เราจะได้เห็นอะไรใน Dickinson season 2

| |

สำหรับ Dickinson ซีรีส์จาก Apple TV+ ที่ตอนนี้กำลังจะเดินทางมาถึงซีซั่น 2 เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ Emily Dickinson กวีสาวชาวอเมริกันที่มีชีวิตอยู่ในช่วงปี 1830 – 1886 โดยผู้สร้างอย่าง Alena Smith นำบทกวีมาตีความใหม่ ให้เซตติ้งอยู่ในยุค 1800s แต่ใช้ภาษาปัจจุบันแทน ในวันนี้เราจะพาทุกคนไปดูกันว่า เราจะได้เจออะไรใน Dickinson ซีซั่น 2 กันบ้าง ถ้าพร้อมแล้ว ตามมาเลย

Dickinson — Season 2 Official Trailer | Apple TV+
Dickinson season 2 / Trailer

Emily Dickinson (1830 – 1886) กวีชาวอเมริกัน เธอรักสันโดษ และใช้ชีวิตไปกับการเขียนบทกวีอยู่ในบ้าน ไม่ได้แต่งงาน เธอเขียนบทกวีกว่า 1,800 ฉบับ และแทบไม่มีใครรู้จักในขณะที่เธอมีชีวิตอยู่ จนกระทั่งได้ตีพิมพ์ผลงานหลังจากที่เธอเสียชีวิตไป ด้วยเอกลักษณ์ในการเขียนของเธอ ทำให้เธอได้รับการยกย่องชื่นชมเป็นอย่างมาก ทำความรู้จักเอมิลี่ ดิกคินสัน ให้มากขึ้นได้ที่ Emily Dickinson Museum

มีอะไรซ่อนอยู่ใน Dickinson ซีซั่น 2

ในซีซั่น 2 นั้นจะเป็นเรื่องราวที่ต่อจากซีซั่นแรก และพาเราไปค้นหาถึงความเป็นเอมิลี่มากยิ่งขึ้น ซึ่งตัวของ Hailee Steinfeld ก็ออกมาให้สัมภาษณ์และบอกกับ Entertainment Tonight ว่า “(ในซีซั่น 2) มันจะมีความซับซ้อนมากขึ้น เซ็กซี่มากขึ้น และเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น” สำหรับตัวผู้สร้าง ผู้เขียน และ Executive Producer อย่าง Alena Smith ก็ยังคงพาเราทุกคนไปสำรวจเกี่ยวกับผลงานการเขียนของเอมิลี่ และพาไปทำความรู้จักช่วงชีวิตของเธอ ในการค้นหาวิธีทำให้เธอเป็นที่สนใจ และการเข้าเป็นส่วนหนึ่งในสังคมใหม่ๆ สำหรับคนที่มีชื่อเสียง ตัวเฮลี่ก็ยังบอกว่า “ส่วนหนึ่งของเธอ (เอมิลี่ ดิกคินสัน) เองก็อยากที่จะมีชื่อเสียง แต่อีกทางหนึ่งก็ทำให้เธอกลัวมากๆ เช่นกัน” เธอยังบอกอีกด้วยว่ามันเป็นสิ่งที่เธอตื่นเต้นอย่างมากและอยากที่จะค้นหามันในซีซั่นนี้

จากบทสัมภาษณ์ของ Alena Smith ผู้สร้างและโปรดิวเซอร์ของซีรีส์ชุดนี้บอกกับ Hollywood Reporter เกี่ยวกับซีรีส์ชุดนี้ว่าในซีซั่นแรกนั้น จะเป็นคำตอบของเรื่องการปกครองแบบปิตาธิปไตย และการที่พ่อของเธอไม่เห็นด้วยกับการที่ผู้หญิงจะสร้างชื่อด้วยการตีพิมพ์ผลงาน “ส่วนในซีซั้นสอง เรากำลังจะพลิกความคิดนั้นออกไปอย่างสิ้นเชิง แล้วจะให้คำตอบที่แตกต่างกันออกไป นั่นก็คือเรื่องของเอมิลี่กับการมีชื่อเสียง ที่เธอต้องค้นหาคำตอบ” เนื่องจากซีซั่นสองของ Dickinson นั้นจะเล่าเรื่องในประเด็นของการมีชื่อเสียงและเรื่องของเศรษฐกิจการเงิน ซึ่งมันถือเป็นประเด็นสำคัญในบทกวีของเอมิลี่ ดินคินสัน “เธอเขียนบทกวีมากมายที่เกี่ยวข้องกับชื่อเสียง การหลีกหนีชื่อเสียง หรือการปฏิเสธความโด่งดัง แต่เธอเองก็ยังมีความหลงใหลในสิ่งนั้น แม้ว่าเธอจะพยายามปฏิเสธมันก็ตาม”

