“ถ้าถามฉันว่าฉันรักษาความลับได้ดีไหม ก็ใช่ ฉันรักษาความลับได้ แต่มันเป็นเพียงเพราะว่าฉันแค่ไม่พูดอะไรเลยเท่านั้น มันแบบ น่าโมโหนิดหน่อย ตอนที่ฉันรู้ว่ารับบทนี้เมื่อช่วงปีที่แล้ว ฉันต้องเก็บเงียบถึง 3 เดือน แต่มันก็คุ้มค่านะ” Teyonah Parris บอกกับ Elle Canada เมื่อเขาถามเธอว่ารักษาความลับได้ดีไหม
กว่าจะมาเป็น Teyonah Parris
“พ่อกับแม่เห็นบางอย่างในตัวฉันตัวแต่ยังเด็ก พวกเขาเลี้ยงดูฉันอย่างดี เขาไม่เคยบอกฉันว่าฉันไม่สามารถทำอะไรได้”
ตั้งแต่ยังเด็ก เธอชอบเรียนการแสดงตั้งแต่ในช่วงมัธยมต้น แม่ของเธอรู้ว่ามีโรงเรียนศิลปะและมนุษยศาสตร์ของผู้ว่าการรัฐเซาท์แคโรไลนาในกรีนวิลล์ นั่นคือสถานที่ที่ Teyonah Parris ใช้เวลาในช่วงวัยรุ่นเรียนรู้เกี่ยวกับการแสดง พ่อของเธอที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของ Robin Williams ที่ทำให้เธอเปลี่ยนความคิดว่าจะเข้าเรียนในสถานที่ที่ Robin Williams เคยเรียน นั่นก็คือ Juilliard School ในนิวยอร์ก
เส้นทางของ Teyonah Parris เริ่มต้นที่ Juilliard School ในนิวยอร์ก (โรงเรียนการแสดงที่หลายๆ คนเป็นศิษย์เก่า ไม่ว่าจะเป็น Viola Davis, Jessica Chastain, Robin Williams รวมไปถึง Adam Driver ที่เรียนในคลาสเดียวกัน)
“เมื่อคุณไปถือสถานที่อย่าง Juilliard สิ่งที่คุณได้ติดตัวไปก็คือระเบียบวินัย ซึ่งมันเป็นสิ่งที่จะต้องใช้ในทุกๆ การแสดงและในทุกๆ วันที่สร้างผลงาน” หลังจากที่เรียนจบ เธอได้ร่วมงานครั้งแรกในฐานะมืออาชีพในภาพยนตร์เรื่อง How Do You Know ของ James L. Brooks เมื่อปี 2010 ที่ร่วมแสดงกับ Reese Winterspoon อีกด้วย
สองปีให้หลัง เธอก็มาร่วมแสดงซีรีส์ Mad Men ในบท Dawn Chambers ด้วยบทบาทของ Dawn พนักงานผิวดำในบริษัทของ Don Draper ที่มีบทบาทสำคัญในสามซีซั่นสุดท้าย และนั่นก็ทำให้ Teyonah Parris ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางอีกด้วย
“เครดิต(ในผลงาน)ทั้งหมดของฉันมีความหมายบางอย่างที่แตกต่างกันไปสำหรับช่วงเวลาต่างๆ ในชีวิตของฉัน แต่ว่าโพรเจ็กต์หนึ่งที่โดดเด่นในความทรงจำของฉันก็คือภาพยนตร์เรื่อง Chi-raq (ของ Spike Lee)” Teyonah Parris บอกกับ Wonderland Magazine ผลงานเรื่อง Chi-raq จากผู้กำกับ Spike Lee คือหนึ่งในผลงานที่ทำให้เธอได้รับรางวัลจาก Africa-American Film Critics Association Award เมื่อปี 2015
