนลล์จะอยู่ด้วยก็ต้องอยู่เงียบๆ นะ (แต่ถามว่าเงียบมั้ย ก็ไม่ ถามกันเก่งเหลือเกิน)
คุณซูซานบอกว่า พวกเธอรู้อยู่แล้วว่าเป็นคอนสแตนติน อย่างตอนที่ตอนเคนนี่ตาย พวกเธอก็จะแบบ เพราะคอนสแตนตินแน่ๆ ตั้งแต่ตอนแรก คอนสแตนตินพยายามที่จะขโมยเงินของ the Twelve และเคนนี่พยายามที่จะเปิดโปงเรื่องราวบางอย่าง ซึ่งเราก็จะเห็นว่าคอนสแตนตินกำลังต่อสู้กับชีวิตของเขาอยู่ อาจจะบอกได้ว่าเขาพยายามรักษาชีวิตของเขาอยู่ด้วยเช่นกัน
I have a Meeting
วิลลาแนลล์ไปหาพี่อีฟที่ออฟฟิศ แล้วทีนี้น้องบอกว่าจะรอ คนในออฟฟิศก็ไม่รู้ว่าน้องเป็นใครในตอนแรก แล้วพอนึกออกก็รีบเข้าไปบอกคนอื่นว่าวิลลาแนลล์มาหาอีฟ ถามว่าทุกคนกลัวมั้ยหลังจากได้ยินกิตติศัพท์จากอีฟ แน่นอนว่าทุกคนอยู่ห่างกันไปหมด ทีนี้คอนสแตนตินก็โทรหาบอกว่าอยู่กับอีฟ น้องก็ดีใจใหญ่เลย ตะโกนบอกผ่านโทรศัพท์ ถามว่าจะได้ยินไหม ก็ไม่ พอวางสายปุ๊บ น้องก็ทำตัวดีกับทุกคนในออฟฟิศนะ ทักทายและบอกลาด้วย
The Villaneve
ต้องบอกว่าใน Killing Eve ซีซั่นสามเอพสุดท้ายนั้น เราได้เห็นความสัมพันธ์ของคู่นี้ที่ไม่ต้องบอกว่ารักก็รู้ว่ารัก (เห้ย อันนี้พูดจริงไม่ได้ล้อเล่น) ไม่ว่าจะเป็นฉากเต้นรำหรือฉากสุดท้ายก็ตาม สิ่งที่เราเห็นกันมาโดยตลอดตั้งแต่ซีซั่นแรกที่ทั้งคู่ไล่ล่า ซีซั่นที่สองที่วิลลาแนลล์คิดว่าอีฟเป็นของตัวเอง และเมื่อมาถึงจุดๆ หนึ่งที่ทั้งคู่พร้อมรับความรู้สึกระหว่างกัน มันก็เลยกลายเป็นการบอกรักที่ไม่มีคำว่ารัก ถ้าถามว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้ ลองดูบทสนทนาระหว่างอีฟกับวิลลาแนลล์ที่ tea dance ดูสิ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่นั่งคุยกันหรือตอนเต้นรำก็ตาม รวมไปถึงฉากสุดท้ายที่สุดละมุน คือเราจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าวิลลาแนลล์นั้นโตขึ้นในหลายๆ ด้าน และพยายามที่จะเป็นคนปกติที่ดูนอร์มอลมากที่สุด คุยชิทแชตมากขึ้น เหมือนกับว่าวิลลาแนลล์ได้สัมผัส ได้รู้สึก และเข้าใจในสิ่งที่อยากจะเป็นมากขึ้น
เราได้เห็นความเป็นตัวเองของวิลลาแนลล์มากขึ้น ถ้าสังเกตเราจะเห็นว่าวิลลาแนลล์เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น กล้าพูดมากขึ้น เปิดอกมากขึ้น กล้าที่จะถามเกี่ยวกับความรู้สึกของคนอื่น แล้วยิ่งตอนที่น้องถามอีฟว่าน้องทำลายชีวิตอีฟหรือไม่ คิดว่าน้องเป็นมอนสเตอร์รึเปล่า อีฟบอกว่าเราทุกคนต่างมีมอนสเตอร์อยู่ในตัวนั่นแหละ
แล้วทีนี้ตอนที่อีฟขอให้วิลลาแนลล์ช่วยทำให้มันจบลงสักที เราจะเห็นได้ว่าวิลลาแนลล์ให้ทางเลือกกับอีฟ นั่นคือการเลือกที่จะเดินจากไปโดยที่ไม่หันมองกลับมา เพื่อให้จากกันไปและให้อีฟไม่ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านั้นอีก ซึ่งมันต่างจากซีซั่นสองที่วิลลาแนลล์พยายามที่จะให้อีฟมาเป็นของเธอ แต่ในซีซั่นนี้เหมือนว่าวิลลาแนลล์จะทำความเข้าใจความรักมากยิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องของครอบครัวที่เธอไปหาที่รัสเซีย และในคราวนี้ก็คืออีฟ เธอเลือกที่จะปล่อยให้อีฟจากไป เพื่อให้อีฟไปใช้ชีวิตของเธอเอง