สำหรับซีซั่น 2 ของ Dickinson นั้น จะเริ่มนำเหตุการณ์ต่างๆ ในยุคสมัยเข้ามาร่วมในซีซั่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ของสงครามกลางเมืองเหตุการณ์ของ John Brown ที่ Harpers Ferry ซึ่งตัวของ Alena Smith ก็บอกด้วยว่าในซีซั่น 3 จะเป็นเรื่องราวในช่วงสงครามกลางเมือง และแน่นอนว่าตอนนี้ทาง Apple TV+ เขาก็อนุมัติให้ไปต่อในซีซั่น 3 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นักแสดงใหม่ใน Dickinson ซีซั่น 2

ต้องบอกว่านักแสดงเก่าในซีซั่นแรกยังคงอยู่ครบ ไม่ว่าจะเป็น Hailee Steinfeld, Jane Krakowski, Anna Baryshnikov, Ella Hunt, Toby Huss และ Adrian Blake Enscoe รวมไปถึง Wiz Khalifa จะกลับมาในฐานะ Death

นอกจากนี้แล้ว ทีมนักแสดงใหม่ที่จะเข้ามาร่วมแสดงในซีซั่น 2 ก็จะมีทั้ง Nick Kroll ที่จะมารับบทเป็น Edgar Allan Poe, Timothy Simons รับบทเป็น Frederick Law Olmstead, Ayo Edebiri รับบทเป็น Hattie และ Will Pullen เป็น Nobody (ที่หลายๆ คนคาดว่าจะเป็นหนึ่งในบทกวี I’m Nobody! Who are you?), Finn Jones Bowles รับบทเป็น Samuel Bowles

Dickinson season 2 on set
Hailee Steinfeld และ Alena Smith ในกองถ่าย Dickinson Season 2
Courtesy of Apple

เซตติ้งของ Dickinson ซีซั่น 2 นั้นจะเป็นช่วงหลังจากซีซั่นแรกประมาณ 1 ปี ครึ่ง ซึ่งซูแต่งงานกับพี่ชายของเอมิลี่ ออสติน ดิกคินสัน เรียบร้อยแล้ว และในช่วงทศวรรษ 1850 เธอก็ได้กลายมาเป็นผู้มีอิทธิพลทางสังคม (Social influencer) ในขณะเดียวกัน เอมิลี่ก็ทุ่มเทไปกับบทกวีของเธอ นับตั้งแต่เธอประกาศกร้าวต่อหน้าพ่อของเธอ เอ็ดเวิร์ด ดิกคินสัน ที่ไม่อนุญาตให้เธอสร้างชื่อจากงานเขียน ซึ่งบทกวีเหล่านั้นแตกต่างกันกว่า 100 บท และมอบให้ซูทุกวัน จนถึงจุดที่มันมากเกินไป “สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเอมิลี่กับซูมันออกจะอีโรติกนิดๆ ไซโคทริลเลอร์หน่อยๆ” Alena Smith บอกกับ Decider ในบทสัมภาษณ์ฉบับล่าสุด