นอกจากนั้นแล้ว เธอยังร่วมแสดงในซีรีส์ Dear White People ของ Justin Simien และ If Beale Street Talk ของ Barry Jenkins ก่อนจะกลับเข้าสู่วงการ off Broadway ในเรื่อง Slave Play ของ Jeremy O. Harris ในบท Kaneisha ที่ทำให้เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Tony Awards ถึง 12 สาขา แต่ว่าเธอก็ไม่ได้ย้ายตามละครเวทีไปแสดงตามที่ต่างๆ เพราะว่าเธออยากที่จะรับบทอื่นๆ (สำหรับบท Kaneisha นั้น เพื่อนร่วมชั้น Juilliard ของเธออย่าง Joaquina Kalukango ขึ้นมารับบทนี้แทน และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเช่นกัน)
นอกจากผลงานเรื่อง WandaVision ก็ต้องบอกว่าช่วงนี้ถือเป็นช่วงทองของเธอเลยก็ว่าได้ เพราะล่าสุดเธอได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์สยองขวัญคลาสสิกอย่าง Candyman ที่ถูกนำมาเล่าใหม่อย่างร่วมสมัย กำกับโดย Nia DaCosta (ที่จะมาเป็นผู้กำกับ Captain Marvel 2) และเขียนบทโดย Jordan Peele เธอบอกว่า เธอรับบทเป็นนักแกลอรีสาวในชิคาโก การสำรวจและค้นหานั้นก็คือการค้นคว้าเรื่องการที่เป็นผู้หญิงในโลกศิลปะ ว่าพวกเขามาพื้นหลังอย่างไรบ้าง การศึกษาต่างๆ สไตล์และการตกแต่งของพวกเขา แน่นอนว่ามันไม่เกี่ยวข้องกับความสยองขวัญเลย
สู่ Marvel Cinematic Universe
อย่างที่รู้ๆ กันว่า ใครก็ตามที่เข้าสู่จักรวาลมาร์เวล มักจะต้องรักษาความลับเกี่ยวกับบทบาทของตน หรือแม้กระทั่งเนื้อเรื่องต่างๆ เอาไว้ให้ดี ไม่ว่าจะเป็น Benedict Cumberbatch, Hailee Steinfeld หรือแม้กระทั่ง Tatiana Maslany ที่เข้าสู่จักรวาลมาร์เวล ก็ได้แต่ปฏิเสธเมื่อถูกสื่อสัมภาษณ์ และเมื่อมาร์เวลประกาศอย่างเป็นทางการ พวกเขาก็สามารถเอ่ยปากได้อย่างเต็มที่ สำหรับตัวของ Teyonah Parris ก็เช่นกัน
ช่วงต้นปี 2019 เอเจนท์ของ Teyonah Parris ขอให้เธออัดเทปออดิชั่นสำหรับมาร์เวลมาให้ด้วย ซึ่งตัวของเธอนั้นก็ไม่ได้รู้เลยว่าอัดไปเพราะอะไร และเพื่อใคร สคริปต์ที่ส่งมาให้เธอนั้นเป็นของปลอม ทั้งตัวละครและบริบทต่างๆ “ฉันอัดคลิปนะ แล้วก็ปล่อยมันไปเลย” หลังจากนั้นสองสัปดาห์ เธอก็ได้รับโทรศัพท์ว่าเธอได้รับบท แต่ไม่ได้แจ้งว่าบทที่เธอได้รับคือบทอะไร แล้วเอเจนท์ของเธอก็บอกว่า “ฉันคิดว่าตัวละครนี้น่าจะอยู่ในหนัง Captain Marvel นะ” และ Teyonah Parris ก็รู้เลยว่าบทนั้นก็คือ Monica Rambeau