คุณซูซานบอกว่า ความสัมพันธ์มันคือเรื่องของชีวิตและความตาย มันอันตรายสำหรับทั้งคู่ แต่เอาเข้าจริงแล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไร มันก็ไม่มีทางที่จะแยกออกจากกันได้ พวกเขาอยู่ในชีวิตของกันและกัน ก้าวไปข้างหน้า พวกเขาไม่สามารถต่อสู้กับเรื่องพวกนี้ต่อไปได้แล้ว คุณซูซานบอกว่าเธออยากที่จะให้จบซีซั่นแบบไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่อยากให้ใช้ความรุนแรงระหว่างกัน แล้วเธอก็อยากที่จะให้พวกเขาอยู่คู่กัน เธอยังบอกอีกว่าเธอคุยกันถึงตอนจบที่น่าตื่นเต้นและแตกต่างกันออกไป แต่แบบว่าเธออยากที่จะให้มันจบแบบ พวกเขายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่านะ มันเป็นอะไรที่รู้สึกว่าถูกต้องที่จะทำอะไรให้แตกต่างออกไปในซีซั่นนี้
นอกจากนี้แล้วความสัมพันธ์ระหว่างอีฟและวิลลาแนลล์นั้น คุณซูซานบอกว่าทั้งคู่นั้นมองกันและกันในแบบที่ไม่มีใครมองพวกเขา โลกทั้งใบนี้ ถ้าวิลลาแนลล์ไม่ได้เป็นนักฆ่า เหมือนที่แคโรลินบอกก็คือใช้ประโยชน์ไม่ได้ แต่อีฟมองเห็นมากกว่านั้น แล้วคุณซูซานก็ยังบอกอีกว่า เธอคิดว่าอีฟพยายามที่จะซ่อนตัวจากคนอื่น รวมถึงตัวเธอเองและชีวิตของเธอ และวิลลาแนลล์มองเห็นเธอ ยอมรับมัน และไม่มีการตัดสิน การที่เรามีใครสักคนที่มองเห็นเราในแบบที่ไม่เคยมีใครมองเห็นเรามาก่อน มันช่างน่าหลงใหลและทำให้เสพติดเอามากๆ ถ้าเอาตามความจริงแล้ว ความสัมพันธ์มันช่างน่าอันตราย อีฟรู้ และเธอจะไม่ยอมวิ่งหนีจากมันอีกต่อไป คุณซูซานบอกว่า ทั้งอีฟและวิลลาแนลล์นั้นก็แค่อยู่ในชีวิตของกันและกันต่อไป นั่นหมายความว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาก้าวต่อไปข้างหน้า ทั้งคู่นั้นเข้าใจกันและกัน มันเป็นอะไรที่มากกว่า Agent Eve และ Assassin Villanelle แล้ว
คุณซูซานยังบอกอีกด้วยว่าทั้งอีฟและวิลลาแนลล์นั้นเป็นเหมือนหยินและหยาง อีฟเป็นคนที่ลึกซึ้ง มีส่วนที่ดาร์คและเธอไม่สามารถเอาออกไปจากชีวิตของเธอได้ เธอรู้ตัวดีตลอดเวลา ส่วนวิลลาแนลล์นั้นก็เหมือนขั้วตรงข้าม เธอมีความอ่อนแอ และบางสิ่งที่เธอคิดว่าไม่สำคัญ พวกเขาต่างเห็นตัวตนของกันและกัน และเรียนรู้ว่าพวกเขานั้นจะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อประกอบเข้าด้วยกัน ทั้งคู่รู้ดีว่าพวกเขานั้นรู้จักกันในแบบที่ไม่เคยมีใครรู้จักกันมาก่อน แม้ว่ามันอาจจะไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่ดีที่สุด แต่ก็ยากที่จะก้าวออกมาจากตรงนั้น
คุณแซลลี่บอกว่า ทั้งอีฟและวิลลาแนลล์ก็คงจะไม่มีใครยิงหรือแทงกันอีกแล้ว ในฉากบนสะพาน มันดราม่า แต่พวกเขาก็ทำให้มันเกิดขึ้น มันเป็นบทสนทนาที่ทำให้เห็นถึงความจริงใจระหว่างกัน ถ้าเทียบกับซีซั่นก่อนๆ ที่เหมือนจะเห็นใครสักคนหนึ่งใกล้ตาย แต่ว่าในซีซั่นนี้พวกเขาอยู่ด้วยกัน บทสนทนาระหว่างทั้งคู่นั้น การที่อีฟบอกว่ามองเห็นแต่วิลลาแนลล์ตลอดเวลา ตอนที่บอกให้หันหลังแล้วเดินจากไป วิลลาแนลล์รู้ดีว่ายังไงก็ตามอีฟก็จะมองหันกลับมา แต่คือวิลลาแนลล์ก็ยังคงมีอีโก้ในตัวเองอยู่ดี ที่เดินจากออกมา รู้ๆ กันอยู่ว่ามันยากนั่นแหละ แล้ววิลลาแนลล์ก็รู้แบบว่า 99.9% เลยที่เธอจะหันมาและเห็นว่าอีฟมองเธออยู่
source:
- https://www.youtube.com/watch?v=N0Gag6BvK0A
- https://www.amc.com/shows/killing-eve/talk/2020/06/killing-eve-finale-qa-with-director-damon-thomas
- https://www.etonline.com/killing-eve-boss-on-that-season-3-finale-death-and-if-kennys-mystery-was-really-solved-exclusive
- https://www.insider.com/killing-eve-season-3-finale-interview-2020-5
- https://ew.com/tv/killing-eve-producer-season-3-finale-eve-villanelle/
- https://youtu.be/h_H-v7j5AgM