Alena Smith ยังบอกอีกด้วยว่า “ซีซั่น 2 จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเอมิลี่และซู และฉันคิดว่า โดยพื้นฐานชีวิตของเอมิลี่ ดิกคินสัน มักจะเต็มไปด้วยความไม่สมหวัง นั่นเป็นความจริงเกี่ยวกับเธอ ที่ดูเหมือนว่าเธอใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อโหยหาใครสักคนที่เข้าใจเธอ และฉันไม่คิดว่าจะมีใครทำมันได้อย่างสมบูรณ์นะ แต่คนที่เข้าใกล้จุดๆ นั้นได้มากที่สุดก็คือซูนั่นเอง”

แม้ว่าซูจะอยู่บ้านข้างๆ เอมิลี่ก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าช่องว่างระหว่างพวกเขานั้นไม่เคยกว้างขึ้นเลย นั่นก็เลยทำให้ซูพยายามที่จะผลักดันให้เอมิลี่ก้าวไปสู่จุดที่มีชื่อเสียง (ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน) และในอีกแง่หนึ่ง เธอก็เป็นคนที่ทำให้เอมิลี่หลงใหลในชื่อเสียงนี้ อาจจะพูดได้ว่าในซีซั่น 2 จะเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่เป็นจุดแตกหักมากกว่าที่เคยเป็นมาในซีซั่นแรก

ชื่อเสียงที่เอมิลี่ได้รับนั้น โดยส่วนใหญ่ได้มาจาก Samuel Bowles ที่รับบทโดย Finn Jones (จาก Iron Fist) เขาเป็นผู้จัดพิมพ์และบรรณาธิการของ The Springfield Republican ที่มีหัวก้าวหน้า และสนใจที่จะตีพิมพ์ผลงานของผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่

Hailee Steinfeld รับบท Emily Dickinson, Finn Jones รับบท Samuel Bowles
Courtesy of Apple

The Homestead และ The Evergreens

อย่างที่รู้กันว่าในท้ายซีซั่นแรกของ Dickinson นั้น Sue Gilbert ได้แต่งงานกับ Austin Dickinson ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และย้ายเข้าบ้านที่อยู่ข้างๆ กับบ้านใหญ่ ซึ่งบ้านของซูนั้นจะเต็มไปด้วยสิ่งของหรูหรา งานศิลปะ สังคมชั้นสูง อีกทั้งยังรวมไปถึงรายละเอียดยิบย่อยต่างๆ ภายในบ้าน และในช่วงแรกของการก่อสร้างนั้น ทีมงานพา Ella Hunt ไปชมบ้านหลังใหม่ โปรดิวเซอร์ Diana Schmidt ก็บอกว่า “ครั้งแรกที่เธอเดินเข้าไปในกองถ่ายในบ้านหลังนั้น เธอก็เป็นเจ้าของมันทันที” รวมไปถึงเรื่องของงานศิลปะเช่นกัน ตัวของ Marina Parker มัณฑนากรของกองออกมาบอกว่า “อันที่จริงแล้ว เราพยายามอย่างมากที่จะทำความเข้าใจว่าในยุคนั้น อะไรคือสิ่งที่ถูกต้องในการตกแต่ง ซึ่งมันเป็นเรื่องยาก เพราะว่า ณ ช่วงเวลานั้น แทบไม่ได้มีการถ่ายภาพงานตกแต่งภายในเอาไว้เลย

The Evergreens บ้านของออสตินและซู ได้แรงบันดาลใจมาจากบ้านใหญ่ของตระกูลดิกคินสันหรือที่เรียกว่า The Homestead บ้านของออสตินเต็มไปด้วยหนังสือ ที่เขาแทบไม่อ่านมัน ส่วนที่บ้านใหญ่นั้นจะค่อนข้างเรียบง่าย สะท้อนความเป็นเอ็ดเวิร์ดและเอมิลี่ นอร์ครอส (ภรรยาของเอ็ดเวิร์ด แม่ของเอมิลี่) นอกเหนือจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เราได้เห็นใน Dickinson ซีซั่นแรกแล้ว เรายังจะได้เห็นภาพวาดของตระกูลดิกคินสันตัวจริงตั้งอยู่ในห้องนั่งเล่นอีกด้วย แต่สำหรับบ้าน The Evergreens นั้น เราจะได้เห็นถึงความซับซ้อนของบ้าน เป็นวงกตมากกว่า The Homestead