การปรากฎตัวของเธอในงาน San Diego Comic Con เมื่อปี 2019 ที่ประกาศว่าเธอจะมารับบท Monica Rambeau ลูกสาวของ Maria Rambeau เพื่อนสนิทของ Captain Marvel ที่เคยปรากฎตัวมาก่อนหน้านี้แล้วในวัยเด็ก ในตอนนั้นก็ได้มีการคาดเดากันไปต่างๆ นานาว่าจะมีการเปิดตัวซูเปอร์ฮีโร่เพิ่มอีกหรือไม่ ซึ่งตัวละคร Monica Rambeau นั้นก็เคยได้ใช้ชื่อ Photon, Captain Marvel หรือแม้กระทั่ง Spectrum ด้วยเช่นกัน และเมื่อซีรีส์ WandaVision ฉาย ก็ยิ่งทำให้ตัวละครนี้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น
ในวันที่เธอยืนอยู่บนเวทีงาน San Diego Comic-Con ในปี 2019 เธอรู้สึกตื่นเต้นมาก “ฉันตื่นเต้นมากเพราะมองออกไปก็เจอกับพี่น้องชาวเอเชีย เจอพี่น้อง LatinX เจอคนดำด้วย มันเหมือนฝันมาก
WandaVision
สำหรับบทบาทของ Monica Rambeau ใน WandaVision ที่ฉายทาง Disney+ นั้น ก็ต้องบอกว่าบทบาทหนึ่งของ Teyonah Parris ที่เธอรอมานานมากกว่า 7 ปี ระหว่างเล่นละครเวที “กล้ามเนื้อต้องใช้งานมากกว่าปกติ ฉันลืมไปแล้วว่ามันสามารถทำอะไรได้บ้าง ทั้งร่างกายและจิตใจมันเป็นเครื่องมือของฉัน และสำหรับฉัน ในฐานะของมนุษย์ที่ต้องใช้ร่างกายเป็นเหมือนภาชนะที่บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ” เธอบอกกับพอดแคสต์ Stagecraft ของ Variety
ครั้งแรกที่เธอไปออดิชั่น เธอเล่าว่าเธอไม่รู้มาก่อนว่าเป็นการออดิชั่นสำหรับซีรีส์ WandaVision “ตอนฉันรู้ว่าฉันได้บทนี้ ฉันก็แบบ ‘คุณอย่าบอกนะว่าฉันได้บท Monica Rambeau’ ฉันตื่นเต้นมาก กระโดดลงจากบันไดบ้านด้วย แล้วที่บ้านฉันก็บอกว่าให้นั่งลงกับหายใจ มันเหมือนเป็นความฝันของฉันมาตั้งแต่เด็กๆ ที่จะได้เป็นซูเปอร์ฮีโร่” และเมื่อโอกาสนั้นมาถึง เธอก็ไม่พลาดที่จะคว้ามันไว้ แม้ว่าเธอไม่รู้ว่าบทบาทของเธอคืออะไรใน MCU ก็ตาม “ฉันสับสนมาก พวกเขาไม่บอกอะไรฉันเลยสักนิด ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวละครของฉันคือใคร พวกเขาแค่ว่าบอก ‘Lady'” และบท Lady นั่นก็คือ Monica Rambeau ที่รับบทตอนเด็กโดย Akira Akbar นั่นเอง
Teyonah Parris บอกว่า เธอรอคอยบทนี้มานานมากกว่า 7 ปี สำหรับความฝันนี้ เธอตั้งเป้าความสำเร็จระดับมืออาชีพของเธอเอาไว้หลังจากที่ได้ดู Iron Man ภาคแรกว่า “‘ฉันอยากที่จะเป็นซูเปอร์ฮีโร่ของ Marvel’ ฉันเคยพูดแบบนั้นเมื่อหลายปีแล้ว” เธอยังเล่าผ่านพอดแคสต์นั้นอีกว่าเธอรู้จักกับตัวละคร Monica Rambeau ตอนที่แฟนๆ ในทวิตเตอร์บอกกับเธอว่าเธอเหมาะกับบทนี้ อย่างน้อยๆ ก็ 6 ปีแล้ว “ฉันแบบ ‘ใครคือ Monica Rambeau นะ เพราะว่าพวกคุณตื่นเต้นมากๆ เลย’ แล้วพอฉันไปค้นก็พบว่า ‘ว้าว มันเจ๋งมาก’ แล้ว(ตอนนั้น) ฉันก็แบบ ‘ขอบคุณทุกคนมาก แต่นั่นคงไม่มีทางเกิดขึ้นแน่ๆ เลยล่ะ'” และท้ายที่สุด เธอก็คว้าบทนี้มาครอง
