ช่วงนี้หันไปทางไหนก็เจอกับบทสัมภาษณ์หรือแม้กระทั่งเรื่องราวของ Black Widow แน่นอนว่าแฟนๆ ของมาร์เวล หรือแม้กระทั่งแฟนๆ ของเหล่านักแสดงในภาพยนตร์ชุดนี้ต่างตั้งตารอกันมาอย่างยาวนาน ถ้านับจากกำหนดฉายในครั้งแรกที่ว่าจะฉายในช่วงเดือนพฤษภาคม 2020 แต่ก็ต้องเลื่อนไปเพราะสถานการณ์โควิด-19 จนมาถึงตอนนี้ ปี 2021 ก็มีการวางกำหนดฉายใหม่เรียบร้อยแล้ว โดยที่จะฉายในวันที่ 9 กรกฎาคม 2021 ในสหรัฐอเมริกา ทั้งในโรงภาพยนตร์และในรูปแบบ Premium Access บน Disney+
แน่นอนว่าหลายๆ คนต่างเฝ้ารอกันมาอย่างยาวนาน วันนี้เราจะพาทุกคนเจาะลึกกับเรื่องราวเบื้องหลังของแบล็กวิโดว์ กับบทสัมภาษณ์ระหว่าง Global Press Conference กัน
เรื่องราวของนาตาชา คือสิ่งที่ถูกพูดถึงตอนต้นของ Black Widow
ผู้กำกับ Cate Shortland ได้บอกว่า “เอาตั้งแต่ต้นเลย เมื่อเราพูดถึงหนังเรื่องนี้ เรารู้ว่าต้องพูดถึงสองสิ่งด้วยกัน นั่นคือ นาตาชาในฐานะปัจเจกบุคคล และสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเธอและเธอคือใคร ในตอนต้นของหนัง ซึ่งเธอจะได้อยู่ตัวคนเดียวเลยล่ะ” เธอยังบอกอีกด้วยว่า “ฉันเองก็อยากจะให้มันสนุกจริงๆ ฉันอยากให้มันเป็นเหมือนกับการนั่งรถในสนาม ที่ทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้นไปกับมัน เราอยากให้มันมีความดิบและสิ่งนั้นจะผสานกันอย่างลงตัว มันคือสิ่งที่มักจะพาเธอไปยังจุดศูนย์กลางของมัน แต่ก็ทำให้มั่นใจว่าพวกเราจะไม่ได้รับความบอบช้ำจากอดีตของเธอ แล้วลากมันลงมา”
ทางฝั่งของ Scarlett Johansson ก็ได้บอกว่าสิ่งที่เราจะได้เห็นในหนังเรื่องนี้ก็คือการที่นาตาชาได้อยู่คนเดียว เธอบอกว่า “เคท (ผู้กำกับ) ได้พูดถึงก่อนหน้านี้แล้วว่าในตอนเริ่มต้นของหนัง นาตาชาจะได้อยู่คนเดียวเป็นครั้งแรกจริงๆ เธอ (นาตาชา) เคยเป็นส่วนร่วมของบางสิ่งบางอย่าง และเธอได้ออกจากเกมนั้นแล้ว เธอตระหนักได้ว่าเธอมีทุกๆ โอกาสทั้งหมดนี้อยู่ตรงหน้าเธอและมันทำให้เธออึดอัด แล้วใครบางคนจากอดีตของเธอก็ตามกลับมาหลอกหลอนเธอ ซึ่งคนนั้นก็เต็มไปด้วยไฟและแรงแค้น และมันก็เต็มไปด้วยพลังงานบ้าๆ เต็มไปหมด ความอันตราย แล้วมันก็คือเรื่องราวชีวิตที่ไม่ได้โดดเดี่ยวแต่ก็ยังคงต้องการเธอ เธอโยนเกมนี้ทิ้งไป มันน่าดีใจที่เห็นเธอเป็นแบบนี้ เพราะเราไม่เคยเห็นเธอเป็นแบบนี้มาก่อนเลย”
ช่วงเวลาระหว่าง Civil War กับ Infinity War คือช่วงเวลาที่เหมาะสม
Kevin Feige บอกว่าเราอยากที่จะรู้เรื่องราวหลายอย่างมากๆ ในชีวิตของนาตาชา “มันไม่ใช่แค่ช่วงเวลาวัยเด็กของเธออย่างเดียวเท่านั้น แต่มันเป็นช่วงเวลาระหว่าง Captain America: Civil War กับ Avengers: Infinity War ต่างหาก” เขายังบอกอีกด้วยว่า “ช่วงเวลาที่เราคิดว่าเหมาะสมแล้วที่จะได้ค้นหาเพิ่มเติมเกี่ยวกับอดีตของนาตาชา รู้เรื่องราวของเธอในปัจจุบัน และไปจนถึงมรดกในอนาคตอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ต้องขอบคุณ Cate Shortland เขาล่ะ”
ฉากแอคชั่นคือการทำให้เป็นการสู้กันของมนุษย์ ไม่ใช่การต่อสู้ของซูเปอร์ฮีโร่