และสำหรับบ้านทั้งสองหลังที่สร้างขึ้นมาอย่างสมจริง แต่ด้วยห้องที่อยู่ติดกัน ทำให้จำเป็นจะต้องสร้างเลย์เอาต์ของบ้านขึ้นมาใหม่ โดยที่ Neil Patel โปรดักชันดีไซเนอร์ นั้นเข้ามาช่วยจัดการและให้ข้อสังเกตเพื่อช่วยให้ภาพนั้นมีความลึกมากยิ่งขึ้น “คุณสามารถอยู่ในห้องสมุดแล้วมองเห็นโถงทางเดินแล้วก็เดินมาห้องนั่งเล่นได้ คุณจะได้เห็นถึงความลึกของฉากได้โดยไม่ต้องสร้างฉากใหม่แยก มันทำให้เป็นสเกลของภาพยนตร์มากยิ่งขึ้นด้วย”

Hailee Steinfeld รับบท Emily Dickinson
Courtesy of Apple

Emily & Sue

สำหรับตำแหน่งห้องนอนของเอมิลี่นั้น ก็ต้องบอกว่าในซีซั่น 2 จะย้ายห้องนอนของเอมิลี่ให้อยู่ใกล้และมองเห็นบ้าน Evergreens ชัดขึ้น เพิ่มพื้นที่ในการถ่ายทำอีกด้วย และในตอนนี้ ห้องของเอมิลี่นั้นก็จะใหญ่ขึ้น และอาจจะเหมือนกับการเป็นสตูดิโอของศิลปินก็ว่าได้ ซึ่งเลย์เอาท์ของห้องนั้นยังคงเป็นเหมือนเดิม แต่ว่ามีการปรับเปลี่ยนไปเล็กน้อย อย่างที่ Alena Smith ผู้สร้างซีรีส์ชุดนี้ได้เรียกห้องนอนเก่าของเอมิลี่ว่า “ห้องนอนเด็ก” แล้วเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นแทน เธอบอกว่า “ตอนนี้เอมิลี่เก็บหนังสือไว้ที่นั่น (ห้องนอน) แล้วก็มีภาพวาดที่ดูจริงจังแปะเอาไว้บนผนังด้วย” นอกจากนี้เธอยังพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเอมิลี่และซูอีกด้วยว่า “มันเหมือนกับว่าเอมิลี่และซูเริ่มแยกจากกันไป ซูก็ใช้เวลาไปกับการแต่งงานและการสร้างครอบครัว ส่วนเอมิลี่ก็อุทิศตัวอย่างเดียวดายเพื่อแสวงหางานศิลปะของเธอ”

Costume

ในส่วนของเครื่องแต่งกายนั้น ในซีซั่นแรก ชุดของซูจะเต็มไปด้วยชุดไว้ทุกข์เรียบง่าย แต่ในซีซั่น 2 นั้นมันหายไปแล้ว Jennifer Moeller คอสตูมดีไซเนอร์ของ Dickinson บอกว่า “(ชุดของซูในซีซั่น 2) เต็มไปด้วยสีสันและลวดลาย นี่มันไม่ใช่ซูเลย เป็นซูคนใหม่” ส่วนชุดโปรดของคอสตูมดีไซเนอร์ในซีซั่น 2 ก็รวมไปถึงชุด “เดรสแตงโม” และชุดสีทองที่ได้เห็นกันในเอพพิโซดแรกของซีซั่น 2 ที่ถักขึ้นมาจากผ้าเมทัลลิกที่มีความท้าทายเป็นพิเศษ และโดยรวมแล้ว ลุคของซูในซีซั่น 2 เปลี่ยนไปอย่างมาก แต่สำหรับนักแสดงคนอื่นๆ นั้น ก็จะเปลี่ยนไปตามสังคมของแอมเฮิสต์ รัฐแมสซาชูเซตส์เริ่มที่จะเชื่อมต่อกับโลกภายนอกมากยิ่งขึ้น