“ฉันเติบโตมากับการเฝ้ามองสาวๆ สุดเจ๋งในหนังแอคชั่น แต่ไม่มีใครดูเหมือนกับฉันเลย ฉันก็เลยรู้สึกเจียมตัวกับสิ่งที่ฉันได้รับอนุญาตให้ทุก สำหรับบทบาทของฉัน ฉันอยากที่จะเชื่อมโยงผู้คนโดยผ่านความเป็นมนุษย์ของเหล่าคนผิวดำ และเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับประสบการณ์ของคนผิวดำว่ามันไม่ได้เป็นแค่เสาหินแท่งหนึ่ง ฉันต้องการหาเนื้อหาที่ทำให้คุณตั้งคำถามกับความเชื่อของตัวเอง หรือความเชื่อของคนรอบข้าง แม้ว่ามันอาจจะทำให้คุณหัวเราะห์หรือโล่งอกจากสิ่งที่เห็นบนโลก”
ในตอนสองตอนแรกของ WandaVision นั้น ที่หยิบเอาซิทคอมยุค 50 และ 60 มา Teyonah Parris ก็บอกว่ามันเหมือนกับ “ถ้าไม่รู้ก็บอกไม่ได้เลยว่านี่คือซีรีส์ของมาร์เวล” เธอยังบอกอีกด้วยว่า “ในช่วงยุค 50 ในรายการมันจะมีผู้ชมร่วมอยู่ในรายการสด และนั่นคือตัวละครต่างๆ ที่คุณจะใส่มันเพิ่มเข้าไป พอก้าวเข้าสู่ยุค 70 คุณก็สามารถเพิ่มแทร็กหัวเราะได้แล้ว เพราะงั้นเวลาที่คุณจะพูดอะไรออกไป ก็ต้องเว้นช่วงจังหวะให้แทรกแทร็กหัวเราะเข้าไปด้วย มันเป็นแค่การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของการแสดง เหมือนกับการเปลี่ยนแปลงของแต่ละยุคนั่นแหละ มันเป็นเรื่องสนุกที่จะได้เล่นด้วย”
นอกจากนี้แล้ว ในปี 2021 นั้น Teyonah Parris จะร่วมแสดงในภาพยนตร์ไซไฟของ Netflix เรื่อง They Cloned Tyrone กับ John Boyega และ Jamie Foxx รวมไปถึงบทบาทของ Monica Rambeau ทั้งใน WandaVision และ Captain Marvel 2 ที่มีกำหนดฉายในปี 2021 และ 2022 ตามลำดับ
WandaVision จาก Marvel สามารถรับชมได้ทาง Disney+
source:
- https://screenrant.com/wandavision-teyonah-parris-interview/
- https://spoti.fi/3j6JI6O
- https://variety.com/2021/legit/podcasts/wandavision-teyonah-parris-slave-play-1234887569/
- https://www.ellecanada.com/culture/movies-and-tv/marvels-latest-star-teyonah-parris-is-soaring-to-new-heights
- https://www.harpersbazaar.com/culture/film-tv/a35151946/teyonah-parris-wanda-vision-interview/
- https://www.theatermania.com/off-broadway/reviews/slave-play-looks-at-the-lies-that-bind-us_87270.html
- https://www.wonderlandmagazine.com/2021/01/15/teyonah-parris-wandavision-winter-2020-issue/