อย่างที่สื่อหลายๆ เจ้าได้บอกหลังจากชมภาพยนตร์รอบสื่อมวลชนว่าฉากแอคชั่นของแบล็กวิโดว์นั้นบ้าคลั่งมากๆ ซึ่งตัวของผู้กำกับอย่าง Cate Shortland ก็ได้บอกว่าพวกเขาต้องการให้สไตล์การต่อสู้นั้นแตกต่างกันสำหรับวิโดว์แต่ละคน บางคนก็ดิบเถื่อน บางคนใช้อารมณ์ และบางคนก็เป็นแค่การจับคู่แบบลงตัว และในแต่ละการต่อสู้ ก็มีหัวใจสำคัญที่แตกต่างกันออกไป “อย่างฉากต่อสู้บนสะพานของนาตาชากับ Taskmaster เธอพยายามใช้ทักษะของเธอ แต่กับ Taskmaster นั้น ก็สามารถทำได้เช่นกัน ซึ่งตัวสการ์เล็ตไม่สามารถใช้ทักษะเหล่านั้นได้ สิ่งที่เราพยายามจะทำในการต่อสู้ครั้งอื่นๆ ก็คือการทำให้มันยุ่งเหยิง และกลายมาเป็นการต่อสู้ตามท้องถนน และกับตัวของน้องสาวอย่างเยเลน่า เธอที่เป็นคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขาม มันก็จะกลายเป็นความพังพินาศและดูดิบเถื่อน และนั่นก็สนุกมากๆ เพราะว่าเรากำลังดูมนุษย์ต่อสู้กัน ไม่ใช่ซูเปอร์ฮีโร่ แล้วพวกเขาก็ต้องแย่งชิงกันจริงๆ” เคทยังเสริมต่ออีกว่า “เควิน (ไฟกี) อยากให้การต่อสู้นั้น ไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่มันก็ต้องมีช่วงเวลาที่เกิดความผิดพลาดและพังตามมาด้วย”
ฉากเปิดตัวของ Black Widow
สำหรับฉากเปิดตัวของ Black Widow นั้น แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่หลายๆ คนรอคอย เควิน ไฟกีบอกว่า “สิ่งที่เรย์ ไวน์สโตน ทำกับบรรดาผู้หญิงในหนังเรื่องนี้ มันเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายมากๆ มันจะเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องของเด็กๆ ที่กำลังร้องไห้อยู่ เราต้องสร้างพื้นที่ให้กับสิ่งที่ผู้หญิงเหล่านี้กับอดีตที่พวกเขาเคยผ่านมา” เขายังบอกอีกว่า “ความคิดนี้มันเกิดขึ้นมา เพื่อแสดงให้เห็นในช่วงเวลาที่พวกเขาถูกแยกออกจากกัน สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น มันเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมาก และเป็นซีเควนซ์เปิดที่หาได้ยาก เพื่อช่วยกำหนดโทนและเรื่องราวเบื้องหลังของตัวละครนาตาชา
ทางฝั่งตัวของสการ์เล็ตนั้น เธอก็ได้บอกว่าพวกเขาเริ่มคุยกันถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นช่วงที่พวกเขาอยู่ในระหว่างการถ่ายทำ Avengers: Infinity War “เรารู้อยู่แล้วว่าตอนจบของนาตาชาจะไปอยู่ที่จุดไหน เราต้องการให้แน่ใจว่านั่นเป็นเส้นทางที่เธอเลือกจะเดินอย่างจริงจัง ราวกับว่าเธอได้ตัดสินใจแล้วตั้งแต่ตอนนั้น เราต้องเล่าเรื่องราวย้อนหลังของเธอไปสักช่วงเวลาหนึ่งที่เป็นไปได้ เรารู้ว่าในหนังเรื่องนี้ เธอจะต้องพัฒนาไปถึงจุดที่เธอก้าวไปข้างหน้าในชีวิต และแก้ไขบาดแผลจากอดีตที่เธอรู้สึกว่ามันคือคนละคนกับการที่เธอก้าวไปข้างหน้า มันเป็นวิธีการทำงานที่แปลกมาก บางทีอาจจะเป็นเฉพาะกับพรีเควลมั้ง ฉันไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลย”
Kevin Feige พูดถึงสการ์เล็ตว่า “Scarlett Johansson เป็นนักแสดงที่น่าทึ่งมาก ในการปรากฏตัวแต่ละครั้ง คุณได้รู้จักเขามากขึ้น ได้เห็นมากขึ้น และคุณต้องการรู้มากกว่านี้ ในที่สุดเราก็มีหนังที่สร้างขึ้นมาสำหรับเขาโดยเฉพาะ มันน่าตื่นเต้นมากสำหรับทุกคน
อะไรคือสิ่งที่อยากให้ผู้คนจดจำในตัวของนาตาชา
“ฉันก็อยากจะบอกว่าเป็นท่าโพสนั้นนะ แต่ฟลอเรนซ์ก็พังมันไปเรียบร้อย” สการ์เล็ตพูดติดตลกระหว่างการให้สัมภาษณ์ “ฉันใช้เวลา 10 ปีในการสร้างท่าโพสสุดไอคอนิก และในวินาทีต่อมา เธอก็ไปคว้ามันและปามันลงไปกับพื้นเลยนะ” เธอเสริมว่า “ฉันคิดว่านาตาชาเป็นคนที่มีความซื่อสัตย์นะ เป็นตัวละครที่ยิ่งใหญ่มากๆ เธอไม่เคยกลัวเลยที่จะยอมรับเมื่อทำความผิด เธอน่ารักในแบบนั้น เธอเป็นคนที่อยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับตัวเองและคนอื่นๆ ฉันคิดว่ามันทำให้เธอโดดเด่น
เธอยังบอกทิ้งท้ายว่า “MCU เป็นส่วนสำคัญของวัยผู้ใหญ่ของฉัน ฉันสบายใจที่จะรับความเสี่ยง(ในตอนนี้) มากกว่าเมื่อ 10 ปีที่แล้ว”
รับชม Black Widow ในโรงภาพยนตร์ได้ในวันที่ 8 กรกฎาคม และสตรีมมิ่งผ่าน Disney+ Hotstar ได้ในวันที่ 30 ตุลาคม 2021