แต่เรื่องของชุดนักแสดงนั้น เนื่องจากไม่ได้มีบันทึกเกี่ยวกับแฟชั่นในยุคนั้นมากมาย ทีมคอสตูมจำเป็นจะต้องศึกษาให้มากที่สุด เพื่อสร้างมันขึ้นมาใหม่ โดยจำเป็นจะต้องปรับอย่างต่อเนื่อง และขึ้นอยู่กับไทม์ไลน์ของซีรีส์อีกด้วย นอกจากคอสตูมของนักแสดงหลักแล้ว ก็ยังจะต้องมีชุดของนักแสดงสมทบอีกกว่า 800 – 2,000 ชุด โดยต่างไซส์และดีเทล แล้วก็มีคอลเลกชันหมวกจาก Kaufman-Astoria Studios ยาวตั้งแต่ชั้นวางของไปจนเกือบถึงเพดาน

Ella Hunt รับบท Sue Gilbert Dickinson และ Hailee Steinfeld รับบท Emily Dickinson
Courtesy of Apple

แม้ว่าใน Dickinson ซีซั่นแรก ที่ได้เปิดตัวออกไปครั้งแรก หลายๆ คนอาจจะคิดถึงว่ามันเป็นบทกวีเก่าๆ ที่ดูล้าสมัย แต่สำหรับบทกวีของ เอมิลี่ ดิกคินสัน มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย บทกวีของเธอเต็มไปด้วยสิ่งที่ทำให้หัวใจเต้นแรงและดูมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น ตามสิ่งที่เอมิลี่ได้เขียนออกมา และในซีซั่นสองนั้นจะเห็นได้ถึงความแตกต่างจากซีซั่นแรก

ตัวของผู้สร้างอย่าง Alena Smith บอกกับ Decider ว่า “ความแปลกอย่างหนึ่งของการชม Dickinson ซีซั่นแรกก็คือสิ่งที่ผู้ชมคิดว่ามันเป็นซีรีส์สำหรับวัยรุ่นเกี่ยวกับเอมิลี่ ดิกคินสัน ตอนวัยรุ่น และนั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอจะตั้งใจให้มันเป็น ฉันหมายถึงว่า เธอน่าจะอายุประมาณ 20 กว่าๆ ในซีซั่นแรกนะ แต่นั่นมันก็มีพลังของวัยรุ่นอยู่ในซีรีส์ชุดนี้อย่างแน่นอน ตั้งแต่ที่เราเริ่มเล่าเรื่องของเด็กที่ตีตัวออกห่างจากพ่อแม่ นั่นอาจจะทำให้เห็นถึงความเป็นซีรีส์วัยรุ่นอยู่ไม่น้อย แต่พอมาดูในซีซั่น 2 แล้ว ก็จะรู้ได้เลยว่านั่นมันไม่ใช่ซีรีส์วัยรุ่น มันคือสิ่งที่เห็นด้อย่างมากในโลกของกลุ่มคนที่อายุ 20 กว่าๆ ต้องเป็นผู้ใหญ่และก้าวออกมาจากโลกของตัวเอง”

ทีมนักแสดงสมทบใน Dickinson ซีซั่น 2

Jane Krakowski ผู้รับบท Mrs. Dickinson บอกว่า “ฉันคิดว่าในซีซั่นนี้ แม้ว่าในชีวิตจริงๆ ของเรา มันก็ยังมีบรรยากาศที่ว่าตัวเรานั้นไม่มีความสงบอยู่ในตัวเลย และในกองถ่าย เราก็มีการเปลี่ยนสตูดิโอ มีตัวละครใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเข้ามามามาย มันก็เลยทำให้ความรู้สึกนั้นแตกต่างจากซีซั่นแรก แต่ก็นั่นแหละ ฉันคิดว่าพวกเขาต่างเดินทางไปด้วยกัน”

การเปลี่ยนแปลงก็ยังคงเกิดขึ้นกับตัวละครทุกตัว ไม่พ้นกับน้องเล็กของบ้านดิกคินสันอย่าง Lavinia Dickinson ที่รับบทโดย Anna Baryshnikov) ที่ตื่นรู้ในซีซั่นแรก หลังจากโดน slut shamed (การด่าประจานว่าผู้หญิงคนนั้นๆ มีพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสม) เธอก็เลยเอาคืนเกี่ยวกับเรื่องเพศของตัวเอง แถมยังปลดโซ่ตรวนในฐานะที่เป็นผู้หญิงที่มีเป้าหมายหลักคือการแต่งงานและการมีลูก แต่เธอก็ยอมรับตัวเองว่าเธอเป็นเหมือนเอมิลี่ นั่นคือเป็นศิลปิน และค้นหาตัวเองต่อไป

สำหรับ Pico Alexander นักแสดงผู้รับบท Henry ‘Ship’ Shipley นักเรียนประจำที่บ้านดิกคินสัน ผู้ให้ความสนใจกับลาวิเนีย เพื่อให้มาเป็นภรรยาและแม่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับลูกของเขา ตัวของ Pico Alexander ก็บอกว่าตัวละครนี้ออกจะทึ่มเล็กน้อย และสำหรับลาวิเนียแล้ว นั่นจะกลายเป็นการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างการค้นหาว่าเธอเป็นใคร และการที่เธอจะกลายเป็นใคร

Pico Alexander และ Anna Baryshnikov ใน Dickinson ซีซั่น 2
Courtesy of Apple

นอกจากนี้แล้ว แก๊งสาวๆ ในเรื่องจากซีซั่นที่แล้วอย่าง Jane Humphrey (Gus Birney) และ Toshiaki (Kevin Yee) ก็ถือเป็นตัวละครสำคัญไม่แพ้กันในซีซั่น 2 โดยเฉพาะ Sophie Zucker ที่รับบท Abby Wood ที่ตอนนี้เป็นหนึ่งในทีมเขียนบทของซีซั่น 2 อีกด้วย

ส่วนตัวละครสำคัญที่ขาดไม่ได้ Death ที่รับบทโดย Wiz Khalifa ก็กลับมาร่วมในซีซั่น 2 และมีบทบาทสำคัญอีกด้วย นอกจากนี้แล้ว เขายังเขียนเพลงให้กับตัวละครของเขาในซีรีส์ชุดนี้อีกด้วย

และอีกหนึ่งตัวละครสำคัญที่เป็นปริศนา นั่นก็คือ ‘Nobody’ ที่รับบทโดย Will Pullen นั้น เป็นตัวละครที่เอมิลี่นั้นจดจำได้ แต่ไม่สามารถระบุได้มากนัก และเมื่อเธอถามชื่อเขา เขาก็เอาแต่บอกว่า “ฉันไม่ใช่ใคร คุณล่ะคือใคร?” ซึ่ง Alena Smith บอกว่า เขาเป็นกุญแจสำคัญของการเดินทางในเส้นทางแห่งนี้ และนี่คือสิ่งที่เธอตั้งเป้าเอาไว้ตลอดมา

รับชม Dickinson ได้ที่นี่ สามตอนแรกของ Dickinson ซีซั่น 2 จะฉายทาง Apple TV+ ในวันที่ 8 มกราคม 2021 และเอพพิโซดที่เหลือจะฉายหลังจากนั้นรายอาทิตย์

source:

  • https://decider.com/2020/12/18/dickinson-season-2-set-visit-behind-the-scenes/
  • https://variety.com/2020/tv/news/dickinson-hailee-steinfeld-renewed-season-3-apple-season-2-premiere-date-1234797428/
  • https://www.etonline.com/dickinson-hailee-steinfeld-teases-a-sexier-season-2-watch-157808
  • https://www.hollywoodreporter.com/live-feed/apples-dickinson-what-critics-are-saying-1250979
  • https://www.vulture.com/2020/10/dickinson-season-2-release-date-trailer.html
Previous

เบื้องหลังและบทสัมภาษณ์ของ Pieces of a Woman (2020)

เกิดอะไรขึ้นใน Killing Eve season 3 Episode 5

Next